นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงปัญหาการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ที่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยมองว่า กกต. ควรจะวางระเบียบการเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ 28 เขตที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง รวมทั้งบางหน่วยเลือกตั้งที่ยังไม่สามารถลงคะแนนได้เดินหน้าเลือกตั้ง ส่วนจะดำเนินการได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง
นายบรรหาร ยังมองว่า ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้บอบช้ำมาก และยังมีปัญหาเรื่องโครงการรับจำนำข้าวมาเพิ่มอีก ซึ่งตนก็เห็นใจชาวนา โดยมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากรัฐบาลยุบสภา จึงไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งหากมีการปฏิรูปการเมือง ควรแก้รัฐธรรมนูญในข้อบกพร่องต่างๆ โดยเฉพาะต้องให้รัฐบาลรักษาการ มีอำนาจแต่งตั้งบุคคล และอนุมัติงบประมาณต่าางๆ
สำหรับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง นายบรรหาร เห็นว่า ควรจะให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เข้ามาเป็นคนกลาง โดยเห็นว่าบุคคลที่เหมาะสมคือ นายวิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการครม. เนื่องจากเป็นบุคคลที่สามารถพูดคุยได้ทุกฝ่าย และเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการจับกุมแกนนำ กปปส. บางคน จะไม่ส่งผลให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงตามมา เนื่องจากเป็นการทำตามกฎหมายภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังที่ นายหยวน จื้อปิง อธิบดีกรมเอาเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงวิเทศสัมพันธ์ พรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าพบเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ว่า ขณะนี้มีหลายประเทศที่ติดตามและเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศไทยเข้าพบ เพื่อรับฟัง และประเมินทิศทาง ซึ่งจีนก็ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่ขอแทรกแซงกิจการใดๆ ภายในของไทย เพราะที่ผ่านมาเราต่างเป็นเสมือนพี่น้องกัน และเข้าใจมุมมองของทุกฝ่าย และอยากจะฟังความเห็นของฝ่ายต่างๆ ซึ่งตนมองว่า สถานการณ์ยังหยุดอยู่กับที่ เพราะรัฐบาลยังพยายามจะหาทางจัดการเลือกตั้งให้เดินต่อไป ขณะที่ไม่มีความเป็นไปได้ และเกิดปัญหาทั้งข้อเท็จจริงและกฎหมาย ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมแสดงออก ไม่ได้มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นคำตอบของประเทศ สุดท้ายก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่อยู่ดี แล้วทำไมจึงไม่เปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุย เพื่อหาทางออกให้ได้จะดีกว่า โดยยอมรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่จะมีขึ้น เพราะอาจจะจัดตั้ง รัฐบาลได้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือ สภาเปิดไม่ได้ภายใน 30วัน ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งก็เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ จุดนี้ทุกคนถามว่า ทำไมรัฐบาลถึงไม่ยอมรับความจริง โดยรัฐบาลต้องคุยกับ กกต.ให้จบ ว่าจะกลับไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ เพื่อที่จะเดินหน้าประเทศได้ต่อไปนั้น จะทำอย่างไร โดยแสวงหาจุดร่วมเอาเงื่อนไขต่างๆ มาวาง และร่วมกันดูดีที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลคิดว่าจะลองไปเรื่อยๆ โดยโยนภาระนี้ไปจบที่ศาล ก็ถือเป็นทางออกหนึ่งแต่มันเสียเวลา เสียโอกาสชาติ เพราะล่าช้า และสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งของคนในสังคม ที่จะขยายวง เพื่อเกิดปัญหาใหม่ซ้อนขึ้นมา แล้วทำไมไม่มาหันหน้าคุยกันเพื่อหาทางออก
