ภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี ภายใน 45 วัน ท่าทีของรัฐบาลรักษาการนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำท่าว่าจะยื้อคำสั่งของศาลออกไป
ดังจะเห็นได้จากนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยที่ศาลกำหนดเวลาคืนตำแหน่งให้นายถวิล เปลี่ยนศรี และว่า กำหนดเวลา 45 วันอาจจะไม่ทัน ส่วนไอ้ปึ้ง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า ทำงานกับนายถวิล เปลี่ยนศรี ลำบาก นอกจากนั้นยังมีขี้ข้าของระบอบทักษิณ เรียกร้องให้ตั้งกรรมการสอบสวนนายถวิล เปลี่ยนศรี เนื่องจากนายถวิลเคยขึ้นเวที กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด รัฐบาล และบรรดามือตีนของรัฐบาลจะรู้สำนึก ละอายต่อสิ่งที่ได้กระทำกับนายถวิล เปลี่ยนศรี เพราะคำพิพากเขียนชัดเจน แม้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการประจำย่อมมีอำนาจดุลพินิจในการบริหารงานบุคคล หมุนเวียน สับเปลี่ยนบทบาท หรือการทำหน้าที่ของข้าราชการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล แต่ในการใช้อำนาจดุลพินิจยังต้องคำนึงถึงเหตุผลรองรับที่มีอยู่จริงและอธิบายได้ แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายถวิลปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีประสิทธิภาพ มีข้อบกพร่องหรือไม่สนองนโยบายรัฐบาล จนเป็นผลให้ต้องโอนย้ายตามความเหมาะสม เท่ากับว่าฝ่ายบริหารได้ใช้อำนาจดุลพินิจในการโอนย้ายนายถวิลโดยไม่มีเหตุผลรองรับ แทนที่คนเหล่านี้จะอายกลับจะหาทางยื้อ หรือกลั่นแกล้งนายถวิลต่อไปอีก
เขาบอกว่าศาลมากำหนดเวลา 45 วัน และพวกเขาอาจจะทำไม่ทัน?
ฟังมันพูดซิ เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น งานแรกๆ ที่ทำก็คือ หาทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุด ซึ่งขณะนั้นพล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นอยู่ ต้องหาเก้าอี้ให้ พล.ต.อ.วิเชียรที่พอสมน้ำสมเนื้อจึงต้องเด้งนายถวิลออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ให้พล.ต.อ.วิเชียรเป็นแทน และเมื่อตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมว่าง ก็โยกพล.ต.อ.วิเชียรไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม และเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ก็แต่งตั้งพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร บุตรชายของนายปรีดา พัฒนถาบุตร ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายตำรวจติดตาม เป็นการตอบแทนบุญคุณ
ไม่เกี่ยวข้องกับราชการงานเมืองเลย แต่ทำเอาราชการงานเมืองเป็นเสมือนสมบัติส่วนตัว จึงได้เกิดความเสียหายต่อกิจการงานเมือง ดังเช่นไปเจรจากับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งเท่ากับไปยอมรับกลุ่มเหล่านี้และก็ไม่เกิดประโยชน์ และทุกวันนี้ภารกิจดังกล่าวก็เงียบหายไป ความไม่สงบในภาคใต้ก็ยังคงดำเนินต่อไป
การย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ เพื่อเปิดทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุด และเพื่อตอบแทนบุญคุณนายปรีดา พัฒนถาบุตร ไม่เห็นต้องใช้เวลานานถึง 45 วัน
แต่พอศาลบอกให้คืนตำแหน่งให้นายถวิล มันบอกอาจจะทำไม่ทัน ดูน้ำใจ ดูสันดานมันเถอะ วันเดียว สัปดาห์เดียว เดือนเดียวก็ทำได้ ถ้าหากไม่คิดจะเบี้ยวจะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงบาลี
ทำไมศาลต้องกำหนดเวลา?
