นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศย้ำมาตลอดว่า รัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่มาชุมนุม แต่ช่วงเวลาประมาณ 1 เดือน มีคนบริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตไปแล้วนับ 10 ศพ บาดเจ็บอีกนับร้อยคน จากการใช้ความรุนแรงของตำรวจ และการลอบกัดของกลุ่มเดรัจฉาน
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาล ในฐานะผู้นำประเทศ นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้
รัฐบาลยิ่งลักษณ์มือเปื้อนเลือดไปแล้ว
แต่การใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายล้างประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน คงไม่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ แต่มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงหนักขึ้น ภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเครื่องมือในการจัดการกับประชาชนผู้ชุมนุม
ไม่อาจคาดหมายได้ว่า คนบริสุทธิ์จะต้องสังเวยชีวิต บาดเจ็บล้มตายกันอีกเท่าไหร่ เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมอำมหิต พร้อมใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบปราบประชาชนที่มาชุมนุม
ตั้งแต่การไล่สังหารนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง การสลายการชุมนุมที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุนดินแดง จนมีผู้เสียชีวิต ไม่มีการสอบสวนตามไล่ล่าคนร้ายและตำรวจที่ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด นอกจากปล่อยให้ตำรวจออกมาบิดเบื้อนข้อเท็จจริง และปกป้องพวกพ้อง
การลอบกัดประชาชนที่ปักหลักชุมนุมในสถานที่ต่างๆ ถูกคุกคาม ถูกก่อกวน ถูกอาวุธปืนยิงใส่จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องแทบทุกวัน
การก่อเหตุร้ายซ้ำซ้อนต่อเนื่องในยามวิกาลเกิดขึ้นได้อย่างไร ตำรวจหายหัวไปไหน ไม่มีกล้องวงจรปิดที่จะตรวจสอบกลุ่มคนร้ายเลยหรือ หรือว่าตำรวจเปิดทางให้เดรัจฉานมาลอบกัดประชาชน
ล่าสุดมีการนำระเบิดอานุภาพร้ายแรงปาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมกลางวันแสกๆ โดยไม่เลือกว่า เหยื่อระเบิดจะเป็นเด็ก สตรี หรือคนชรา ซึ่งไม่มีความกระตือรือร้นจากรัฐบาลในการตามล่าคนร้ายแต่อย่างใด
แต่เหตุลอบปาระเบิด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกนับร้อยนั้น กลับเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลนำไปอ้างเพื่อประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เป็นไปมั้ยว่า เหตุระเบิดจะเชื่อมโยงกับแผนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในลักษณะชงเองกินเอง ซึ่งเป็นงานถนัดของรัฐบาลชุดนี้
และนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เห็นกันแล้วว่า ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ในอำนาจ แม้กระทั่งใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชน
แต่ความอำมหิตของนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะรัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณ นิยมใช้ความรุนแรงมาตลอด
ยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการใช้อำนาจมืดจัดการกับคนที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรง โดยทนายสมชาย นีละไพจิตร ถูกอุ้มเป็นรายแรก ตามด้วยการสังหารชิปปิ้งหมูที่ออกมาเปิดโปงความชั่วของ “ทักษิณ” การฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ จากนโยบายปราบยาเสพติด และการสังหารหมู่ที่กรือเซะและตากใบ
และยังไม่รวมการระดมอันธพาลจากกรมป่าไม้มาทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ยุครัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หุ่นเชิดของพ.ต.ท.ทักษิณก็แสดงความโหดเหี้ยม สั่งตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยิงแก๊สน้ำตาชนิดร้ายแรงใส่ประชาชนไม่ยั้ง จนมีผู้เสียชีวิตหลายราย พิการแขนขาขาดนับสิบ บาดเจ็บนับร้อยๆ คน ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551
พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในข่ายที่จะเป็นอาชญากร ละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนนายสมชายก็ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ซึ่งกระบวนการเอาผิดไม่รู้ว่าถูกดองเงียบอยู่ในขั้นตอนไหน
มาถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เหี้ยมโหดไม่แพ้พี่ชายและพี่เขย ไล่กันตั้งแต่คดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจที่เปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ แฉพฤติกรรมทางการลับของนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะกรณีโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
การให้ท้ายคนเสื้อแดง ตั้งตนเป็นอันธพาลครองเมือง ยกขบวนไปป่วนหรือรุมทำร้ายฝ่ายต่อต้านรัฐบาล คุกคามข่มขู่สื่อมวลชน
และล่าสุดความพยายามทำลายล้างกลุ่มมวลมหาประชาชนทั่วประเทศที่ร่วมขับไล่รัฐบาล ทั้งการใช้อำนาจรัฐ และการปล่อยปละละเลยกลุ่มเดรัจฉานที่จ้องเข่นฆ่ากลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.
