ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-นับเป็นพระกรุณาธิคุณกับครอบครัวของ นายประคอง ชูจันทร์ ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.อย่างหาที่สุดไม่ได้ เมื่อ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มอบหมายให้นายเปรี่ยมศักดิ์ มิลินทจินดา เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญพวงมาลาและพวงหรีดพระราชทานมามอบให้ในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2557 ณ ศาลา 1 เตชะอิทธิพร วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร หลังนายประคองถูกระเบิดเสียชีวิตขณะร่วมเดินขบวนกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)ที่ถนนบรรทัดทอง
และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นี่คือความปลื้มปีติที่ครอบครัวนายประคอง ชูจันทร์ไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมือง เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานนักผู้แทนพระองค์ก็ได้อัญเชิญพวงมาลาและพวงหรีดพระราชทานไปมอบให้ครอบครัว นายวสุ สุฉันทบุตร การ์ดของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ บางเขน หลังเสียชีวิตจากเหตุปะทะกันที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร หรือสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ระบบบัญชีรายชื่อ
รวมถึงก่อนหน้านี้ก็ได้ตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในงานพระราชทานเพลิงศพ “น้องโบว์-นางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ” ณ วัดศรีประวัติ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่เสียชีวิตจากแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ ตำรวจในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากพระกรุณาธิคุณซึ่งเป็นที่ประจักษ์และยังความปลื้มปีติต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมถึงพสกนิกรที่ได้รับทราบดังที่ได้ยกตัวอย่างให้เห็นในทั้ง 3 กรณีแล้ว ใครที่ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ และติดตามแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า “คนไทยรักฟ้าหญิงจุฬาภรณ์” และอินสตราแกรมที่ใช้ชื่อว่า tailah_mardy ก็จะพบพระฉายาลักษณ์ ตลอดรวมถึงข้อความที่แสดงออกถึงความรักชาติบ้านเมืองให้เห็น ซึ่งแน่นอนว่า บรรดาผู้ที่ติดตามได้แสดงความชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น ทรงพระเจริญ.....ใส่สีเดียวกันเลยค่ะ.....ภูมิใจที่เป็นคนไทยใต้ร่มพระบารมี...ภาพนี้...ทำให้ดิฉันน้ำตาไหล..ออกมาด้วยความปีติ..ปลาบปลื้มใจมากค่ะ..ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ..ฯลฯ
และแน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมหนีไม่พ้นที่จะถูกนำเสนอในเว็บไซต์บางเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ที่นำเสนออย่างเอิกเกริกก็คือเว็บไซต์ไทย อี-นิวส์
12 มกราคม 2557 เว็บไซต์ดังกล่าวพาดหัวข่าวเอาไว้ว่า “ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์โพสต์พระอินสตาแกรม รักชาติเท่าชีวิต คงถูกข้อหากบฏเพราะนำเปียสีธงชาติติดผม” พร้อมนำภาพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ในอินสตราแกรมมาเป็นภาพประกอบข่าวด้วย โดยข่าวนี้ถึงกับติดอันดับ TOP10 ข่าวยอดนิยมของเว็บไซต์ ไทย-อีนิวส์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ด้านล่างของเนื้อหา ได้มีการนำข้อมูลจากเฟซบุ๊กของ “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” มานำเสนออย่างละเอียดพร้อมคำอธิบายอีกด้วย
“สรุปแล้วนัยยะคือทรงรักชาตินั่นแหละครับ จึงประดับ ส่วนว่าทำไมจึงทรงมีพระอารมณ์ความรู้สึกรักชาติเป็นพิเศษในช่วงนี้ ท่านมิได้อธิบายไว้”สมศักดิ์ตั้งข้อสังเกตและแสดงความคิดเห็นเอาไว้
ทั้งนี้ หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ได้พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษนายวุฒิธร มิลินจินดา พิธีกรผู้ดำเนินรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์
และต้องบอกว่า เป็นการออกอากาศที่มีประชาชนคนไทยจำนวนมากสนใจติดตามรับชมจนกลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” ที่กล่าวขานกันทั้งบ้านทั้งเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพระราชทานสัมภาษณ์เรื่องพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทั้งสองพระองค์ทรงบำเพ็ญเพื่อประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานมิเคยว่างเว้น แม้แต่ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเพื่อประทับรักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ยังทรงติดตามสถานการณ์ของบ้านเมือง พร้อมทั้งมีพระราชกระแสรับสั่งให้มีการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตลอดเวลา
“อยากให้ทูลกระหม่อมพ่อได้รับความเป็นยุติธรรมที่ท่านควรจะได้รับ รวมทั้งสมเด็จแม่ด้วย ท่านทรงตรากตรำเหลือเกินจริงๆ อยาก แต่ยังไม่กล้าขอ อยากขอเวลาทีวี วันละ 10 นาที หลังข่าว อยากจะฉายหนังสั้นพระราชกรณียกิจว่า พระองค์นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีทรงทำอะไรบ้าง สงสารท่านเถอะ”
นอกจากนี้ อีกประเด็นสำคัญในการพระราชทานสัมภาษณ์วันนั้นคือ การที่ทรงเปิดเผยถึงความทุกข์พระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง
“...เหตุการณ์ปีที่แล้ว ที่มีการเผาบ้านเผาเมืองกัน อันนั้นนำความทุกข์มาสู่พระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จฯ เหลือเกิน พระเจ้าอยู่หัวจากที่ทรงหัดเดินได้ ตอนนั้นทรงทรุดเลย เป็นไข้ต้องให้น้ำเกลือนอนแบ่บเลย สมเด็จฯ ก็เสียพระทัยมากเลย ท่านรับสั่งว่า คราวที่เราถูกเผาเมืองนั้น คือสมัยเสียกรุงต่อพม่า กรุงศรีอยุธยา แต่คราวนี้สะเทือนใจยิ่งกว่า เพราะเป็นการที่คนไทยเผาเมืองไทยเอง”
จากเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงห่วงใยพสกนิกรและมีความรักชาติรักบ้านเมืองเพียงใด
วันนี้....สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จึงทรงเป็น “ฟ้าหญิงของมวลมหาประชาชน” โดยแท้จริง