ASTV ผู้จัดการ - ประธานเฟดาส่งสัญญาณขึ้นอัตาาดอกเบี้ย กดหุ้นทั่วโลกผันผวน หุ้นเหวี่ยงลง 12 จุด ก่อนรีบาวนด์กลับช่วงท้ายการซื้อเหลือปิดลบ 2 จุด โบรกเตือนระวังการลงทุน ติดตามสถานการณ์ต่างประเทศ หลังพบดัชนีมีอัพไซด์จำกัด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20มี.ค.) ปรับตัวผันผวน โดยระหว่างวันปรับตัวลดลงไปถึง 12.91จุด หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดวงเงินในมาตรการQE3 สวนทางกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาในการซื้อขายรอบบ่ายหนุนดัชนีปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,361.47 จุด ลดลง 2.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,665.82 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง -0.21%
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส สรุปภาพรวมบรรยากาศตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันเคลื่อนไหวในแดนลบ หลังนักลงทุนยังวิตกกังวลผลการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐฯ ที่ปรับลดขนาดมาตราการ QE ต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังรอผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยเรื่องการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ในวันนี้ (21 มี.ค.) กดดันให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนทั้งวัน
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(21มี.ค.) ประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะปรับตัวผันผวนต่อหลังยังต้องติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีทิศทางออกมาอย่างไร เพราะมีน้ำหนักต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันยังต้องจับตาภาวะตลาดหุ้นในต่างประเทศว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งอาจมีแรงหนุนให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,340 -1,380 จุด
นักวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า วานนี้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกหลังจากที่เฟดยุติการใช้มาตรการ QE ไปแล้วราว 6 เดือน ซึ่งมีนัยว่ามาตรการ QE อาจยุติลงภายในปีนี้
โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการFOMC ของเฟด มีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมครั้งล่าสุด ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนเม.ย.ปีนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การลด QE ในสหรัฐจะทำให้เพดานราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยมีสาเหตุหลักๆมาจากกระแสเงินไหลออกนอกประเทศ
พร้อมประเมินแนวโน้มดัชนีวันนี้(21มี.ค.) น่าจะเคลื่อนไหวทรงตัวจากวานนี้ หลังการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้แรงขายเริ่มลดลงในระยะสั้น ขณะที่ในระยะกลางความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เป็นแรงกดดัน Upside ของดัชนีให้จำกัด แนะนำว่าลงทุนอย่างระมัดระวัง
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20มี.ค.) ปรับตัวผันผวน โดยระหว่างวันปรับตัวลดลงไปถึง 12.91จุด หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดวงเงินในมาตรการQE3 สวนทางกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาในการซื้อขายรอบบ่ายหนุนดัชนีปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,361.47 จุด ลดลง 2.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,665.82 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง -0.21%
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส สรุปภาพรวมบรรยากาศตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันเคลื่อนไหวในแดนลบ หลังนักลงทุนยังวิตกกังวลผลการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐฯ ที่ปรับลดขนาดมาตราการ QE ต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังรอผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยเรื่องการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ในวันนี้ (21 มี.ค.) กดดันให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนทั้งวัน
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(21มี.ค.) ประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะปรับตัวผันผวนต่อหลังยังต้องติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีทิศทางออกมาอย่างไร เพราะมีน้ำหนักต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันยังต้องจับตาภาวะตลาดหุ้นในต่างประเทศว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งอาจมีแรงหนุนให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,340 -1,380 จุด
นักวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า วานนี้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกหลังจากที่เฟดยุติการใช้มาตรการ QE ไปแล้วราว 6 เดือน ซึ่งมีนัยว่ามาตรการ QE อาจยุติลงภายในปีนี้
โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการFOMC ของเฟด มีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมครั้งล่าสุด ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือนเม.ย.ปีนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การลด QE ในสหรัฐจะทำให้เพดานราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยมีสาเหตุหลักๆมาจากกระแสเงินไหลออกนอกประเทศ
พร้อมประเมินแนวโน้มดัชนีวันนี้(21มี.ค.) น่าจะเคลื่อนไหวทรงตัวจากวานนี้ หลังการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้แรงขายเริ่มลดลงในระยะสั้น ขณะที่ในระยะกลางความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เป็นแรงกดดัน Upside ของดัชนีให้จำกัด แนะนำว่าลงทุนอย่างระมัดระวัง