ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่ม “รื่นฤดี ผนึก ปัญจทรัพย์” ตั้งบริษัทลูก“อดามัส” ผุด 2 โครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “Vio” เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ย่านเมืองนนท์ มูลค่า2,000 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มคนทำงานเริ่มต้นครอบครัวใหม่มั่นใจลูกค้าในพื้นที่ตอบรับดีหลังพบดีมานด์ขยายตัวต่อเนื่อง ซับพลายในพื้นที่รัศมี5 กม.ระบายออกสูง50-60%
นายธนันต์ อนันตศิลป์ ประธานกรรมการ กลุ่ม บริษัท รื่นฤดี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า การก้าวเข้ามาทำคอนโดมิเนียมนั้นเป็นความต้องการของผู้ประกอบการแทบทุกราย โดยเฉพาะในปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงที่มีดีมานด์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มรื่นฤดีเอง นับจากก้าวเข้าสู่วางการอสังหาริมทรัพย์เป็นต้นมาก็มุ่งพัฒนาโครงการแนวราบในโซนรามคำแหง หทัยราษฎร์ และรามอินทาเป็นหลัก โดยมีโครงการที่พัฒนามาแล้วรวม8โครงการ ประกอบด้วยโครงการรื่นฤดี1-รามคำแหง, รื่นฤดี2 -หทัยราษฎร์, รื่นฤดี3-หทัยราษฎร์,รื่นฤดี4 หทัยราษฎร์,รื่นฤดี5หทัยราษฎร์,รื่นฤดี6-หทัยราษฎร์ และ ภัทรรินทร์1,ภัทรรินทร์ 2 ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการรื่นฤดี7-หทัยราษฎร์ โครงการอาคารพาณิชย์28ยูนิต ผสมทาวน?เฮาส์ 283 ยูนิต มูลค่า900ล้านบาทในปีนี้
สำหรับแบรนด์บ้านรื่นฤดีนั้นเป็นการพัฒนาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มรื่นฤดี ขณะที่โครงการภายใต้แบรนด์ภัทรรินทร์นั้นเป็นการร่วมทุนระหว่าง กลุ่มร่วมฤดี กับกลุ่มปัญจทรัพย์ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น70%โดยกลุ่มรื่นฤดี และอีก30% โดยกลุ่มปัญจทรัพย์ ทั้งการร่วมทุนการพัฒนาโครงการต่างๆ ของทั้ง2กลุ่มนั้นจะพิจารณาการร่วมทุนกันแบบโปรเจ็กต์บายโปรเจ็กต์ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการที่ทั้ง2กลุ่มร่วมทุนในการพัฒนานั้นเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด
อย่างไรก็ตามในปี2557นี้ หลังจากที่ทั้ง 2 กลุ่มได้มีการหารือร่วมกันแล้วเห็นตรงกันว่าแนวโน้มการขยายตัวของโครงการคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะคอนโดในย่านชาญเมืองที่ติดกับแนวรถไฟฟ้าระดับราคา2-3ล้านบาทยังมีดีมานด์จำนวนมาก จึงตัดสินใจร่วมทุนก่อตั้งบริษัท อดามัส เรียเอสเตท จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ คือ Vio1 แคราย และVio2 ติวานนท์มูลค่ารวม2โครงการ 2,000ล้านบาท โดยทั้ง2โครงการดังกล่าวได้เปิดตัวและพรีเซลไปในช่วงวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา
นายศุภโชค ปัญจทรพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อดามัส กล่าวว่า โครงการ Vio ติวานนท์ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ไฮไลท์ สูง 37 ชั้น 1อาคาร จำนวน 632 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่พัฒนาโครงการ 2 ไร่ 172 ตารางวา ราคาเฉลี่ย70,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) มีขนาดห้องชุดให้เลือก2 แบบ คือ1ห้องนอนขนาด30 ตร.ม. และ 2ห้องนอน ขนาด 46.93-62ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 1.98 - 3ล้านบาทเศษ มูลค่าโครงการรวม ขณะนี้มียอดขายแล้ว 20%
ส่วนโครงการ Vio แคราย ซึ่งตั้งอยู่เลียบถนนรัตนาธิเบศน์ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแคราย) 10เมตร มีพื้นที่การพัฒนาโครงการ 387ตร.ว. โดยพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลวไรส์ สูง8ชั้น 1อาคารจำนวน 125 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม มีห้องชุดให้เลือก2แบบคือแบบ1ห้องนอน ขนาด 31-37 ตร.ม. และห้องชุด2ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 43-48 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ย70,000 บาทต่อตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.98 -3 ล้านบาท
สำหรับการแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันยังคงเน้นการแข่งขันด้านราคา โดยในโซนติวานนท์ และแครายนี้ จากหารเก็บข้อมูลซับพลายในพื้นที่พบว่า ในรัศมี5กิโลเมตร มีโครงการเปิดขายอยู่กว่า 10 โครงการหรอืมีจำนวนห้องชุดในพื้นที่ที่ทำตลาดอยู่ประมาณ 3,000 ยูนิตโดยส่วนใหญ่เปิดขายไปก่อนหน้านี้แล้ว และมียอดขายในทุกๆโครงการไม่ต่ำกว่า50-60% ในบางโครงการมียอดขายเหลือเพียง10-0% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มคนทำงานเริ่มต้นครอบครัวใหม่อายุ25-30 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัท และกำลังมองหาที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน3 ล้านบาท โดยเฉพาะคนในพื้นที่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องดังนั้นจึงมั่นใจว่าโครงการ Vio ทั้ง2โครงการจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า
