ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กลายเป็นกระแสเพิ่มมิติให้การชุมนุมของ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) สำหรับคำพิพากษาของ ศาลปกครองสูงสุด ที่สั่งให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้กับ “ถวิล เปลี่ยนศรี”
ที่สำคัญเพิ่มความชอบธรรมให้กับ กปปส. ซึ่งยืนยันมาตลอดว่า“ระบอบทักษิณ”คอยกัดกิน และทำร้ายสังคมไทยไปทุกย่อมหญ้า และประเด็นการสังคายนาระบบราชการ ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นเป็นหัวข้อในการออกแบบวางพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศด้วย
กรณีของ ถวิล ที่โดน ระบอบทักษิณ เล่นงานอย่างชัดเจนที่สุด เพราะเป็นการย้ายเพื่อเปิดทางให้“พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี”ที่นั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทิ้งศักดิ์ศรีของตำรวจ มานั่งตำแหน่ง เลขาฯสมช.
ซึ่งหากเป็นเพียงขยักเดียว ย้าย วิเชียร มาแทน ถวิล ก็คงเป็นการขยับคนทำงานตามขั้วอำนาจที่เปลี่ยนไป และคงไม่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แต่การย้ายครั้งนี้ซับซ้อนกว่านั้น เพราะต้องการให้เก้าอี้ ผบ.ตร. ว่างลง เคลียร์รันเวย์เปิดทาง"พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" พี่ชายร่วมสายเลือดของ"คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร" อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขึ้นเบอร์ 1 แห่งอาณาจักรสีกากี ก่อนเกษียณอายุราชการ สมดังใจมุ่งหวัง
นี่คือความร้ายกาจของระบอบทักษิณ นับตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย มาถึง พลังประชาชน จนมาถึงรัฐบาลเพื่อไทยในตอนนี้ ที่เล่นพรรคเล่นพวก หากใครไม่ใช่พรรค ไม่ใช่พวก ก็จ้องจะเขี่ยให้พ้นทาง โดยไม่สนใจว่าใครจะได้รับผลกระทบกี่คน ลำบากลำบนอย่างไร
คำพิพากษาของ ศาลปกครองสูงสุด จึงปลุกวิญญาณม็อบ-ปลุกวิญญาณข้าราชการ ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ อย่างเข้มแข็งอีกคำรบหนึ่ง
เส้นตายภายใน 45 วัน ตามที่ ศาลปกครองสูงสุดได้ขีดเส้นไว้ทำให้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แทบไม่มีช่องจะดิ้น ไม่มีลูกไม้มายื้อเวลาไม่คืนตำแหน่งให้ ถวิล แต่บรรดาสมุนบริวาร ก็หายื้อยุดฉุดกระชาก แสดงท่าทีไม่พอใจคำสั่งศาล เพื่อหวังถ่วงเวลาทำตามให้ครบเดดไลน์ 45 วันไปเลย ระหว่างนั้น หากใครสบช่องทางไหนที่ท้าทายอำนาจศาลได้อย่างแนบเนียนก็ยิ่งดี
งานนี้จึงยังต้องบอกว่า หนทางกลับสู่ สมช.ของ ถวิล ยังไม่ปลอดโปร่งโล่งสบาย เพราะสองศรีพี่น้อง “แม้ว-ปู”ยังคงดิ้นรนหาทางท้าทายอำนาจศาลให้ได้จนวินาทีสุดท้าย
ทั้งที่จนแล้วจนรอด มองมุมไหนก็ตะแบงหลบเลี่ยงไปได้ยาก อย่างล่าสุด กฤษฎีกาฯ ที่โอนอ่อนผ่อนตามรัฐบาลเพื่อไทยมาโดยตลอด ยังชี้ว่า ต้องทำตามคำสั่งศาลปกครองโดยเร็ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผลกรรมจึงไปตกอยู่ที่ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร”เลขาธิการ สมช. ที่อาศัยอานิสงส์จากการเป็นเครือญาติ “ปรีดา พัฒนถาบุตร” นายเก่าของทักษิณ มานั่งเลขาฯ สมช.