"มีคนมองว่า รัฐบาลมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ผมขอเตือนคุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร)ว่า นักกฎหมายตัว"พ"-"ภ" ที่มีอยู่ อย่าไปฟังเค้ามากนัก และบอกให้คนเหล่านี้ พอเถอะ เพราะยุให้ทำมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่การออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือเดินหน้าเลือกตั้ง โดยพาประเทศไปสู่จุดที่เกิดปัญหาในปัจจุบันนี้ นายกฯ หัดฟังนักกฎหมายฝ่ายอื่น หรือ กกต.บ้าง อย่าพึ่งให้นักกฎหมายของตัวเองมาตอบโต้ ดูเหตุผลของเขาก่อนว่า ปัญหาจะแก้กันอย่างไร อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อแล้วไปจบที่ศาล มันเสียโอกาส และอาจจะนำไปสู่การสูญเสียมากขึ้น ซึ่งการที่เรามีสภาพเหมือนไร้รัฐ ทำให้เสียเวลา และโอกาสที่ต้องหยุดอยู่กับที ทั้งที่ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชาวนา และทุกภาคส่วนก็ใจจดจ่อว่า จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก จึงถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเปิดทางเพื่อทางหางออกให้ประเทศ"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีจำนวนมาก หากทำให้เกิดสูญญากาศขึ้น จะเป็นการช่วยให้พ้นคดีได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวจะอยู่หรือไม่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ คดีก็ยังอยู่ ซึ่งต้องว่าตามข้อเท็จจริง และหลักกฎหมย หากทำผิดแล้วอยู่ในตำแหน่ง มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากมีความคิดว่าอยู่ในตำแหน่งนี้แล้วจะไปแทรกแซงเขาได้ เพราะตนยังเชื่อว่า ถ้าคนที่มีหน้าที่ แล้วจะทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ที่สุดก็ต้องรับผิดชอบผลนั้น เพราะสังคมจับตามองเรื่อง เหล่านี้อยู่แล้ว
ถามต่อว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาอยู่ที่ประเทศพม่า คิดว่าจะมีความเคลื่อนไหวและมีผลกระทบอะไรต่อประเทศไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เห็นว่ามาทำพิธีอะไรบางอย่าง ที่รัฐบาลยังยันอยู่อย่างนี้ก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้ยัน และมีผลกระทบแน่นอน นักการกฎหมายทั้งหลายของพรรคเพื่อไทย ก็เสนอให้ยันอยู่อย่างนี้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ คิดแต่อะไรที่เป็นประโยชน์ หรือได้เปรียบ ก็ต้องรักษาไว้ให้นานที่สุด พอมีปัญหาก็ค่อยๆ ถอยไป หากพ.ต.ท .ทักษิณเรียนรู้จากอดีต ก็จะรู้ว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากที่คิดจะอยู่เหนือกฎหมาย ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับกฎหมาย ก็จะสร้างปัญหาต่อไปเรื่อยๆ เพราะเอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง อยู่เหนือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความเป็นห่วงต่อสถาบันศาล ในการทำหน้าที่ เพราะกลยุทธ์ของระบอบทักษิณ พยายามดึงทุกอย่างมาสู่ความขัดแย้ง เพื่อตนเองจะได้ความชอบธรรม จึงห่วงว่าเมื่อศาลตัดสินออกมาไม่ตรงใจกับฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เขาก็จะใช้วิธีการทำลายความน่าเชื่อถือของศาล และองค์กรนั้นๆ
ส่วนกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เสนอให้นายวิษณู เครืองาม อดีตเลขาธิการครม. เป็นคนกลางเจรจาคู่ขัดแย้งทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับตน การมีหรือไม่มีคนกลางไม่สำคัญเท่ากับคู่กรณีจะพร้อมที่จะพูดคุยหรือไม่ โดยต้องเปิดทางในการหาทางออก เพราะวันนี้ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ จากรัฐบาล น่าเสียดายที่ชาวนามาชุมนุมเรียกร้อง แต่รัฐบาลมองว่าเป็นปฏิปักษ์ ถ้ามีคนกลาง แต่ไม่มีคนคุย ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร หรือถ้าจะคุยแล้วกำหนดกรอบ เงื่อนไขเดิมๆ คือห้ามพูดถึงปัญหาเดิม ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยหาทางออกให้ประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนที่คุยกับ กกต. พรรคร่วมก็แสดงท่าทียืนชัดเจนแล้วว่าจุดยืนของพวกเขาคืออะไร ซึ่งสิ่งที่พรรคร่วมควรทำตอนนี้คือ บอกความจริงกับรัฐบาล อย่างไรก็ตามแม้จะเรียกร้องอะไรจากพรรคร่วมก็ไม่มีผลเพราะขณะนี้ไม่มีสภา