ความรุนแรงที่นำมาใช้เพื่อสลายการชุมนุมของประชาชน ทั้งอำนาจรัฐโดยเปิดเผยหรืออำนาจมืด ทำให้ประเทศไทยไม่แตกต่างจากประเทศอียิปต์ ในยุครัฐบาลนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่เมื่อขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแล้ว ได้แก้กฎหมายให้ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จสูงสุด มีอำนาจมากกว่าศาลเพื่อก้าวเป็นผู้นำเผด็จการเต็มตัว จนประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านนับล้านคนทั่วประเทศ
นายมอร์ซีใช้วิธีการเดียวกับรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลนายสมชาย และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยสั่งเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมจนมีประชาชนล้มตายจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังปลุกระดมให้มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาล ลอบทำร้ายฝ่ายต่อต้าน
สตรีที่มาร่วมขับไล่รัฐบาลนายมอร์ซีถูกดักข่มขืนหลายสิบคน รวมทั้งนักข่าวสาวชาวต่างประเทศ ส่วนผู้ชายถูกดักทำร้าย
แต่สุดท้าย นายมอร์ซีก็ถูกโค่นล้มโดยทหาร โดยไม่ถูกชาติตะวันตกแสดงท่าทีขึงขังต่อต้านการรัฐประหารในอียิปต์เท่าใด
ชะตากรรมของนายมอร์ซี อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีสั่งสังหารประชาชน
สำหรับประเทศไทย สิ่งที่รอคอยกันคือ ชะตากรรมของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ และวาระสุดท้ายของตระกูลชินวัตร
ความอำมหิตที่คนตระกูลชินวัตรสร้างไว้กับประเทศไทย กรรมที่ทำกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ใกล้เวลาที่จะต้องชดใช้เสียที เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใกล้พังต็มทีแล้ว
ส่วน “ทักษิณ” คนบงการเข่นฆ่าประชาชนตัวสำคัญ อย่าลำพองคิดว่าจะรอด เพราะถ้ารัฐบาลเพื่อไทยหมดอำนาจเมื่อไหร่ คนไทยทั้งประเทศจะไล่ล่าลากคอมาชดใช้เวร ไม่ว่าจะหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาล ในฐานะผู้นำประเทศ นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้
รัฐบาลยิ่งลักษณ์มือเปื้อนเลือดไปแล้ว
แต่การใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายล้างประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน คงไม่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ แต่มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงหนักขึ้น ภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเครื่องมือในการจัดการกับประชาชนผู้ชุมนุม
ไม่อาจคาดหมายได้ว่า คนบริสุทธิ์จะต้องสังเวยชีวิต บาดเจ็บล้มตายกันอีกเท่าไหร่ เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมอำมหิต พร้อมใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบปราบประชาชนที่มาชุมนุม
ตั้งแต่การไล่สังหารนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง การสลายการชุมนุมที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุนดินแดง จนมีผู้เสียชีวิต ไม่มีการสอบสวนตามไล่ล่าคนร้ายและตำรวจที่ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด นอกจากปล่อยให้ตำรวจออกมาบิดเบื้อนข้อเท็จจริง และปกป้องพวกพ้อง
การลอบกัดประชาชนที่ปักหลักชุมนุมในสถานที่ต่างๆ ถูกคุกคาม ถูกก่อกวน ถูกอาวุธปืนยิงใส่จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องแทบทุกวัน
การก่อเหตุร้ายซ้ำซ้อนต่อเนื่องในยามวิกาลเกิดขึ้นได้อย่างไร ตำรวจหายหัวไปไหน ไม่มีกล้องวงจรปิดที่จะตรวจสอบกลุ่มคนร้ายเลยหรือ หรือว่าตำรวจเปิดทางให้เดรัจฉานมาลอบกัดประชาชน
ล่าสุดมีการนำระเบิดอานุภาพร้ายแรงปาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมกลางวันแสกๆ โดยไม่เลือกว่า เหยื่อระเบิดจะเป็นเด็ก สตรี หรือคนชรา ซึ่งไม่มีความกระตือรือร้นจากรัฐบาลในการตามล่าคนร้ายแต่อย่างใด
แต่เหตุลอบปาระเบิด ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกนับร้อยนั้น กลับเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลนำไปอ้างเพื่อประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เป็นไปมั้ยว่า เหตุระเบิดจะเชื่อมโยงกับแผนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในลักษณะชงเองกินเอง ซึ่งเป็นงานถนัดของรัฐบาลชุดนี้
และนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เห็นกันแล้วว่า ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ในอำนาจ แม้กระทั่งใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชน
แต่ความอำมหิตของนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะรัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณ นิยมใช้ความรุนแรงมาตลอด
ยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการใช้อำนาจมืดจัดการกับคนที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรง โดยทนายสมชาย นีละไพจิตร ถูกอุ้มเป็นรายแรก ตามด้วยการสังหารชิปปิ้งหมูที่ออกมาเปิดโปงความชั่วของ “ทักษิณ” การฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ จากนโยบายปราบยาเสพติด และการสังหารหมู่ที่กรือเซะและตากใบ
และยังไม่รวมการระดมอันธพาลจากกรมป่าไม้มาทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ยุครัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หุ่นเชิดของพ.ต.ท.ทักษิณก็แสดงความโหดเหี้ยม สั่งตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยิงแก๊สน้ำตาชนิดร้ายแรงใส่ประชาชนไม่ยั้ง จนมีผู้เสียชีวิตหลายราย พิการแขนขาขาดนับสิบ บาดเจ็บนับร้อยๆ คน ในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551
พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในข่ายที่จะเป็นอาชญากร ละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนนายสมชายก็ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ซึ่งกระบวนการเอาผิดไม่รู้ว่าถูกดองเงียบอยู่ในขั้นตอนไหน
มาถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เหี้ยมโหดไม่แพ้พี่ชายและพี่เขย ไล่กันตั้งแต่คดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจที่เปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ แฉพฤติกรรมทางการลับของนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะกรณีโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
การให้ท้ายคนเสื้อแดง ตั้งตนเป็นอันธพาลครองเมือง ยกขบวนไปป่วนหรือรุมทำร้ายฝ่ายต่อต้านรัฐบาล คุกคามข่มขู่สื่อมวลชน
และล่าสุดความพยายามทำลายล้างกลุ่มมวลมหาประชาชนทั่วประเทศที่ร่วมขับไล่รัฐบาล ทั้งการใช้อำนาจรัฐ และการปล่อยปละละเลยกลุ่มเดรัจฉานที่จ้องเข่นฆ่ากลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.
ความรุนแรงที่นำมาใช้เพื่อสลายการชุมนุมของประชาชน ทั้งอำนาจรัฐโดยเปิดเผยหรืออำนาจมืด ทำให้ประเทศไทยไม่แตกต่างจากประเทศอียิปต์ ในยุครัฐบาลนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่เมื่อขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแล้ว ได้แก้กฎหมายให้ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จสูงสุด มีอำนาจมากกว่าศาลเพื่อก้าวเป็นผู้นำเผด็จการเต็มตัว จนประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านนับล้านคนทั่วประเทศ
นายมอร์ซีใช้วิธีการเดียวกับรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลนายสมชาย และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยสั่งเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมจนมีประชาชนล้มตายจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังปลุกระดมให้มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาล ลอบทำร้ายฝ่ายต่อต้าน
สตรีที่มาร่วมขับไล่รัฐบาลนายมอร์ซีถูกดักข่มขืนหลายสิบคน รวมทั้งนักข่าวสาวชาวต่างประเทศ ส่วนผู้ชายถูกดักทำร้าย
แต่สุดท้าย นายมอร์ซีก็ถูกโค่นล้มโดยทหาร โดยไม่ถูกชาติตะวันตกแสดงท่าทีขึงขังต่อต้านการรัฐประหารในอียิปต์เท่าใด
ชะตากรรมของนายมอร์ซี อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีสั่งสังหารประชาชน
สำหรับประเทศไทย สิ่งที่รอคอยกันคือ ชะตากรรมของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ และวาระสุดท้ายของตระกูลชินวัตร
ความอำมหิตที่คนตระกูลชินวัตรสร้างไว้กับประเทศไทย กรรมที่ทำกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ใกล้เวลาที่จะต้องชดใช้เสียที เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใกล้พังต็มทีแล้ว
ส่วน “ทักษิณ” คนบงการเข่นฆ่าประชาชนตัวสำคัญ อย่าลำพองคิดว่าจะรอด เพราะถ้ารัฐบาลเพื่อไทยหมดอำนาจเมื่อไหร่ คนไทยทั้งประเทศจะไล่ล่าลากคอมาชดใช้เวร ไม่ว่าจะหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม
