xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กกต.ต่อลมหายใจชาวนา ธ.ก.ส.ดราม่าระดมบริจาค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จวนเจียนจะสิ้นลมหายใจทั้งชาวนาและรักษาการรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากปัญหาไม่มีเงินจ่ายหนี้จำนำข้าวให้ชาวนา จะรอเงินจากการขายข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ ก็ต้องใช้เวลาและคาดหวังได้ยาก สุดท้ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องเปลี่ยนท่าทีโดดเข้าช่วยในนาทีสุดท้าย ไฟเขียวให้รัฐบาลนำงบกลาง จำนวน 20,000 ล้านบาท ไปเป็นเงินหมุนเวียนบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของชาวนานับแสนรายที่เฝ้ารอเงินใช้หนี้จำนำข้าวจากรัฐบาล

เป็นการเปลี่ยนท่าทีเพราะแรงกดดันรอบด้านกระทั่งกกต.ไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2557 ที่ผ่านมา กกต.ได้มีมติอนุมัติให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถใช้งบกลาง 20,000 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ชาวนา โดยให้เป็นเงินยืมทดรองราชการ ที่ทำสัญญาระหว่าง กรมการค้าต่างประเทศ กับ กระทรวงการคลัง ภายใต้เงื่อนไขต้องนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายข้าวมาคืนให้ครบทั้ง 20,000 ล้านบาท ในวันที่ 31 พ.ค. 2557

กกต.ได้อธิบายเหตุผลที่มีมติดังกล่าว 6 ข้อ ดังนี้ 1.คำขอดังกล่าวเป็นการขอใช้งบกลางในกรณีฉุกเฉินจำเป็น ซึ่งอยู่ในอำนาจอนุมัติของ กกต. 2.วงเงิน 20,000 ล้านบาท เป็นการยืมไม่ใช่จ่ายขาด และต้องนำเงินจากการขายข้าวมาคืน 3.วงเงิน 20,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประมาณการแล้วว่า ถ้าให้ยืมออกไปแล้วสามารถมาใช้คืนในเดือน พ.ค. จะไม่มีผลกระทบต่อวงเงินที่ต้องสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้น

4.กกต.ได้รับคำยืนยันจากอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศว่า รายได้จากการจำหน่ายข้าวอยู่ที่ 8,000 ล้านต่อเดือน ตัวเลขที่ได้จากการระบายข้าว 3 เดือน คือ 24,000 ล้านบาท เพียงพอที่จะนำมาคืนงบกลางตามกำหนด 5. กำหนดให้ใช้คืนภายใน 31 พ.ค. 2557 เป็นการประมาณการในด้านกรอบเวลาว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันยังมีฐานะเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงไม่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไป

และ 6. ประเด็นที่อาจจะมีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่ กกต.เห็นว่า วงเงินดังกล่าวจะถูกนำไปชำระหนี้ใบประทวนที่ค้างจ่ายของเดือน พ.ย. 56 จำนวน 20,000 ล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการยุบสภา จึงไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง

สำหรับวงเงิน 20,000 ล้านบาทดังกล่าว เป็นแต่เพียงการบรรเทาปัญหา เพราะยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายเงินให้ชาวนาทั้งหมดที่รัฐบาลยังค้างชำระหนี้ให้ชาวนาตามใบประทวนของเดือน ธ.ค. 56 - ก.พ. 57 อีก 90,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องไปหาเงินจากแหล่งอื่นไม่สามารถจะมาขอยืมใช้งบกลางได้อีก เนื่องจากงบกลางขณะนี้เหลืออยู่ 67,000 ล้านบาทเท่านั้น

ส่วนกรอบระยะเวลาให้รัฐบาลคืนเงินในวันที่ 31 พ.ค. 2557 นั้น กกต.เป็นผู้กำหนดเพราะต้องการที่จะช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนมากในเวลานี้ รัฐบาลจำเป็นต้องมีเงินไปเยียวยา และเห็นว่าระยะดังกล่าวในช่วงปลายเดือน พ.ค. น่าจะเป็นช่วงที่การเลือกตั้งยังไม่แล้วเสร็จ ถ้ารัฐบาลใช้คืน ก็จะไม่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไป และไม่เข้าข่ายว่าก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม กกต.หาได้มีความมั่นใจว่า รัฐบาลจะสามารถนำเงินมาคืนได้ทันตามกำหนด ดังนั้นในเวลาต่อมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง จึงออกตัวเหมือนนกรู้ล่วงหน้า โดยอธิบายความเพิ่มเติมว่า หากรัฐบาลไม่สามารถขายข้าวและนำเงินมาชำระคืนได้ทัน ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลัง ต้องเร่งรัดให้กระทรวงพาณิชย์หาเงินมาชำระให้ได้ครบตามกำหนด ถ้ายังมีปัญหาอีกแล้วมีผู้มาร้องหรือกระทรวงการคลังมีหนังสือแจ้ง กกต. ก็อาจจะออกมติให้กระทรวงการคลัง ฟ้องเรียกเงินคืนจากกระทรวงพาณิชย์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการชี้แจงด้วยว่ามีเหตุผลอะไรจึงไม่สามารถคืนเงินงบกลางได้ก่อนเวลา และเหตุผลนั้นรับฟังได้หรือไม่ ถ้าหากรับฟังได้ ก็คงต้องยอมรับ แต่ถ้ารับฟังไม่ได้ คงต้องให้กระทรวงการคลัง ฟ้องเรียกคืนเงิน

“วันนี้คนที่ต้องทำสัญญา คือ ฝ่ายข้าราชการประจำ ต้องคิดให้มากว่า ทำสัญญาให้คืนเงินแล้ว การระบายจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะเมื่อถึงเวลาท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หากไม่ได้เงินมาคืนงบกลาง ฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย อาจมาร่วมรับผิดชอบน้อยมาก” นายสมชัย ฝากเตือนไปถึงข้าราชการประจำ ซึ่งกรณีนี้ตัวบุคคลที่จะเป็นผู้ทำสัญญา อาจจะเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ หรืออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กับปลัดกระทรวงการคลัง

ส่วนเงินค้างจ่ายอีกประมาณ 9 หมื่นล้านบาทนั้น หนี้จำนวนนี้รัฐบาลต้องเร่งระบายข้าวให้เร็วขึ้น รวมทั้งต้องหาแหล่งเงินกู้อื่นหรือจะออกพันธบัตรก็ต้องทำ เพราะถ้า 3 เดือนนี้รัฐบาลขายข้าวได้แต่พอใช้เงินที่กู้ไป 20,000 ล้านบาท ก็จะมีปัญหาเรื่องเงินค้างจ่ายชาวนาอีก 90,000 ล้านบาท แต่การหาเงินมาใช้หนี้จำนำข้าวเป็นอำนาจตัดสินใจของรัฐบาล ไม่ต้องมาเสนอ กกต. ถ้าหากการตัดสินใจของรัฐบาล มีผู้ร้องเรียนว่า เป็นการทำขัดต่อรัฐธรรมนูญฯ เพราะมีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไปรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ท่าทีโดดหนีจากกองไฟของกกต.เป็นสัญญาณหวั่นไหวเช่นเดียวกันว่า ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาไม่ใช่แค่รัฐบาลเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ กกต.ที่อนุมัติให้รัฐบาลนำงบกลางไปใช้ได้ ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบเช่นกัน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การได้เงินทดรองยืมจากงบกลาง 20,000 ล้านบาท บวกกับเงินระบายข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ อีก 10,000 ล้านบาท รวมเป็น 30,000 ล้านบาท พอจะทุเลาปัญหาได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ซึ่งเม็ดเงินก้อนนี้ ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จะทยอยจ่ายหนี้ค่าจำนำข้าวให้ชาวนาตามใบประทวนภายใน 10 วัน หลังจากได้รับเงิน โดยจะเร่งจ่ายเงินเกษตรกรที่มีใบประทวนก่อนวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ซึ่งมีวงเงินประมาณ 115,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาทางธนาคารได้จ่ายเงินให้แก่ชาวนาไปแล้ว 71,500 ล้านบาท