นายบรรหาร ยังมองว่า ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้บอบช้ำมาก และยังมีปัญหาเรื่องโครงการรับจำนำข้าวมาเพิ่มอีก ซึ่งตนก็เห็นใจชาวนา โดยมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากรัฐบาลยุบสภา จึงไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งหากมีการปฏิรูปการเมือง ควรแก้รัฐธรรมนูญในข้อบกพร่องต่างๆ โดยเฉพาะต้องให้รัฐบาลรักษาการ มีอำนาจแต่งตั้งบุคคล และอนุมัติงบประมาณต่าางๆ
สำหรับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง นายบรรหาร เห็นว่า ควรจะให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เข้ามาเป็นคนกลาง โดยเห็นว่าบุคคลที่เหมาะสมคือ นายวิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการครม. เนื่องจากเป็นบุคคลที่สามารถพูดคุยได้ทุกฝ่าย และเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการจับกุมแกนนำ กปปส. บางคน จะไม่ส่งผลให้มีเหตุการณ์ความรุนแรงตามมา เนื่องจากเป็นการทำตามกฎหมายภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังที่ นายหยวน จื้อปิง อธิบดีกรมเอาเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงวิเทศสัมพันธ์ พรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าพบเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ว่า ขณะนี้มีหลายประเทศที่ติดตามและเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศไทยเข้าพบ เพื่อรับฟัง และประเมินทิศทาง ซึ่งจีนก็ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่ขอแทรกแซงกิจการใดๆ ภายในของไทย เพราะที่ผ่านมาเราต่างเป็นเสมือนพี่น้องกัน และเข้าใจมุมมองของทุกฝ่าย และอยากจะฟังความเห็นของฝ่ายต่างๆ ซึ่งตนมองว่า สถานการณ์ยังหยุดอยู่กับที่ เพราะรัฐบาลยังพยายามจะหาทางจัดการเลือกตั้งให้เดินต่อไป ขณะที่ไม่มีความเป็นไปได้ และเกิดปัญหาทั้งข้อเท็จจริงและกฎหมาย ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมแสดงออก ไม่ได้มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นคำตอบของประเทศ สุดท้ายก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่อยู่ดี แล้วทำไมจึงไม่เปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุย เพื่อหาทางออกให้ได้จะดีกว่า โดยยอมรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่จะมีขึ้น เพราะอาจจะจัดตั้ง รัฐบาลได้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือ สภาเปิดไม่ได้ภายใน 30วัน ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งก็เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ จุดนี้ทุกคนถามว่า ทำไมรัฐบาลถึงไม่ยอมรับความจริง โดยรัฐบาลต้องคุยกับ กกต.ให้จบ ว่าจะกลับไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ เพื่อที่จะเดินหน้าประเทศได้ต่อไปนั้น จะทำอย่างไร โดยแสวงหาจุดร่วมเอาเงื่อนไขต่างๆ มาวาง และร่วมกันดูดีที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลคิดว่าจะลองไปเรื่อยๆ โดยโยนภาระนี้ไปจบที่ศาล ก็ถือเป็นทางออกหนึ่งแต่มันเสียเวลา เสียโอกาสชาติ เพราะล่าช้า และสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งของคนในสังคม ที่จะขยายวง เพื่อเกิดปัญหาใหม่ซ้อนขึ้นมา แล้วทำไมไม่มาหันหน้าคุยกันเพื่อหาทางออก