อาจจะอย่างที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตตุลาการที่หันมาเอาดีทางการเมือง และเพิ่งประสบความสำเร็จ เมื่อหันเหมาสวามิภักดิ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือทำไมศาลมากำหนดเวลา
เข้าใจว่าศาลคงตระหนักดีถึงนิสัยสันดานของผู้บริหารประเทศชุดนี้ว่ามันเบี้ยวแน่นอน บอกให้คืนตำแหน่งมันก็อาจจะบอกว่า อยู่ระหว่างการใช้ดุลพินิจ เช่น มันอาจจะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลหรือไม่ ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลจะเป็นอย่างไร อาจจะตอบไปว่าขณะนี้กำลังหาตำแหน่งให้ พล.ท.ภราดร อยู่ หรืออาจจะบอกว่ามีภารกิจสำคัญที่พล.ท.ภราดรจะต้องทำให้เสร็จ หาไม่แล้วจะเกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง ฯลฯ สารพัดที่มันจะเอามาเป็นเหตุผล เมื่อศาลรู้เช่นนี้แล้วจึงได้กำหนดเวลาเอาไว้เลยภายใน 45 วัน
แล้วมันยังจะหาทางเบี้ยวไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอีก
ถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่า คำพิพากษาของศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองฯ และกระทั่งศาลยุติธรรม ถ้าหากคำพิพากษาคำสั่งศาลไม่เป็นคุณกับพวกเขาแล้ว เขาก็จะพูดเหมือนกันหมดว่า ศาลยุติความเป็นธรรม ศาลสิ้นสุดความเป็นธรรม ถ้าหากเป็นคุณกับเขา พวกเขาก็จะเงียบเฉย
สิ่งที่พวกเขาให้กับศาลก็คือ ระเบิดบ้าง คำขู่ คำประท้วง หลังจากที่บริษัทบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามจะญาติดีกับศาล เช่น ทำเป็นลืมถุงขนมที่มีเงิน 2 ล้านบาทไว้ที่ศาล และก็สังเวยด้วยการติดคุก กล่าวคือ ซื้อไม่ได้ก็จะใช้วิธีข่มขู่คุกคามให้หวาดกลัว
แต่ดูเหมือนว่า อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 จะมีอำนาจตุลาการที่พวกเขาไม่สามารถแผ่อิทธิพลเข้าไปครอบงำได้ แม้จะได้เป็นบางส่วนแต่ก็เพียงส่วนน้อย
ยังถือว่าเป็นโชคดีของประเทศนี้อยู่
ดังจะเห็นได้จากนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยที่ศาลกำหนดเวลาคืนตำแหน่งให้นายถวิล เปลี่ยนศรี และว่า กำหนดเวลา 45 วันอาจจะไม่ทัน ส่วนไอ้ปึ้ง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า ทำงานกับนายถวิล เปลี่ยนศรี ลำบาก นอกจากนั้นยังมีขี้ข้าของระบอบทักษิณ เรียกร้องให้ตั้งกรรมการสอบสวนนายถวิล เปลี่ยนศรี เนื่องจากนายถวิลเคยขึ้นเวที กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด รัฐบาล และบรรดามือตีนของรัฐบาลจะรู้สำนึก ละอายต่อสิ่งที่ได้กระทำกับนายถวิล เปลี่ยนศรี เพราะคำพิพากเขียนชัดเจน แม้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการประจำย่อมมีอำนาจดุลพินิจในการบริหารงานบุคคล หมุนเวียน สับเปลี่ยนบทบาท หรือการทำหน้าที่ของข้าราชการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล แต่ในการใช้อำนาจดุลพินิจยังต้องคำนึงถึงเหตุผลรองรับที่มีอยู่จริงและอธิบายได้ แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายถวิลปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีประสิทธิภาพ มีข้อบกพร่องหรือไม่สนองนโยบายรัฐบาล จนเป็นผลให้ต้องโอนย้ายตามความเหมาะสม เท่ากับว่าฝ่ายบริหารได้ใช้อำนาจดุลพินิจในการโอนย้ายนายถวิลโดยไม่มีเหตุผลรองรับ แทนที่คนเหล่านี้จะอายกลับจะหาทางยื้อ หรือกลั่นแกล้งนายถวิลต่อไปอีก
เขาบอกว่าศาลมากำหนดเวลา 45 วัน และพวกเขาอาจจะทำไม่ทัน?
