“สมชัย” เตือนบิ๊ก ขรก.พณ.คิดให้ดีเซ็นยืมจ่ายจำนำข้าว หากขายใช้หนี้ไม่ทันสิ้น พ.ค.ต้องรับผิดเต็มๆ

กกต.เตือนปลัด พณ.-คลัง จ่อเซ็นยืมเงินทดรอง 20,000 ล้านจ่ายจำนำข้าว คิดให้ดีสามารถขายข้าวทันสิ้น พ.ค.หรือไม่ แนะรัฐเร่งระบาย-หาแหล่งกู้อื่น-ออกพันธบัตร แต่ไม่ต้องถาม กกต.แล้ว ติงตัดสินใจมีผลผูกพันรัฐชุดใหม่หากขัด รธน.ต้องรับผิด เผยอนุมัติหวังบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราว โบ้ยคลังฟ้องเรียกเงินคืน พณ.เองถ้าหาเงินใช้หนี้ไม่ทัน

วันนี้ (5 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวกรณีที่มีข้อสงสัยหากรัฐบาลไม่สามารถขายข้าวและนำเงิน 20,000 ล้านบาทที่ กกต.มีมติอนุมัติมาใช้คืนงบกลางได้ทันในวันที่ 31 พ.ค.จะทำอย่างไร ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบว่า ส่วนตัวเห็นว่าเงินดังกล่าวเป็นยืมทดรองจ่าย ถือเป็นเงินราชการ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ต้องทำสัญญากับกระทรวงการคลัง โดยตัวบุคคลที่จะเป็นผู้ทำสัญญาอาจจะเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ หรืออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กับปลัดกระทรวงการคลัง ก่อนลงนามในสัญญาข้าราชการระดับสูงต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ดีว่า กระทรวงพาณิชย์มีความสามารถในการระบายขายข้าวจนสามารถจะทำให้ได้เงินมาใช้คืนงบกลางหรือไม่ หากเห็นว่ามีความสามารถในการระบายข้าวก็ไม่น่ามีประเด็นอะไรขัดข้อง หรือถ้าดำเนินการไปแล้วพบว่าการขายข้าวไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้ และอาจได้เงินคืนไม่ตามกำหนด เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังต้องเร่งรัดให้กระทรวงพาณิชย์หาเงินมาชำระให้ได้ครบตามกำหนด

“สิ่งที่รัฐบาลต้องคิด คือ เงินที่ได้จากการระบายข้าวครั้งนี้ รัฐบาลจะต้องนำมาใช้คืนงบกลางที่ กกต.อนุมัติให้ยืมไป จะนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้ชาวนาที่รัฐบาลได้รับจำนำใบประทวนไว้ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 56 - ก.พ. 57 วงเงินราว 9 หมื่นล้านบาทไม่ได้ หนี้จำนวนนี้รัฐบาลจะต้องเร่งระบายข้าวให้เร็วกว่านี้ รวมทั้งต้องหาแหล่งเงินกู้อื่น หรือจะออกพันธบัตรก็ต้องทำ เพราะถ้า 3 เดือนนี้รัฐบาลขายข้าวได้เท่ากับเงินที่กู้ไป 2 หมื่นล้านบาท อีก 2 เดือนนับจากนั้นรัฐบาลก็จะมีปัญหาเรื่องเงินที่ค้างจ่ายชาวนา 9 หมื่นล้านบาท ยืนยันว่า กกต.พิจารณาให้รัฐบาลยืมเงินจากงบกลาง 2 หมื่นล้าน ไปชำระหนี้ชาวนา นอกจากเป็นการตัดสินตามกรอบกฎหมายยังต้องการทำให้ความเดือดร้อนของชาวนาลดลงชั่วคราว แต่คงไม่เพียงพอต่อความเดือดร้อนของชาวนาที่มีอีกจำนวนมาก จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินกู้ หรืออกพันธบัตรเพิ่มเติม ซึ่งตรงนี้เป็นอำนาจตัดสินใจของรัฐบาล ไม่ต้องมาเสนอ กกต. และหากการตัดสินใจของรัฐบาลมีผู้ร้องเรียนว่าเป็นการทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะมีผลผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไป รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ” นายสมชัยกล่าว

เมื่อถามว่า หากรัฐบาลไม่สามารถหาเงินมาคืนงบกลาง ภายในวันที่ 31 พ.ค. กกต.จะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ เนื่องจากเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขดังกล่าว นายสมชัยกล่าวด้วยว่า หากเกิดเหตุเช่นนั้นแล้วมีผู้มาร้องหรือกระทรวงการคลังมีหนังสือแจ้ง กกต.ก็อาจจะออกมติให้กระทรวงการคลังฟ้องเรียกเงินคืนจากกระทรวงพาณิชย์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการชี้แจงของผู้กู้ก่อนว่ามีเหตุผลอะไรจึงไม่สามารถคืนเงินงบกลางได้ก่อนเวลา และเหตุผลนั้นรับฟังได้หรือไม่ ถ้าหากรับฟังได้ก็คงต้องยอมรับ แต่ถ้ารับฟังไม่ได้คงต้องให้กระทรวงการคลังฟ้องเรียกคืนเงิน ดังนั้นตนถึงได้บอกว่าวันนี้คนที่ต้องทำสัญญา คือ ฝ่ายข้าราชการประจำต้องคิดให้มากว่าทำสัญญาให้คืนเงินแล้ว การระบายจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะเมื่อถึงเวลาท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หากไม่ได้เงินมาคืนงบกลาง ฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย อาจมาร่วมรับผิดชอบน้อยมาก