"มีคนมองว่า รัฐบาลมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ผมขอเตือนคุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร)ว่า นักกฎหมายตัว"พ"-"ภ" ที่มีอยู่ อย่าไปฟังเค้ามากนัก และบอกให้คนเหล่านี้ พอเถอะ เพราะยุให้ทำมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่การออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือเดินหน้าเลือกตั้ง โดยพาประเทศไปสู่จุดที่เกิดปัญหาในปัจจุบันนี้ นายกฯ หัดฟังนักกฎหมายฝ่ายอื่น หรือ กกต.บ้าง อย่าพึ่งให้นักกฎหมายของตัวเองมาตอบโต้ ดูเหตุผลของเขาก่อนว่า ปัญหาจะแก้กันอย่างไร อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อแล้วไปจบที่ศาล มันเสียโอกาส และอาจจะนำไปสู่การสูญเสียมากขึ้น ซึ่งการที่เรามีสภาพเหมือนไร้รัฐ ทำให้เสียเวลา และโอกาสที่ต้องหยุดอยู่กับที ทั้งที่ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชาวนา และทุกภาคส่วนก็ใจจดจ่อว่า จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก จึงถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเปิดทางเพื่อทางหางออกให้ประเทศ"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีจำนวนมาก หากทำให้เกิดสูญญากาศขึ้น จะเป็นการช่วยให้พ้นคดีได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวจะอยู่หรือไม่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ คดีก็ยังอยู่ ซึ่งต้องว่าตามข้อเท็จจริง และหลักกฎหมย หากทำผิดแล้วอยู่ในตำแหน่ง มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากมีความคิดว่าอยู่ในตำแหน่งนี้แล้วจะไปแทรกแซงเขาได้ เพราะตนยังเชื่อว่า ถ้าคนที่มีหน้าที่ แล้วจะทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ที่สุดก็ต้องรับผิดชอบผลนั้น เพราะสังคมจับตามองเรื่อง เหล่านี้อยู่แล้ว
ถามต่อว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาอยู่ที่ประเทศพม่า คิดว่าจะมีความเคลื่อนไหวและมีผลกระทบอะไรต่อประเทศไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เห็นว่ามาทำพิธีอะไรบางอย่าง ที่รัฐบาลยังยันอยู่อย่างนี้ก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้ยัน และมีผลกระทบแน่นอน นักการกฎหมายทั้งหลายของพรรคเพื่อไทย ก็เสนอให้ยันอยู่อย่างนี้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ คิดแต่อะไรที่เป็นประโยชน์ หรือได้เปรียบ ก็ต้องรักษาไว้ให้นานที่สุด พอมีปัญหาก็ค่อยๆ ถอยไป หากพ.ต.ท .ทักษิณเรียนรู้จากอดีต ก็จะรู้ว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากที่คิดจะอยู่เหนือกฎหมาย ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับกฎหมาย ก็จะสร้างปัญหาต่อไปเรื่อยๆ เพราะเอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง อยู่เหนือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความเป็นห่วงต่อสถาบันศาล ในการทำหน้าที่ เพราะกลยุทธ์ของระบอบทักษิณ พยายามดึงทุกอย่างมาสู่ความขัดแย้ง เพื่อตนเองจะได้ความชอบธรรม จึงห่วงว่าเมื่อศาลตัดสินออกมาไม่ตรงใจกับฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เขาก็จะใช้วิธีการทำลายความน่าเชื่อถือของศาล และองค์กรนั้นๆ
ส่วนกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เสนอให้นายวิษณู เครืองาม อดีตเลขาธิการครม. เป็นคนกลางเจรจาคู่ขัดแย้งทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับตน การมีหรือไม่มีคนกลางไม่สำคัญเท่ากับคู่กรณีจะพร้อมที่จะพูดคุยหรือไม่ โดยต้องเปิดทางในการหาทางออก เพราะวันนี้ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ จากรัฐบาล น่าเสียดายที่ชาวนามาชุมนุมเรียกร้อง แต่รัฐบาลมองว่าเป็นปฏิปักษ์ ถ้ามีคนกลาง แต่ไม่มีคนคุย ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร หรือถ้าจะคุยแล้วกำหนดกรอบ เงื่อนไขเดิมๆ คือห้ามพูดถึงปัญหาเดิม ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยหาทางออกให้ประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนที่คุยกับ กกต. พรรคร่วมก็แสดงท่าทียืนชัดเจนแล้วว่าจุดยืนของพวกเขาคืออะไร ซึ่งสิ่งที่พรรคร่วมควรทำตอนนี้คือ บอกความจริงกับรัฐบาล อย่างไรก็ตามแม้จะเรียกร้องอะไรจากพรรคร่วมก็ไม่มีผลเพราะขณะนี้ไม่มีสภา