xs
xsm
sm
md
lg

ไล่ล่านางดอกไม้ ปิดฉากระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


กระบวนการต่อสู้ทางการเมืองของภาคประชาชนที่กำลังเข้มข้นแหลมคม และใกล้วันที่จะปิดบัญชีประกาศชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเข้าไปทุกทีแล้วนั้น ถ้ามองย้อนกลับไป ประวัติศาสตร์ทางการเมืองหน้านี้ จะต้องบันทึกตั้งแต่จุดเริ่มต้นในการก่อเกิดของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ที่นำโดยคณะเสนาธิการร่วม ประกอบด้วยพลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตแกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติรักษาแผ่นดิน, พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.), พลเอกชูเกียรติ ตันสุวัฒน์ อดีต ทส.พลตรีมนูญกฤต รูปขจร, พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี อดีตโฆษก อพส. และนายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ อดีตแกนนำ พธม.รุ่น 2 โดยมีนายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำขบวนการอีสานกู้ชาติ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน, ซึ่งได้เริ่มต้นชุมนุมที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2556 และต่อมาท่านสมณะโพธิรักษ์ ได้นำกองทัพธรรมเข้าร่วมด้วย เพื่อผนึกกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น

จุดพลิกผันเกิดขึ้น เมื่อกองทัพประชาชนและกองทัพธรรมยกระดับการชุมนุม โดยนำมวลชนไปหน้าทำเนียบฯ แต่เสียทีถูกกองกำลังตำรวจปิดล้อม จึงเกิดการเจรจาและคณะเสนาธิการร่วมจำเป็นต้องรักษาเลือดเนื้อชีวิตของมวลชนจากกองกำลังตำรวจหลายหมื่นนายที่ยกกันมาเป็นกองทัพ โดยยอมถอยทัพนำมวลชนกลับสวนลุมพินี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับมวลชบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย ได้ไปรวมตัวกันที่แยกนางเลิ้ง โดยมีนายนิติธร ล้ำเหลือ ขึ้นปราศรัยปลุกเร้ามวลชนให้สู้ต่อ และได้เคลื่อนมวลชนไปปักหลักที่แยกอุรุพงษ์ โดยมีการรวมตัวกันประกาศตั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) มีนายอุทัย ยอดมณี นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นแกนนำผู้ประสานงาน และนายนิติธร ล้ำเหลือเป็นแกนนำที่ปรึกษา ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการชุมนุมที่มีพลัง

การชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนที่แยกอุรุพงษ์ ได้รับการสนับสนุนจากมวลชนมาเข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รัฐบาลเสนอเข้าสู่สภาฯ เป็นเชื้อไฟและเป็นแรงกระตุ้นให้ประชาชนที่รับไม่ได้เข้าร่วมกับการชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ ซึ่งคอการเมืองในช่วงนั้นต่างเห็นตรงกันว่า ม็อบอุรุพงษ์จุดติด

ในอีกด้านหนึ่งถ้ายังจำกันได้ พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นความหวังหนึ่งเดียวที่มีพลังพอจะต่อกรกับยักษ์ใหญ่ระบอบทักษิณได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เพราะมีฐานกำลังทางมวลชนพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ซึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เคยลงทุนยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวเรียกร้องให้ทั้งพรรคลาออกจากความเป็น ส.ส.มานำการต่อสู้ร่วมกับประชาชน โดยแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยินดีจะเป็นแกนตาม แต่ไม่ได้รับการแยแส พรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังคงเดินหน้าผ่าความจริง โดยตั้งเวทีปราศรัยหมุนเวียนไปตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ขณะที่การสู้ในรัฐสภาของพรรคประชาธิปัตย์ก็ดำเนินไปอย่างมุทะลุดุดัน เมื่อแพ้เสียงโหวตในสภาฯ ครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่มีการลงมติ ผมจำได้ว่า ช่วงนั้นได้ระบายผ่าน ว.แหวนลงยา อย่างอิดหนาระอาใจ ดังนี้

ทุ่มเก้าอี้ตีรวนป่วนจนล้า                ยังเชื่อมั่นรัฐสภาอันแหลกเหลว
เสียงข้างมากอุ้มเสียงใส่สะเอว       เสียงข้างน้อยก็เหลวเป๋วทุกปราชัย
เขาก็เขียนกฎหมายตามหมายมุ่ง     หมายผดุงบริษัทรัฐไทยใหม่
ร่างแก้แปรตามอำเภอใจ               นิรโทษทุกเภทภัยพ้นโทษทัณฑ์
ผ่าความจริงแจกนกหวีดสวมใส่คอ   ยังรีรีรอรอแค่ปลุกปั่น
ใครอยากเป่าเป่าไปไม่ว่ากัน          แต่พรรคยังเชื่อมั่นรัฐสภา
จะสู้จนพ้นผ่านวาระสาม               สู้ท่ามกลางไฟลามทุกหย่อมหญ้า
สู้สงครามน้ำลาย รายมาตรา          สู้จนกว่าจะแพ้ครบทุกกระบวน
เชิญเถิดท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ      เชิญละเลียดเชิญละเลงให้ครบถ้วน
เชิญแสดงการประท้วงการก่อกวน     ก่อนต่อแถวท้ายขบวนที่ “อุรุพงษ์”