ฟังมันพูดซิ เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น งานแรกๆ ที่ทำก็คือ หาทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุด ซึ่งขณะนั้นพล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นอยู่ ต้องหาเก้าอี้ให้ พล.ต.อ.วิเชียรที่พอสมน้ำสมเนื้อจึงต้องเด้งนายถวิลออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ให้พล.ต.อ.วิเชียรเป็นแทน และเมื่อตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมว่าง ก็โยกพล.ต.อ.วิเชียรไปนั่งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม และเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ก็แต่งตั้งพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร บุตรชายของนายปรีดา พัฒนถาบุตร ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายตำรวจติดตาม เป็นการตอบแทนบุญคุณ
ไม่เกี่ยวข้องกับราชการงานเมืองเลย แต่ทำเอาราชการงานเมืองเป็นเสมือนสมบัติส่วนตัว จึงได้เกิดความเสียหายต่อกิจการงานเมือง ดังเช่นไปเจรจากับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งเท่ากับไปยอมรับกลุ่มเหล่านี้และก็ไม่เกิดประโยชน์ และทุกวันนี้ภารกิจดังกล่าวก็เงียบหายไป ความไม่สงบในภาคใต้ก็ยังคงดำเนินต่อไป
การย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ เพื่อเปิดทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุด และเพื่อตอบแทนบุญคุณนายปรีดา พัฒนถาบุตร ไม่เห็นต้องใช้เวลานานถึง 45 วัน
แต่พอศาลบอกให้คืนตำแหน่งให้นายถวิล มันบอกอาจจะทำไม่ทัน ดูน้ำใจ ดูสันดานมันเถอะ วันเดียว สัปดาห์เดียว เดือนเดียวก็ทำได้ ถ้าหากไม่คิดจะเบี้ยวจะบ่ายเบี่ยงเลี่ยงบาลี
ทำไมศาลต้องกำหนดเวลา?
อาจจะอย่างที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตตุลาการที่หันมาเอาดีทางการเมือง และเพิ่งประสบความสำเร็จ เมื่อหันเหมาสวามิภักดิ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือทำไมศาลมากำหนดเวลา
เข้าใจว่าศาลคงตระหนักดีถึงนิสัยสันดานของผู้บริหารประเทศชุดนี้ว่ามันเบี้ยวแน่นอน บอกให้คืนตำแหน่งมันก็อาจจะบอกว่า อยู่ระหว่างการใช้ดุลพินิจ เช่น มันอาจจะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลหรือไม่ ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลจะเป็นอย่างไร อาจจะตอบไปว่าขณะนี้กำลังหาตำแหน่งให้ พล.ท.ภราดร อยู่ หรืออาจจะบอกว่ามีภารกิจสำคัญที่พล.ท.ภราดรจะต้องทำให้เสร็จ หาไม่แล้วจะเกิดความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง ฯลฯ สารพัดที่มันจะเอามาเป็นเหตุผล เมื่อศาลรู้เช่นนี้แล้วจึงได้กำหนดเวลาเอาไว้เลยภายใน 45 วัน
แล้วมันยังจะหาทางเบี้ยวไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอีก
ถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่า คำพิพากษาของศาล ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองฯ และกระทั่งศาลยุติธรรม ถ้าหากคำพิพากษาคำสั่งศาลไม่เป็นคุณกับพวกเขาแล้ว เขาก็จะพูดเหมือนกันหมดว่า ศาลยุติความเป็นธรรม ศาลสิ้นสุดความเป็นธรรม ถ้าหากเป็นคุณกับเขา พวกเขาก็จะเงียบเฉย
สิ่งที่พวกเขาให้กับศาลก็คือ ระเบิดบ้าง คำขู่ คำประท้วง หลังจากที่บริษัทบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามจะญาติดีกับศาล เช่น ทำเป็นลืมถุงขนมที่มีเงิน 2 ล้านบาทไว้ที่ศาล และก็สังเวยด้วยการติดคุก กล่าวคือ ซื้อไม่ได้ก็จะใช้วิธีข่มขู่คุกคามให้หวาดกลัว
แต่ดูเหมือนว่า อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 จะมีอำนาจตุลาการที่พวกเขาไม่สามารถแผ่อิทธิพลเข้าไปครอบงำได้ แม้จะได้เป็นบางส่วนแต่ก็เพียงส่วนน้อย
ยังถือว่าเป็นโชคดีของประเทศนี้อยู่