นายธนันต์ อนันตศิลป์ ประธานกรรมการ กลุ่ม บริษัท รื่นฤดี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า การก้าวเข้ามาทำคอนโดมิเนียมนั้นเป็นความต้องการของผู้ประกอบการแทบทุกราย โดยเฉพาะในปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงที่มีดีมานด์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มรื่นฤดีเอง นับจากก้าวเข้าสู่วางการอสังหาริมทรัพย์เป็นต้นมาก็มุ่งพัฒนาโครงการแนวราบในโซนรามคำแหง หทัยราษฎร์ และรามอินทาเป็นหลัก โดยมีโครงการที่พัฒนามาแล้วรวม8โครงการ ประกอบด้วยโครงการรื่นฤดี1-รามคำแหง, รื่นฤดี2 -หทัยราษฎร์, รื่นฤดี3-หทัยราษฎร์,รื่นฤดี4 หทัยราษฎร์,รื่นฤดี5หทัยราษฎร์,รื่นฤดี6-หทัยราษฎร์ และ ภัทรรินทร์1,ภัทรรินทร์ 2 ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการรื่นฤดี7-หทัยราษฎร์ โครงการอาคารพาณิชย์28ยูนิต ผสมทาวน?เฮาส์ 283 ยูนิต มูลค่า900ล้านบาทในปีนี้
สำหรับแบรนด์บ้านรื่นฤดีนั้นเป็นการพัฒนาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มรื่นฤดี ขณะที่โครงการภายใต้แบรนด์ภัทรรินทร์นั้นเป็นการร่วมทุนระหว่าง กลุ่มร่วมฤดี กับกลุ่มปัญจทรัพย์ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น70%โดยกลุ่มรื่นฤดี และอีก30% โดยกลุ่มปัญจทรัพย์ ทั้งการร่วมทุนการพัฒนาโครงการต่างๆ ของทั้ง2กลุ่มนั้นจะพิจารณาการร่วมทุนกันแบบโปรเจ็กต์บายโปรเจ็กต์ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการที่ทั้ง2กลุ่มร่วมทุนในการพัฒนานั้นเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด
อย่างไรก็ตามในปี2557นี้ หลังจากที่ทั้ง 2 กลุ่มได้มีการหารือร่วมกันแล้วเห็นตรงกันว่าแนวโน้มการขยายตัวของโครงการคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะคอนโดในย่านชาญเมืองที่ติดกับแนวรถไฟฟ้าระดับราคา2-3ล้านบาทยังมีดีมานด์จำนวนมาก จึงตัดสินใจร่วมทุนก่อตั้งบริษัท อดามัส เรียเอสเตท จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ คือ Vio1 แคราย และVio2 ติวานนท์มูลค่ารวม2โครงการ 2,000ล้านบาท โดยทั้ง2โครงการดังกล่าวได้เปิดตัวและพรีเซลไปในช่วงวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา
นายศุภโชค ปัญจทรพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อดามัส กล่าวว่า โครงการ Vio ติวานนท์ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ไฮไลท์ สูง 37 ชั้น 1อาคาร จำนวน 632 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่พัฒนาโครงการ 2 ไร่ 172 ตารางวา ราคาเฉลี่ย70,000 บาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) มีขนาดห้องชุดให้เลือก2 แบบ คือ1ห้องนอนขนาด30 ตร.ม. และ 2ห้องนอน ขนาด 46.93-62ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 1.98 - 3ล้านบาทเศษ มูลค่าโครงการรวม ขณะนี้มียอดขายแล้ว 20%
ส่วนโครงการ Vio แคราย ซึ่งตั้งอยู่เลียบถนนรัตนาธิเบศน์ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแคราย) 10เมตร มีพื้นที่การพัฒนาโครงการ 387ตร.ว. โดยพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลวไรส์ สูง8ชั้น 1อาคารจำนวน 125 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม มีห้องชุดให้เลือก2แบบคือแบบ1ห้องนอน ขนาด 31-37 ตร.ม. และห้องชุด2ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 43-48 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ย70,000 บาทต่อตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.98 -3 ล้านบาท
สำหรับการแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันยังคงเน้นการแข่งขันด้านราคา โดยในโซนติวานนท์ และแครายนี้ จากหารเก็บข้อมูลซับพลายในพื้นที่พบว่า ในรัศมี5กิโลเมตร มีโครงการเปิดขายอยู่กว่า 10 โครงการหรอืมีจำนวนห้องชุดในพื้นที่ที่ทำตลาดอยู่ประมาณ 3,000 ยูนิตโดยส่วนใหญ่เปิดขายไปก่อนหน้านี้แล้ว และมียอดขายในทุกๆโครงการไม่ต่ำกว่า50-60% ในบางโครงการมียอดขายเหลือเพียง10-0% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มคนทำงานเริ่มต้นครอบครัวใหม่อายุ25-30 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัท และกำลังมองหาที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน3 ล้านบาท โดยเฉพาะคนในพื้นที่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องดังนั้นจึงมั่นใจว่าโครงการ Vio ทั้ง2โครงการจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า