ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังจากปฏิบัติการ"ชัตดาวน์ กรุงเทพฯ" ตั้งเวทีตามจุดสำคัญที่เป็นย่านธุรกิจทั่วกรุง ปิดกั้นการจราจร เคลื่อนขบวนมวลชนปิดสถานที่ราชการ เรียกร้องให้ข้าราชการเลิกรับใช้รัฐบาลทรราช รวมทั้งกดดันธุรกิจในเครือข่ายตระกูลชินวัตร ทำอยู่นานนับเดือน แต่ไม่ได้ผล
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังทำหน้ามึน ไม่รับรู้ถึงความเดือดร้อนใดใด ไม่ยอมลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อถูกปิดกั้น ตามลา เธอก็ไป แด๊ะ แด๊ะ อยู่ต่างจังหวัด ภาคเหนือบ้าง อีสานบ้าง ไม่ได้สนใจต่อความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน ทั้งเรื่องการเดินทางสัญจร การติดต่อสถานที่ราชการ กระทั่งความเดือดร้อนของชาวนา ที่จำนำข้าวแล้วยังไม่ได้เงิน
ทำเอากำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ต้องเป็นฝ่ายทนไม่ไหวที่ต้องเห็นประชาชนเดือดร้อน จึงปรับยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีการต่อสู้ ด้วยการยุบเวทีตามจุดต่างๆ เช่น เวทีปทุมวัน เวทีราชประสงค์ เวทีแยกอโศก ไปรวมอยู่ที่เดียว ที่สวนลุมพินี
นัยว่าการยุบรวมเวทีครั้งนี้เพื่อรอ "มะม่วงหล่น"
ส่วนเวทีที่เป็นแนวร่วมเครือข่าย เช่น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ ยังคงปักหลักอยู่ที่สะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ไม่เปิดช่องให้นายกฯและรัฐมนตรีเข้ามาทำงานได้
ส่วนกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรม นำโดย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ก็ยังยึดสะพานผ่านฟ้าฯ ปิดถนนราชดำเนินซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยราชการหลายกระทรวงอยู่เหมือนเดิม
เช่นเดียวกับ เวทีกปปส.แจ้งวัฒนะ ที่มีหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นแกนนำ ก็ยังคงอยู่ที่เดิม แม้จะเป็นจุดที่เสี่ยงอันตรายที่สุด เพราะเหมือนอยู่ในดงเสื้อแดง ตกดึก เสียงปืน เสียงระเบิด ประทัดยักษ์ ฟังกันจนชินหู
หากมองในแง่ยุทธศาสตร์แล้ว เวทีแจ้งวัฒนะถือเป็นที่มีความสำคัญที่สุดในขณะนี้ก็ว่าได้ เพราะเป็นทางที่จะเข้าไปยังศูนย์ราชการ มีหน่วยงานสำคัญๆและองค์กรอิสระอยู่หลายแห่ง อาทิ สำนักงาน กกต. ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ รวทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ของธาริต เพ็งดิษฐ์
ที่ผ่านมา ทางฝ่ายรัฐบาลได้พยายามส่งคนมาเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระ ให้ย้ายเวที เพื่อเปิดทางให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เข้าไปทำงานได้ แต่หลวงปู่ ก็ยอมแค่เปิดทางให้บางหน่วยงานเข้าไปทำงานได้ อาทิ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. โดยมีการตรวจสอบรายชื่อและอนุญาตให้เข้าเฉพาะเท่าที่จำเป็น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้ได้ส่ง พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.อ.ยุทธ พรหมพงษ์ รอง ผอ.สำนักงานกิจการพลเรือน กระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้แทนจาก ศรส. เข้าเจรจากับหลวงปู่ฯ อีกครั้ง ขอให้ย้ายเวทีการชุมนุม เพื่อเปิดพื้นที่ส่วนราชการ และ การจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะ
แต่เจอเงื่อนไขของหลวงปู่ฯ ว่าจะยอมย้ายเวทีให้ก็ต่อเมื่อ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. ต้องมานอนค้างคืนในพื้นที่การชุมนุม 3 วัน 3 คืน และต้องใช้ตำแหน่งและชีวิตรับผิดชอบ หากผู้ชุมนุมเกิดอันตรายใดๆ หรือจะแลกกับการไปตั้งเวทีที่ภายในศูนย์ราชการ หรือ จะเป็นที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมก็ได้ ทำเอา 2 นายทหารที่มาเจรจา ต้องหงายเงิบ กลับไป
จะว่าไปแล้ว การรอมะม่วงหล่นของกำนันสุเทพ และมวลชนนั้น ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ หน่วยงานจะทำให้มะม่วงหล่นได้ ก็คือองค์กรอิสระต่างๆ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. หรือ ป.ป.ช. ซึ่งองค์กรที่สำคัญที่สุดคือ ศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งคดีที่จะทำให้มะม่วงหล่น อย่างเช่น คดีทุจริตจำนำข้าว ถ้ามีการชี้มูลว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ มีความผิด ก็ต้องส่งไปให้วุฒิสภาทำการถอดถอน หรือถ้าเป็นความผิดทางอาญาก็ต้องส่งไปให้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน
หรือคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นโมฆะหรือไม่ ก็ต้องเริ่มต้นที่กกต. ส่วนกรณีที่เลือกตั้งผ่านไป 30 วันแล้วยังเปิดสภาไม่ได้ หรือผ่านไปอีก 30วันแล้วยังเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่ได้ หากมีผู้ร้อง เรื่องก็จะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ
หรือเรื่องคดีจำนำข้าว ที่ชาวนาไปฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ ต่อศาลปกครอง ซึ่งทางศาลก็ได้รับคดีไว้พิจารณาแล้ว
รวมทั้งคดีที่มีความผิดเนื่องจากกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ อย่าง เช่นกรณีที่รัฐบาลออก พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะชี้ขาดในวันที่ 12 มีนาคมนี้ ถ้าศาลฯ ชี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ หากเป็นรัฐบาลในยามปกติ นายกฯก็ต้องลาออก หรือยุบสภา เพราะถือว่าเป็นกฎหมายการเงิน
แต่ขณะนี้ ยิ่งลักษณ์ อยู่ในฐานะนายกฯรักษาการ ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิด เชื่อว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็ยังทำมึน ไม่ยอมออก ถ้ามีข้อกฎหมายมาตราใดที่พอจะยกมาอ้างเพื่อเป็นคุณแก่ตัวเอง ก็จะยกมาอ้าง แต่ถ้าหาข้อกฎหมายมาอ้างไม่ได้ก็พาลไม่เคารพคำตัดสินของศาลเสียเลย
เพราะพวกนี้เป็นพวกปากประชาธิปไตย แต่ไร้มโนสำนึก
อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีต่างๆ ที่จะทำให้เกิดมะม่วงหล่นได้นั้น คนในรัฐบาลและบรรดาลิ่วล้อ ก็จะพยายามหาทางดิสเครดิตศาลรัฐธรรมนูญ กันอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ทำงานได้สะดวก
รวมทั้งวิธีที่ถนัดคือ การใช้ม็อบเสื้อแดงเข้าปิดล้อม ข่มขู่ เหมือนที่กลุ่มเครือข่าย "วิทยุเสื้อแดง" ไปปิดล้อม ป.ป.ช. ในช่วงที่ป.ป.ช. เรียกยิ่งลักษณ์ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีทุจริตจำนำข้าว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
อ่านเกมกันง่ายๆ ไม่ต้องลึกหลายชั้น การที่รัฐบาลพยายามจะให้หลวงปู่ เลิกเวทีแจ้งวัฒนะ ก็เพื่อเปิดทางให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปปิดล้อม กดดัน ข่มขู่ หรือถึงขั้นทำลาย องค์กรเหล่านี้
ดังนั้นการที่หลวงปู่ฯ ยังไม่ย้ายเวทีไปไหน จึงถือเป็นก้างขวางคอ ที่ทำให้รัฐบาลและกลุ่มเสื้อแดงไม่กล้าบุ่มบ่าม เพราะถ้าขืนยกขบวนกันเข้ามา อาจเกิดเหตุการณ์ปะทะถึงขั้นบานปลายได้
หลวงปู่ฯ สู้ สู้ !!