ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจที่เด็กผู้บริสุทธิ์ 4 ราย ต้องกลายเป็นเหยื่ออธรรมทางการเมือง ประชาชนไว้อาลัย โศกเศร้าเสียใจต่อการจากไปอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน แต่บุคคลที่เป็นระดับผู้นำประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ไม่สะทกสะท้านต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น แล้วที่น่าหดหู่ใจไปกว่านั้นเธอกลับดึงดันที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป ทั้งยังหลบหนีจากกรุงเทพฯเดินทางขึ้นเหนือเลี่ยงเผชิญหน้าอ้างว่าไปตรวจราชการ ท่ามกลางข้าทาสบริวารห้อมล้อม มวลชนเสื้อแดงก็ไม่น้อยหน้า ร่ำไห้ สวมกอดให้กำลังใจเข้าทางละครฉากดรามาเหมือนเคย
ก็คงได้แต่ถอนหายใจแรงๆ เพราะนอกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่สนใจต่อการสาปแช่งของประชาชนแล้ว ยังแสดงความทุเรศทุรังให้เห็นมากมายในเรื่องความเงอะงะของนายกคอ-นก-รีตด้วยท่านั่งยองเคารพศพ พ.ต.ต.เพียรชัย ภารวัตร ตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เข้าสลายการชุมนุม กปปส.(คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) เมื่อวันที่ 18 ก.พ.57 ที่ผ่านมา หรือจะเป็นการบริหารประเทศผ่านเฟซบุ๊กแทนที่จะแถลงข่าวเรื่องความรุนแรงที่เด็กบริสุทธิ์ต้องมาเซ่นสังเวยต่อหน้าสื่อมวลชน เกิดขึ้น ได้แต่ล่องลอยเป็นสัมภเวสีผีผ้าห่มผลุบๆโผล่ๆ ตามงานโอท็อปคอมเพล็กซ์บ้าง โผล่ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศบ้าง แถมชิ่งหนีกรณีทุจริตจำนำข้าวซึ่ง ป.ป.ช.(คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) มีมติเอกฉันท์เรียกเธอมารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 27 ก.พ. 57
เรียกได้ว่าเบื้องหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ยงคงกระพันเป็นตัวตลกของประเทศชาติให้อับอายเหมือนเดิม พร้อมดึงดันที่จะอยู่ในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยคำสั่งของพี่ชาย
ทั้งนี้ การปรากฏตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่ 26 ก.พ.57 ที่ผ่านมา ในการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดเชียงราย ท่าทีของเธอก็ยังกระหายที่จะให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยขอกำลังทหารมาช่วยมาดูแลภารกิจดังกล่าว ทั้งยังตีหน้าซื่อพูดถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า อยากเห็นความสันติของคนไทย
“อยากให้ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะกองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในเข้ามาช่วยดูแลด้านความมั่นคง และช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย”
และเมื่อถามถึงประเด็นการแบ่งแยกดินแดนที่ความรุนแรงเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เธอกลับให้ความเห็นว่า
“อยากจะเห็นความสันติของคนไทย ไม่ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาเราพยายามพูดกันเสมอว่าต้องอดทน และหันหน้าเข้าหากัน ประเทศไทยต้องมีความรักความสามัคคีมีความสงบซึ่งเป็นเจตนารมณ์ตั้งแต่เริ่มของตนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และไม่เห็นด้วยกับการกระทำรุนแรงใดๆ”