การลดกระแสความร้อนแรงเรื่องความเดือดร้อนของชาวนา ไม่เพียงแต่กดดันให้กกต.อนุมัติการใช้งบกลางเท่านั้น รักษาการรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ และธ.ก.ส.ยังสร้างภาพด้วยการตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวนา และออกแคมเปญระดมเงินบริจาคและเงินสมทบเข้ากองทุนดังกล่าวอย่างอึกทึกครึกโครม เป็น ดราม่าที่หวังผลทางด้านจิตวิทยา เพราะความจริงแล้วการตั้งเป้าหมายระดมเงินบริจาคและเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยชาวนาได้ประมาณ 2 แสนรายนั้น ยังมองเห็นความสำเร็จในทางความเป็นจริงได้ไม่ง่ายนัก แต่การรณรงค์นี้ทำให้เสียงของพี่น้องชาวนาและประชาชนทั่วไปที่ด่าทอรัฐบาลบรรเทาเบาบางลง

เมื่อได้ผลในเชิงจิตวิทยาเช่นนี้ นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ที่รอดพ้นจากการถูกปลดจากเก้าอี้ จึงไม่รอช้า สั่งให้พนักงานธ.ก.ส.ทั่วประเทศรณรงค์เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคช่วยชาวนาอย่างเต็มที่ แม้แต่ถือป้าย ถือกล่องรับบริจาคทั่วเมืองก็ต้องทำ โดยการบริจาคและเงินสมทบมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ 1.กองทุนบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนา เลขที่บัญชี 02033477582 ธ.ก.ส.สำนักงานบางเขน กองทุนที่ 2. สมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาชนิดคืนต้นไม่มีผลตอบแทนตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป และ 3. สมทบเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือชาวนาชนิดคืนต้นและมีผลตอบแทนตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.63 ต่อปี โดยเริ่มรับเงินบริจาคและเงินสมทบไปจนถึงวันที 30 มิ.ย. 2557

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ หลังจากที่กรมการค้าต่างประเทศ บินไปลงนามขายข้าวจีทูจีให้กับ COFCO รัฐวิสาหกิจจีน ปริมาณ 1 ล้านตัน เริ่มส่งมอบทันทีในเดือนมี.ค.นี้ และกำหนดส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน ก็ได้เร่งระบายข้าวภายในประเทศ โดยเตรียมเสนอให้คณะอนุกรรมการระบายข้าว ซึ่งมีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาอนุมัติหลักเกณฑ์ให้มีการระบายข้าวในระดับจังหวัด โดยแนวทางแรกมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายข้าวระดับจังหวัด ขายข้าวให้แก่ผู้ประกอบการและโรงสีในพื้นที่จังหวัดรับผิดชอบ และอีกแนวทางหนึ่ง คือ ให้กรมการค้าต่างประเทศ ไปดำเนินการระบายข้าวในจังหวัดที่มีความประสงค์ต้องการซื้อข้าว โดยจะขายเป็นการทั่วไปให้กลุ่มโรงสี และผู้ประกอบการที่สนใจ

เรียกว่าดิ้นรนทุกทางที่จะแก้ปัญหาหนักหนาสาหัสนี้ให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ชาวนาที่ยังไม่ได้เงินก็ยังตามทวงไม่ลดละ

เช่น ชาวนาที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้เตรียมประท้วงรัฐบาลโดยร่วมชุมนุมกับพี่น้องชาวนาในภาคอีสาน ซึ่งจะออกมาเคลื่อนไหวในนามของสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพราะยังมีชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินอีกจำนวนมาก

เช่นเดียวกับชาวนาจังหวัดบุรีรัมย์ใน 3 อำเภอ คือ เมือง, ประโคนชัย และนาโพธิ์ กว่า 50 ราย ที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว ได้นำเอกสารหลักฐานใบประทวนโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2556/57 เข้ายื่นต่อสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ฟ้องร้องนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 12 จำเลยร่วม ให้รับผิดชอบต่อการผิดนัดชำระหนี้ โดยรัฐบาลจะต้องชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยที่เกิดจากการชำระหนี้ล่าช้าในอัตรา 7.5 %

การดิ้นรนหาเงินมาใช้หนี้จำนำข้าวจะเยียวยาทุกข์ร้อนแสนสาหัสของชาวนาได้ทันการณ์หรือไม่ ถ้าขืนยังชักช้าก็นับถอยหลังดับอนาคตทางการเมืองไปได้เลย



กำลังโหลดความคิดเห็น