xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดร่วง 2 จุด นักวิเคราะห์รคาดพรุ่งนี้ผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดร่วงตามตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกที่ปรับตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณกำหนดเวลาการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วเกินคาด รวมทั้งประกาศลดวงเงินซื้อพันธบัตรอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อคืนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ระบุพรุ่งนี้ดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนตามตลาดต่างประเทศ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่  1,361.47 จุด ลดลง    -2.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,665.82 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง -0.21%  โดยดัชนีสูงสุดที่ 1,361.47 จุด และต่ำสุดที่ 1,351.36 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส สรุปภาพรวมบรรยากาศตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันนี้เคลื่อนไหวในแดนลบ  หลังนักลงทุนยังวิตกกังวลผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ ที่ปรับลดขนาดมาตรการ QE ต่อเนื่อง  ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังรอผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยเรื่องการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) กดดันให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนทั้งวัน

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้  ประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะปรับตัวผันผวนต่อหลังยังต้องติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีทิศทางออกมาอย่างไร  เพราะมีน้ำหนักต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาภาวะตลาดหุ้นในต่างประเทศคืนนี้ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร  ซึ่งอาจมีแรงหนุนให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,340-1,380 จุด

นักวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุวันนี้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกหลังจากที่เฟดยุติการใช้มาตรการ QE ไปแล้วราว 6 เดือน ซึ่งมีนัยว่ามาตรการ QE อาจยุติลงภายในปีนี้

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมครั้งล่าสุด ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการดังกล่าวในเดือน เม.ย.ปีนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การลด QE ในสหรัฐฯ จะทำให้เพดานราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากกระแสเงินไหลออกนอกประเทศ

พร้อมประเมินแนวโน้มดัชนีพรุ่งนี้น่าจะเคลื่อนไหวทรงตัวจากวานนี้ หลังการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แรงขายเริ่มลดลงในระยะสั้น ขณะที่ในระยะกลางความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เป็นแรงกดดัน Upside ของดัชนีให้จำกัด  แนะนำว่าลงทุนอย่างระมัดระวัง

ขณะที่ บล.กสิกรไทย ระบุ   ปัจจัยลบจากความกังวล Fed ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดยังคงกดดัน SET Index ให้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,350-1,360 จุด ทั้งนี้การที่ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลถอดถอนความผิดนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กรณีแก้ไขที่มา ส.ว. ด้วยเหตุจงใจใช้อำนาจมิชอบ โดยมีผลให้พ้นการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่ประชุม ป.ป.ช. ยังไม่มีมติชี้มูลความผิดเนื่องจากเป็นประเด็นที่ไม่สอดคล้อง และตรงกับกรณีนายนิคม ส่งผลทำให้ต้องพิจารณาพยานหลักฐานเพิ่มอาจนำมาซึ่งความกังวลสุญญากาศทางการเมืองในอนาคต และอาจเพิ่มแรงกดดันต่อดัชนีในช่วงบ่าย

โดยแนะนำกลยุทธ์ คือ รอซื้อกลับบริเวณแนวรับ 1,330 จุด หลังจากที่แนะนำให้ทยอยขายทำกำไรที่ 1,380 ไปแล้ว หรือสำหรับนักลงทุนที่เล่น gap trading และได้ทำการ stop loss ไปแล้วหลังหลุด 1,360  ให้รอซื้อคืนบริเวณ 1,330 จุด โดยหุ้นที่น่าสนใจในการรับคือ หุ้นธนาคารที่ราคาค่อนข้างถูก และมี downside ต่ำ

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
CPF มูลค่าการซื้อขาย 2,770,392 ล้านบาท ปิดที่ 28.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,028,248 ล้านบาท ปิดที่ 225.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,706,803 ล้านบาท ปิดที่ 178.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,557,649 ล้านบาท ปิดที่ 7.05 บาท ลดลง 0.10 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,510,419 ล้านบาท ปิดที่ 293.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น