“วันนี้จะเห็นว่าหลายประเทศมีความรุนแรง แต่สุดท้ายเขาใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยความสงบ ดิฉันอยากเห็นประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่แก้ปัญหาด้วยความสงบ เราเห็นภาพในหลายประเทศเกิดขึ้นแล้วว่ามีความรุนแรง มีความสูญเสียผู้คนไปเยอะ จึงไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับประเทศไทย จึงอยากขอร้องวิงวอนทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันดีกว่า เราไม่อยากให้ประเทศเราเจ็บปวดไปมากกว่านี้”
“วันนี้ที่มาลงพื้นที่ก็เพราะไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและรัฐบาล และเราอยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำงาน อย่างที่เข้าใจกันว่ากรณีคำสั่งศาลแพ่งต้องให้ทาง ศรส.ได้พิจารณาว่าวิธีการหรือแนวทางที่จะดูแลควรเป็นอย่างไร จึงอยากขอความเห็นใจตอนนี้ทำงานยากจริงๆ ถ้าจะอยู่ทำงานในกรุงเทพฯ ก็จะกลายเป็นว่ามาเผชิญหน้ากันจึงต้องมาทำงานต่างจังหวัดแต่ก็ติดตามการทำงานในกรุงเทพฯ ติดตามข่าวสารต่างๆ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็มีหน้าที่ในการรับผิดชอบ ถ้าทุกคนรับผิดชอบและทำงานในหน้าที่ของตัวเองก็เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไร”
นี่คือถ้อยคำให้สัมภาษณ์ที่ออกมาจากปากผู้หญิงที่ชื่อยิ่งลักษณ์ซึ่งยังเล่นบทนางฟ้าปากปราศรัยน้ำใจเชือดคออยู่ร่ำไป
กระนั้นก็ตาม เป็นที่ทราบดีแล้วว่าเธอก็ยังลอยตัวหนีปัญหา หลบหน้าไปเกือบอาทิตย์ในคราวที่ไปซ่อนตัวอยู่ที่เซฟเฮาส์ ในขณะที่ประเทศชาติอยู่ในสมรภูมิเดือดบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ในวันที่ 18ก.พ. 57ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ผู้ชุมนุม 4 ราย ตำรวจ 1 ราย ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ปรากฏตัวให้ได้เห็นตั้งแต่วันที่ ศรส.(ศูนย์รักษาความสงบ)ใช้ความรุนแรงขอคืนพื้นที่คราวนั้น จนกระทั่งในวันที่ 23 ก.พ. 57เธอได้มาปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมงานศพตำรวจที่เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุม ที่วัดห้วยป่วง จ.ระยอง โดยรายงานภารกิจผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatraของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทั้งนี้ ในวันนั้นภารกิจของนายกรัฐมนตรีได้สร้างเสียงฮือฮาทันทีที่ภาพเธอได้มีการส่งต่อกันมาในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยเป็นภาพขณะที่เธอใส่รองเท้าส้นสูงพนมมือไหว้เคารพศพ แล้วนั่งยองชนิดที่เป็นท่าพิสดารเกินกว่าผู้นำประเทศระดับสติปัญญาปกติจะทำได้
ขณะเดียวกันนางสาวยิ่งลักษณ์ยังได้แต่ดรามาบัญชาการผ่านเฟซบุ๊ก โดยยังย้ำอยู่เหมือนเดิมว่าขออยู่ทำหน้าที่นายกรักษาการต่อไป ในชั้นเชิง ปฏิเสธเด็ดขาดที่จะก้าวลงจากอำนาจ
“ที่ดิฉันอยู่วันนี้ก็เพื่อรักษาประชาธิปไตย การที่หลายคนออกมาเรียกร้องให้ดิฉันลาออก จึงอยากถามกลับไปว่า การลาออกคือคำตอบหรือ เพราะถ้าดิฉันลาออกเพื่อเปิดทางให้เกิดสุญญากาศ ฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นประชาธิปไตย จะทำได้อย่างไร ดิฉันในฐานะประชาชนและผู้นำรัฐบาล ต้องรักษาประชาธิปไตย ประคับประคองไปให้ถึงรัฐบาลใหม่ แม้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ดิฉันขอทำหน้าที่ของตนเองจนถึงนาทีสุดท้าย ถึงเวลาแล้วค่ะที่ทุกฝ่ายควรหันหน้ามาพูดคุยกัน เพื่อให้เกิดความลงตัวเร็วที่สุดสำหรับทางออกของประเทศที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ”
