xs
xsm
sm
md
lg

อัดรัฐบาลยื้อตำแหน่งถวิล เจตนาดิสเครดิตองค์กรอิสระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ถวิล" ถามรัฐบาล ได้พยายามหาช่องทางคืนตำแหน่งเลขา สมช.ให้หรือยัง หลัง "พงศ์เทพ" ออกตัวอาจไม่ทันภายใน 45 วัน ตอกกลับ "ภราดร" ข้าราชการที่ดี ต้องยึดประโยชน์ชาติบ้านเมือง ปชป.อัดรัฐบาลจงใจยื้อ ท้าทายศาลปกครอง จี้เร่งคืนความเป็นธรรมโดยด่วน "สุริยะใส" เชื่อยื้อตำแหน่ง เหตุมีเงื่อนงำหลายอย่างใน สมช. หวั่นถูกเปิดโปง

นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึงกรณีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าขั้นตอนการคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซับซ้อน อาจไม่ทันภายในเวลา 45 วัน ตามที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง ว่า ที่ผ่านมาศาลปกครองสูงสุด เคยมีคำสั่งคืนตำแหน่งให้กับข้าราชการมาแล้วหลายคน อาทิ กรณีนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิช อดีตอธิบดีกรมการปกครอง หรือ นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับตน และสามารถคืนตำแหน่งได้

ดังนั้น เมื่อมีแนวทางอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะยากอะไร ตอนย้ายตนออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ยากกว่านี้ และถึงยากก็ควรปฏิบัติ เพราะเป็นคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่า เร็วเกินไปหรือไม่ที่ออกมาพูดว่า กระบวนการสลับซับซ้อน ได้มีการพยายามปรึกษากับทางศาลแล้วหรือยัง หรือเป็นเพราะมีปัญหากับตนหรือไม่

“มีกรณีของนายวงศ์ศักดิ์ และนายพีรพล เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว หากทำตามแนวทางดังกล่าวก็ไม่น่าจะยาก อีกทั้งคนที่ได้รับผลกระทบคือคนของท่านเอง น่าจะพูดจากันได้ ไม่เห็นจะยากอะไร น่าจะเร็วขึ้นด้วยซ้ำ”นายถวิล กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปรึกษากับทีมกฎหมายหรือไม่ หากเกิดกรณีที่มีการยื้อเวลาเพื่อคืนตำแหน่งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายถวิล กล่าวว่า มีคนเสนอเยอะ โดยเฉพาะแนวทางต่อสู้ตามกฎหมาย ทั้งทางแพ่ง และอาญา แต่ตนอยากนิ่งๆ ทำใจร่มๆไว้ก่อน ไม่อยากคิดอะไรมาก เพราะผ่านความวิตกกังวลและความเดือดร้อนมาพอสมควรแล้ว ตนถือว่า เป็นเรื่องของนายกฯ กับศาลปกครองสูงสุดแล้ว ไม่ใช่เรื่องระหว่างตนกับนายกฯ แล้ว เพราะศาลตัดสินเรียบร้อย

นายถวิล กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. เตือนตนให้เป็นข้าราชการที่ดี เชื่อฟังผู้บังคับบัญชานั้น ตนอยากนิยามว่า ข้าราชการที่ดี จะต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาที่มีเหตุผล ยึดผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และต้องนิยามด้วยว่า ข้าราชการที่ดี ต้องไม่ใช่ข้าราชการที่ฉวยโอกาส ทำร้ายพวกเดียวกันเอง เพื่อให้เติบโตขึ้นมา

นายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า รัฐบาลต้องทำตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ก็คือต้องยกเลิกคำสั่งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เชื่อว่าไม่มีอะไรยุ่งยาก แต่อาจจะยุ่งนิดเดียวคือ การหาตำแหน่งให้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. คนปัจจุบัน ส่วนกรอบเวลาก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล นอกจากนี้ยังต้องมีกระบวนการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะต้องทำเรื่องเสนอทูลเกล้าฯต่อไป เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบอะไรหรือไม่ นายนนทิกรกล่าวว่า ตามทฤษฎีแล้วนายกฯเชื่อว่ามีอำนาจทางการปกครองจึงมีคำสั่งโยกย้าย ซึ่งเป็นดุลยพินิจของแต่ละฝ่าย ส่วนที่พูดเรื่องความรับผิดชอบคงพูดในมุมการเมืองมากกว่า แต่ความรับผิดชอบก็คือการคืนตำแหน่ง กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องมีเบี้ยปรับ และหากนายถวิลเห็นว่าสูญเสียอะไรก็สามารถฟ้องทางแพ่งได้ หลักๆคือขอให้ตามกรอบกฎหมายกำหนด

ปชป.ชี้ขบวนการดิสเครดิตองค์กรอิสระ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) แก่นายถวิล เปลี่ยนศรี ภายใน 45 วัน แต่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ กลับออกมาระบุว่า ศาลปกครองไม่สามารถบังคับให้ต้องทำภายใน 45 วัน หากกระบวนการทางกฎหมายดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เป็นเรื่องที่แสดงถึงการท้าทายอำนาจศาลฯ ทั้งที่ควรจะต้องเคารพการตัดสินของศาลปกครองสูงสุด

ส่วนที่อ้างว่า เวลา 45 วันไม่เพียงพอที่จะคืนตำแหน่งให้นายถวิลนั้น อยากให้ทบทวนดูตอนที่รัฐบาลเอานายถวิล ออกจากตำแหน่งใช้เวลากี่วัน ตอนนั้นรัฐบาลมุ่งหวังจะเอา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ มาเป็น ผบ.ตร. โดยย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกจากตำแหน่งผบ.ตร. จึงต้องหาตำแหน่งระดับเดียวกัน ด้วยการโยกนายถวิลออกให้ พล.ต.อ.วิเชียร ไปเป็นเลขาสมช. เปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นผบ.ตร.โดยใช้เวลาไม่นาน แต่เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งภายใน 45 วัน กลับบอกว่าไม่ทัน เป็นข้ออ้างพยายามที่จะยื้อไม่ให้นายถวิล กลับมาทำหน้าที่เลขาฯสมช. มากกว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง จึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บริหารสูงสุด ควรปล่อยให้การดำเนินการเรื่องนี้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครอง แทนที่จะยื้อเวลา และควรสำนึกว่าได้ใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง ใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ ทำให้การดำรงตำแหน่งเลขาฯสมช. ของนายถวิล ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาแล้ว

“อยากให้นายกฯ เลิกใช้กระบวนการยื้อเวลามาทำให้ความไม่เป็นธรรมยังคงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป แต่ต้องคืนความเป็นธรรมให้นายถิล ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด”รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะกรรมการกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยพยายามทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระต่างๆว่า ขณะนี้น่าเป็นห่วงที่องค์กรตรวจสอบต่างๆถูกให้ข่าวพาดพิงทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกิดความสับสน ทั้งกรณีไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอดถอนตุลาการศาล กรณีศาลแพ่งที่ตัดสินเรื่องพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ล่าสุดคือกรณีศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี ให้กลับมาเป็นเลขาฯสมช. ก็บืดเบือนว่าศาลปกครองขัดขวางการทำงานของรัฐบาล หรือ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรีไปรับทราบข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตจำนำข้าวก็กล่าวหา ป.ป.ช.คุกคามนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็กล่าวหาว่า ไร้ซึ่งอำนาจ ทั้งที่ความจริงแล้ว องค์กรอิสระต่างๆได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดในรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น หากรัฐบาลไม่เคารพรัฐธรรมนูญหรือไม่ยอมรับการตรวจสอบขององค์กรอิสระเหล่านี้ ก็ควรลาออกไปทั้งคณะรัฐมนตรี จะมากล่าวหาว่าองค์กรอิสระต่างๆ จ้องล้มรัฐบาลไม่ได้ แต่ล้วนเกิดจากพฤติการณ์ในการใช้อำนาจของรัฐบาลต่างหากที่ทำให้รัฐบาบต้องสะดุดขาตัวเอง และพรรคเพื่อไ
ทยก็อย่าโอดครวญว่าตั้งพรรคมากี่ครั้ง กี่พรรคก็ถูกยุบแต่ต้องกลับไปดูพฤติกรรมของคนในพรรคว่า ได้ทำถูกต้องหรือผิดขีอกฎหมายอย่างไรจึงถูกยุบพรรค ทั้งหมดล้วนทำเป็นขบวนการเพื่อดิสเครดิสขององค์กรอิสระทั้งสิ้น

นายนาเมศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอให้จับตาดูวันที่ 12 มี.ค.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสินคดี เงินกู้ 2ล้านล้านบาท ว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งมี 2ประเด็นคือ ร่างพรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มีข้อความขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และกระบวนการตรากฎหมายไม่ถูกต้อง ซึ่งศาลใช้เวลาพิจารณามาแล้วหลายเดือน ได้มีการไต่สวนพยานต่างๆทั้งพยานเอกสารและบุคคลอย่างละเอียด ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ได้นำเสนอพยานหลักฐานครบถ้วน โดยพรรคยืนยันว่า เราเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมแต่น่าจะใช้งบประมาณรายจ่ายตามปกติได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการกู้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง ที่สำคัญจะก่อหนี้สินเป็นภาระผูกพันในอนาคตและกระทบต่อหนี้สาธารณะสร้างความเสียหายต่อประเทศในภายหน้าอย่างคาดไม่ถึง สุดท้ายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะตัดสินออกมาเป็นเช่นไร ซึ่งพรรคพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัย แต่อยากเรียกร้องถึงพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาเช่นไร ก็ขอคำสัตย์ได้หรือไม่ว่า จะยอมรับคำวินิจฉัยของศาล อย่าปากว่าตาขยิบส่งสัญญาณให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาข่มขู่คุกคามศาลรัฐธรรมนูญเช่นที่ผ่านมาอีก ซึ่งหากกฎหมายนี้ศา
ลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญคนที่ต้องรับผิดชอบคือ นายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้รับรองกฎหมายฉบับนี้ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ

แฉเงื่อนงำรัฐบาลยื้อคืนตำแหน่งฯ

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนและกรรมการ กปปส. กล่าวว่า สถานการณ์รัฐบาลรักษาการในขณะนี้กำลังจะพบกับจุดจบที่ตัวเองสร้างไว้ โดยเฉพาะบทลงโทษจากองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หลายคดีความที่มีการร้องเรียนกล่าวโทษรัฐบาลเริ่มมีข้อยุติในเดือนนี้ ล่าสุดกรณีศาลปกครองสูงสุดสั่งคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้กับนายถวิล เปลี่ยนศรี

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังเตรียมชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร กรณีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมวินิจฉัยสถานภาพรัฐบาล และคำร้องให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะ ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นคนเสนอเรื่อง ในส่วนของ กกต. ก็ยังไม่มีหลักประกันถึงการจัดการเลือกตั้งให้สงบเรียบร้อยได้แต่อย่างใด

สภาวะแบบนี้ทำให้รัฐบาลรักษาการดิ้นต่อไปยากขึ้น ยิ่งยื้อยิ่งสร้างความเสียหายต่อประเทศ และยิ่งทำให้สถานะรัฐบาลขาดความชอบธรรมลงเป็นลำดับ

เป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะเล่นทั้งเกมยื้อเตะถ่วงเวลา และสร้างกระแสทำลายความชอบธรรมขององค์กรอิสระ ในขณะเดียวกันก็ใช้โอกาสนี้บิดเบือดตัดแต่ง ทำลายหลักฐานเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด เช่น กรณีทุจริตจำนำข้าว

รวมทั้งความพยายามที่จะเตะถ่วงไม่คืนตำแหน่ง เลขาฯ สมช.ให้นายถวิล ตามที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คืนภายใน 45 วันนั้น เพราะงานด้านความมั่นคงถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสนองความมั่นคงของระบอบทักษิณมาตลอด 2 ปีกว่า เช่น การเจรจากับ BRN ก็มีเงื่อนงำเรื่องผลประโยชน์ หรือการใช้กลไกและทรัพยากรของ สมช. สกัดกั้นฝ่ายเคลื่อนไหวต้านรัฐบาล เป็นต้น

หากปล่อยให้นายถวิล กลับไปเป็นเลขาฯ สมช. อาจพบความไม่ชอบมาพากลในหน่วยงานนี้ และอาจถูกเปิดโปงในที่สุด จึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลจะยื้อให้นานที่สุด โดยไม่สนใจว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่.
กำลังโหลดความคิดเห็น