ที่เป็นรายแรกต้องระเห็จไปจาก สมช.แต่ “เสธ.แมว”คงไม่เหงา เพราะเชื่อว่าในไม่ช้า จะมีการยกเครื่อง สมช.ใหม่เกือบทั้งหมด เพราะมรดกบาปที่ พล.ท.ภราดร ทิ้งไว้ให้ มีเยอะแยะมากมาย
ในช่วงเวลา 1 ปีครึ่ง ของ พล.ท.ภราดร ในตำแหน่งเลขาฯสมช. ได้เซ็นคำสั่งโยกย้าย บิ๊กข้าราชการ สมช. ที่เป็น “ลูกหม้อ”โตตาม ถวิล มาหลายคน ซึ่งที่เห็นเด่นชัด แล้วกระทบต่องานด้านความมั่นคงมากที่สุดคือ การที่ เสธ.แมว เด้ง “สมเกียรติ บุญชู”ออกจากตำแหน่ง รอง เลขาฯสมช. เพราะรู้กันดีว่า สมเกียรติ สนิทชิดเชื้อกับ ถวิล เป็นอย่างมาก
“เสธ.แมว”เด้ง สมเกียรติ เพื่อเปิดทางให้เพื่อนรักที่ไม่เคยมีบทบาทในกองทัพ อย่าง “พล.ท.พงศกร รอดชมภู”เข้ามานั่งตำแหน่ง รองเลขาฯ สมช.แทน โดยไว้วางใจให้ “พล.ท.พงศกร”ดูแลความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์-บ้าอำนาจ ทำให้ข้าราชการในพื้นที่-ชาวบ้านในพื้นที่ ออกมาต่อต้านตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่ง จนถึงวันนี้
บางครั้ง พล.ท.พงศกร ใช้อำนาจในการเรียก หน่วยงานในพื้นที่ มาประชุม แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดมาประชุมร่วมเลย เพราะรู้สไตล์การทำงานของ พล.ท.พงศกร ดี
ในที่สุดงานของสมช.ไม่เดินหน้า ร้อนถึง “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง”ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ต้องแต่งตั้ง “สมเกียรติ”ซึ่งทำงานมานาน จนได้รับความไว้วางใจ จากทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคใต้ มานั่งเป็นที่ปรึกษาศอ.บต. เข้ามาช่วยกู้หน้า
ดังนั้นการกลับมาของ ถวิล จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะเซ็ตทีมงานภาคใต้ขึ้นมาใหม่ โดยจะมีการมอบหมายให้ สมเกียรติ ดูแลเป็นหลัก แม้จะยังย้าย สมเกียรติ มาไม่ได้ เพราะตำแหน่งรองเลขาฯ สมช. ต้องนำเรื่องเข้าครม. แต่บทบาทของ สมเกียรติ จะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง แน่นอน
แต่หากไม่ใช่ สมเกียรติ ตัวเลือกของ ถวิล ที่จะทำเรื่องภาคใต้ คือ “ดนัย มูส่า”ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงภาคใต้ และชนต่างวัฒนธรรม
ฟันธงล่วงหน้าได้เลยว่า คนที่จะถูกย้ายตาม“เสธ.แมว” คือ “พล.ท.พงศกร”อยู่ที่ว่าจะยอมย้ายตัวเอง หรือต้องให้ ถวิล บังคับย้ายบัญชีดำคนต่อไปของ ถวิล คือ “พล.ท.สมชาย วัชระนาค” ซึ่งที่ผ่านมาเข้าแอบอิงสั่งการแทน เสธ.แมว มาโดยตลอด นั่นเพราะ เสธ.แมว ทำงานสนองการเมือง จนไม่มีเวลาปัดกวาดเช็ดถูหลังบ้าน สมช.
พล.ท.สมชาย จึงรับหน้าที่แม่บ้าน ดูแลทุกข์สุขแทน แต่ดูเหมือนข้าราชการ สมช. จะมีแต่ความทุกข์มากกว่าความสุข เพราะหาก เพื่อนทหาร คนไหนของ “พล.ท.สมชาย”ว่างงาน ไม่มีงานทำ ตำแหน่งไม่โต ก็จะดึงมากินตำแหน่งที่ สมช. แทน
หาก ถวิล สั่งเด้ง พล.ท.สมชาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ส่วนบรรดาทีมงานหน้าห้อง เสธ.แมว และทีมงานที่มาจากกองทัพ ซึ่งเป็นคนที่ เสธ.แมว วางใจ แต่บางคนก็มีใบสั่งจาก“นาย”ฝากมากินตำแหน่ง คงต้องหลีกทางกันไปหมด
นอกจากนี้ ถวิล ต้องปรับเปลี่ยนข้าราชการสมช. ที่ระยะหลังมีหลายคนที่ปรากฏว่า ปันหัวใจเข้าสังกัด “สีแดง” เพราะอยากเติบโตในหน้าที่ ถวิล จึงต้องเปลี่ยนหลักคิด แนวคิด การทำงานของ สมช.เสียใหม่ ไม่ให้โดน“ระบอบทักษิณ”กัดกินจนหมด เปลี่ยนจาก“หัวใจสีแดง”ให้เป็น “หัวใจ สมช.”
ทว่าอนาคตของสมช. ไม่ได้อยู่ภายใต้เงื้อมือของ ถวิล เพียงคนเดียว เวลาเพียงแค่ 5-6 เดือน ผนวกกับการเมืองที่ยังไม่นิ่ง คงไม่มีมากพอให้ ถวิล ปรับย้าย ถ่ายเท ได้ทั้งหมด
โจทย์ใหญ่คือ “เบอร์หนึ่ง สมช.”คนต่อไปหลัง ถวิล เกษียณอายุราชการ โพกัสไปที่ “พรชาติ บุนนาค”รองเลขาฯ สมช. และ “อนุสิษฐ คุณากร”รองเลขาฯ สมช. ทั้งสองคนคือ แคนดิเดต ในฐานะ “ลูกหม้อสมช.”
หากอนาคตการเมืองตกอยู่ในมือ “สีเขียว-สีฟ้า” แคนดิเดต คงไม่เปลี่ยน
หากการเมืองตกอยู่ในมือ “สีแดง” มีหวังได้คนนอกเข้ามาบริหาร สมช. อีกเป็นแน่ เพราะอย่าลืมว่า พล.ท.ภราดร จะเกษียณอายุราชการ ในปี 2558
หาก “สีแดง”เข้าวิน พล.ท.ภราดร กลับมาแน่
แต่หาก“นายใหญ่”ไม่เลือก พล.ท.ภราดร อย่างไรเสียก็จะเลือก"คนนอก" เข้ามาบริหาร สมช. อยู่ดี เพราะบิ๊กข้าราชการสมช. ระดับ “ลูกหม้อ สมช.” ขนานแท้แทบจะไม่มีใคร “หัวใจสีแดง”สักคน
อนาคต สมช. ในฐานะฝ่ายนโยบายความมั่นคง อนาคตความมั่นคงของประเทศไทย จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับ“อำนาจการเมือง”เช่นเดิม