ตราบจนเมื่อ พ.ร.บ. ผ่านวาระสามในสภาผู้แทนราษฎร และเสนอขึ้นสู่ขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เริ่มประกาศชุมนุมต่อต้านประท้วง โดยใช้บริเวณสถานีรถไฟสามเสนเป็นสถานที่เริ่มต้นชุมนุม เมื่อมวลชนเพิ่มมากขึ้นจึงเคลื่อนย้ายมาปักหลักตั้งเวทีถาวรที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และพัฒนาเป็นเวทีประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สลัดคราบนักการเมืองโดยลาออกจาก ส.ส. ร่วมกับเพื่อน ส.ส.อีก 8 คน และลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งประกาศเป็นสัญญาประชาคมต่อหน้ามวลมหาประชาชนว่า จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และจะวางมือจากการเมืองตลอดชีวิต

จากวันนั้นมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงเหมือนเสือสำนึกบาปที่หันกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายตอบแทนคุณแผ่นดิน ด้วยการเป็น “ลุงกำนัน” ที่ยอมรับเป็นร่างทรงของมวลมหาประชาชนในการต่อสู้โค่นล้มระบอบทักษิณ เพื่อปฏิรูปประเทศไทย

บทความนี้คงไม่ต้องบอกเล่ารายละเอียดการต่อสู้ของการเมืองภาคประชาชน ที่ดำเนินมายืดเยื้อมากกว่าสี่เดือนแล้ว เมื่อครั้งการชุมนุม 193 วัน 158 วัน ของขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ก่อเกิด “มหาวิทยาลัยราชดำเนิน” ปลุกคนไทยให้ตื่นรู้มากขึ้นเพียงใด การชุมนุมของเวที กปปส., คปท., กองทัพประชาชน, กองทัพธรรม และรวมทั้งเวทีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะที่มีหลวงปู่พุทธอิสระเป็นแกนนำ ก็ล้วนแล้วแต่มีคุณูปการที่ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับรู้ข้อมูลการฉ้อฉลปล้นประเทศของระบอบทักษิณในหลากหลายแง่มุม ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพิษเป็นภัยเป็นอันตรายต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งประชาชนคนไทยต้องร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องและโค่นล้มระบอบการเมืองเลวร้ายลงให้จงได้ เพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่สมบูรณ์ และอำนวยประโยชน์สุขแก่สังคมไทยอย่างแท้จริง

ขอปิดท้ายบทความด้วยบทกวีบันทึกประวัติศาสตร์ฉบับย่นย่อครับ

ก้าวแรกที่สามเสนเป้าสามแสน         คนชุมนุมเนืองแน่นเกินคาดหมาย
จึงเคลื่อนพลเดินหน้าไปท้าทาย        ตั้งค่ายตั้งเวทีประชาชน
ยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย              ปลุกคนไทยรวมพลังกลางถนน
เพิ่มเวทีขยายหลายมณฑล              ร่วมขับไล่ตระกูลปล้นประเทศไทย
ปทุมวัน อโศก ราชประสงค์             ชมัยมรุเชฐ ชูธง ทัพรุกไล่
ลาดพร้าว แจ้งวัฒนะ อนุสาวรีย์ชัย     ทัพสวนลุมร่วมใจทัพสีลม
ชัตดาวน์ปิดกรุงเทพมหานคร            ดาวกระจายไล่ต้อนผสานผสม
อำนาจรัฐสามานย์มันลอยลม            แถมถล่มระเบิดบ้าฆ่ามวลชน
ทุกสาขาอาชีพร่วมต่อต้าน               คนออกมาสิบล้านเต็มถนน
ไม่รู้สึกรู้สามันหน้าทน                    เป็นรัฐบาลสัปดนดื้อด้านชา
คนกรุงยอมทุกข์ยากจราจร              ร่วมกินร่วมนอนร่วมอาสา
ร่วมสุขร่วมทุกข์ทั้งพารา                 วันนี้ถึงเวลาเปิดนาคร
คืนพื้นที่สี่เวทีกลางเมืองหลวง            จราจรได้ลุล่วงได้ถ่ายถอน
คนกรุงได้สะดวกการสัญจร              ยุทธวิธีเอื้ออาทรกันและกัน
รวมพลังเคลื่อนทัพสี่เวที                  สู่สวนลุมพินีเป็นที่มั่น
ตั้งป้อมปรับฐานการโรมรัน               จรยุทธ์กดดันด้วยยุทธวิธี
รวมกันสี่เส้าเข้าสู้รบ                      มีหลวงปู่ผู้เจนจบนำวิถี
กปท.คปท. ทัพต่อตี                      และยังมีกองทัพธรรมช่วยนำพา
รวมกันเป็นกองทัพนกหวีด                ยึดจารีต สงบ อหิงสา
มีไตรรงค์ธงชาติเป็นศรัทธา              สู้อธรรม ด้วยธรรมา พระบารมี
จึงเชิญชวนมวลมหาประชาชน           รวมพลังมารวมพลกันที่นี่
มาหลายล้านให้ล้นสวนลุมพินี            เพื่อยกพลบดขยี้ “ตระกูลชิน”
ขับไล่รัฐอำพรางนางดอกไม้             รื้อไล่ถอนรากระบอบทักษิณ
ไล่ทั้งนายทั้งขี้ข้าเปื้อนราคิน             ล้างแผ่นดิน ปฏิรูปประเทศไทย!

                                             ว.แหวนลงยา
กำลังโหลดความคิดเห็น