จากการเวิ่นเว้อใช้มุกเดิม ชี้แจงให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่าเธอควรต้องอยู่ต่อไป ยืดระยะเวลาทำหน้าที่ทั้งที่จริงนั้นหมดอำนาจบารมีที่ประชาชนจะให้ความไว้วางใจ เชื่อถือได้อีก ทำได้เพียงหลบหน้าหาเรื่องลงพื้นที่เพื่อลดกระแสกดดัน และเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าในสถานการณ์การเมืองที่อยู่ในขั้นล้มกระดาน เทหมดหน้าตักของผู้เป็นพี่ชาย
กระทั่งในวันที่ 24 ก.พ.57ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้เดินทางไปที่ศูนย์โอทอปคอมเพล็กซ์(OTOP Complex) จ.สระบุรี โดยมีองครักษ์พิทักษ์นายกฯ อย่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รักษาการรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา รักษาการเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งงานดังกล่าวเธอได้ชี้แจงไว้ในเฟซบุ๊กต่อการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า เพื่อติดตามผลการดำเนินงานและความก้าวหน้าของศูนย์โอทอปตามคำเชิญของทางจังหวัดสระบุรี
ประเทศชาติกำลังวิบัติ แต่เธอก็ยังล่องลอยไปได้อย่างไม่สะทกสะท้าน โดยตลอดการลงพื้นที่ของเธอนอกจากจะแวดล้อมไปด้วยข้าทาสบริวารปกป้องแล้ว ยังมีผู้จัดงานในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งถึงขนาดเรียกเสียงกระหึ่มจากโซเชียลมีเดียอีกครั้ง เนื่องจากกลุ่มโอทอปที่เป็นผู้จัดงานให้เธอ ได้ทำป้ายให้กำลังใจเป็นภาษาอังกฤษ แต่ดันสะกดคำผิดเล่นเอาชาวโลกต้องตะลึงอีกครั้ง
“You are my idol don't be worry for anything. Every will be OK. I love you My President Flighting.”
แปลเป็นไทยว่า คุณเป็นไอดอลของฉัน อย่ากังวลเรื่องใด ทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดี รักคุณนะ ประธานาธิบดีของฉัน หนีไป
โอ้ แม่เจ้า ข้อความต้อนรับดังกล่าวทำเอาคนไทยถึงกับกุมขมับ เพราะได้ใช้คำผิดความหมายถึง 2 คำ คือ คำว่า “Fighting” ที่แปลว่าสู้ๆ ก็เขียนเป็น “Flighting”ที่แปลว่าหลบหนีแทน
ส่วนคำว่า “President” ที่แปลว่า ประธานาธิบดี ทั้งที่จริงแล้วควรจะเปลี่ยนมาใช้ “Prime Minister” ที่แปลว่านายกรัฐมนตรีแทน
งานนี้เลยไม่รู้ว่า จะอับอายกันขนาดไหนเพราะมันส่อถึงระดับการศึกษาได้ชัดเจน นายกฯก็อ่านโพยผิด กลุ่มผู้สนับสนุนเธอก็เขียนป้ายต้อนรับภาษาอังกฤษผิด ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงระดับสติปัญญาซึ่งคนทั้งประเทศได้แสดงความคิดเห็นถึงระดับไอคิวของผู้สนับสนุนกลุ่มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเป็นที่มาให้ชาวเน็ตวิจารณ์สนั่นจออีกเช่นเคย
แต่ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงความเอ๋อ-สมองกลวงที่พาคนไทยต้องอับอายขายขี้หน้าเพียงใด เธอก็ด้านสู้ไม่หวั่นไหว แถมยังปล่อยให้สมุนคนเสื้อแดงออกมาเผยแพร่ความคิดเรื่องแบ่งแยกประเทศเป็น “อีสานล้านนา” อีกต่างหาก