xs
xsm
sm
md
lg

พระองค์สิริวัณณวรีฯ เจ้าหญิงนักกีฬาแห่งทีมชาติไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขณะทรงเรียนวิชาศิลปะการบังคับม้า ที่ประเทศฝรั่งเศส
ด้วยพระอัจฉริยภาพด้านกีฬาของ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่ให้ความสนพระทัยทางด้านกีฬามาตั้งแต่เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ และประกอบกับทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในการทุ่มเทพระวรกายฝึกซ้อมอย่างเต็มพระกำลัง จนในที่สุดพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่สายผู้ชมทั่วโลก จนได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย เข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 เมียนมาร์ ณ กรุงเนปิดอร์ ประเทศพม่า

โอกาสนี้ในวันเปิดตัวนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ได้เสด็จไปยังสโมสรขี่ม้าโปโลไทย แอนด์อีเควสเทรียนคลับ จ.ชลบุรี เพื่อร่วมงานเปิดตัวนักกีฬา พร้อมประทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวอย่างไม่ถือพระองค์

พระองค์หญิงสิริวัณฯ ในพระชันษา 27 ปี พระสิริโฉมงดงามสมพระวัย ทรงทะมัดทะแมงในฉลองพระองค์ชุดนักกีฬาขี่ม้าสวมทับแจ็กแกตสีน้ำเงินเข้ม ทรงเริ่มมีดำรัสถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านกีฬาโดยเฉพาะกีฬาขี่ม้าว่า สนพระทัยในกีฬาขี่ม้ามาตั้งแต่ตอนมีพระชันษาเพียง 9 ขวบเท่านั้น เพราะทรงขี่ตามพระเจ้าหลานเธอพระองค์เข้าพัชรกิตติยาภา แต่ด้วยยังทรงพระเยาว์อยู่นักจึงทำให้ห่างหายจากกีฬาขี่ม้าไปพักใหญ่

กระทั่งพระอัจฉริยภาพทางด้านความเป็นนักกีฬาขี่ม้าของพระองค์หญิงได้ฉายแววขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเสด็จไปทรงศึกษาวิชาทางด้านแฟชั่นที่ประเทศฝรั่งเศส กีฬาขี่ม้าก็กลับเข้ามาอยู่ในพระทัยอีกครั้งหนึ่ง
ทรงฝึกซ้อมศิลปะการบังคับม้าสำหรับการสู้ศึกซีเกมส์

“ในสังคมบนโต๊ะอาหารที่ประเทศฝรั่งเศสนอกจากพูดเรื่องแฟชั่นแล้ว ก็ยังมีเรื่องกีฬาด้วย ที่ฝรั่งเศสกีฬาที่พวกเขาให้ความสนใจนอกจากกีฬาฟุตบอลแล้ว การขี่ม้า ก็เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่คนที่นั้นให้ความสนใจ และเป็นช่วงเวลาที่เราอายุมากขึ้นจึงทำให้เข้าใจเซนส์ของม้ามากขึ้นและพอกลับมาที่ประเทศไทยได้เจอกับคุณแซม-พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา เลขาธิการสมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย ก็เลยลองให้คุณแซมช่วยฝึกกีฬาขี่ม้าให้ และเรามาลองคิดดูว่าน่าจะเรียนให้เป็นจริงเป็นจังก็เลยปรึกษากับครูแซมและตัดสินใจบินไปเรียนขี่ม้าที่ประเทศฝรั่งเศสพร้อมๆกับการเรียนทางด้านแฟชั่นไปในตัวด้วย”

ตลอดระยะเวลาเกือบ 1ปีของการทรงร่ำเรียนวิชาการขี่ม้า ณ เล กอล นาซิยอง เดกิตาซิยง ประเทศฝรั่งเศสทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างหนักในการฝึกซ้อมมีหลายครั้งที่ทรงหมดแรงพระทัยที่จะฝึกซ้อมต่อ เพราะเคยบาดเจ็บจนพระบาทข้างซ้ายหักต้องเข้าเฝือกฟื้นพระวรกายอยู่นานเกือบ 6 เดือน หรือแม้แต่กระทั่งเจอสภาพอากาศอันแสนแปรปรวน แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เจ้าหญิงนักกีฬาพระองค์นี้มิเคยทรงย่อท้อหากกลับตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ที่จะต้องเรียนกีฬาขี่ม้าจนจบ คือ“เพราะเกิดมาเป็นพระธิดาของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร” ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยเจ้าหญิงนักกีฬาพระองค์นี้จึงต้องอดทดและทำให้ได้
ฉายพระรูปร่วมกับนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย
“ช่วงที่เรียนขี่ม้าอยู่ได้รับอุบัติเหตุขาซ้ายหักต้องพักฟื้นร่างกายอยู่เกือบ 6 เดือน 3 เดือนแรกต้องใส่เฝือก อีก 3 เดือนหลังฟื้นฟูร่างกายโดยนักกายภาพบำบัด แต่ช่วงที่ขาหักเครียดมากเพราะกลัวจะกลับมาขี่ม้าไม่ได้อีกในช่วงนั้นก็ได้กำลังใจที่ดีจากทีมงาน และอีกอย่างที่ให้เราต้องเรียนต่อให้จบเพราะไม่อยากให้ใครเขามาดูถูกว่าเราเป็นเจ้าหญิงต่างแดนทำอะไรไม่เป็นชิ้นป็นอัน ที่สำคัญเราเกิดเป็นลูกพ่อต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”

หลังจากพระอาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้วพระองค์หญิงทรงทุ่มเทพระวรกายฝึกซ้อมอย่างหนักทั้งด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาตลอดจนความพร้อมทางด้านพระวรกายสำหรับการขี่ม้า จนในที่สุดพระองค์หญิงนักกีฬาก็ได้แสดงพระปรีชาสามารถให้ปวงชนชาวไทยทุกคนได้ประจักษ์อีกครั้งเมื่อทรงสามารถคว้าแชมป์ขี่ม้าฟรีสไตล์โอเพ่น ประเภทศิลปะการบังคับม้า หรือ Dressage ในการแข่งขันขี่ม้า “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ คิงส์คัพ 2012” ด้วยลีลาและท่วงท่าการบังคับม้าอันสง่างาม

พระองค์หญิงทรงเผยถึงความแตกต่างระหว่างกีฬาแบดมินตันและกีฬาขี่ม้าจนทำให้ทรงตกหลุมรักกีฬาขี่ม้าจนถึงทุกวันนี้ว่ากีฬาแบดมินตันต้องสู้กับตัวเอง แต่กีฬาขี่ม้าเป็นเหมือนกีฬาคู่ครองที่ต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน

“กีฬาขี่ม้าเป็นกีฬาที่แฟร์ๆ หญิงหรือชายก็เล่นได้ กีฬาขี่ม้าเหมือนคู่รักเราต้องมาเจอกันคนละครึ่งทาง ม้าก็เหมือนคนมีอารมณ์ขึ้นลง ถ้าเป็นคนถ้ามีอารมณ์ขึ้นลงก็ต้องใช้ปากคุยกัน แต่ถ้าเป็นม้าเราต้องใช้น่องเพื่อสื่อสารกัน การขี่ม้าเหมือนศิลปะเราต้องสั่งให้ม้าทำตามที่เรากำหนด ดังนั้นกีฬาขี่ม้าจึงเหมือนแฟชั่นซึ่งเราต้องคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา”

ในกีฬาขี่ม้านั้นมิได้เพียงแค่ผู้ขี่จะต้องบังคับม้าให้อยู่ในการควบคุมของเราเท่านั้น หากแต่ผู้ขี่จำต้องใช้สมาธิในการขี่เพื่อควบคุมม้าในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อีกด้วย

เจ้าหญิงนักกีฬาทรงเผยถึงหลักในการควบคุมสมาธิว่า “เราต้องอยูกับตัวเองและปัจจุบันให้มากที่สุดเวลาว่างจากการขี่ม้าท่านหญิงจะใส่หูฟังเพลง หรือไม่ก็วาดรูปต่างๆเพื่ออัปขึ้นในเฟสบุ๊คและอินสตาแกรม หรือเวลาเหนื่อยมากๆก็จะอยู่นิ่งๆไม่คุยกับใครสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ท่านหญิงสามารถควบคุมสมาธิของตัวเองได้มาก” เจ้าหญิงนักกีฬาเผยเทคนิคการบริหารสมาธิ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงพระองค์ภาว่าทรงแนะนำถึงการลงแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ พระองค์หญิงสิริวัณณวรี ทรงบอกว่าพระองค์ภาไม่ได้แนะนำอะไร ส่วนใหญ่ก็จะคุยกันเรื่องคอกม้าและม้าทรง จะแชร์กันเรื่องเทคนิคใหม่เกี่ยวกับม้าทรงมากกว่า เพราะพระองค์ภาไมได้ทรงกีฬาขี่ม้ามานานมากแล้ว

“ส่วนทูลกระหม่อมพ่อรอบนี้ไม่ได้พระราชทานกำลังใจอะไรมาให้มาก ท่านปล่อยให้ท่านหญิงสู้กับตัวเอง ท่านรู้ว่ากีฬานี้ค่อนข้างหนัก ท่านก็กังวลเหมือนกัน เพราะม้าเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนมนุษย์ที่มีหลายความรู้สึก และเป็นกีฬาที่หนัก” เจ้าหญิงนักกีฬารับสั่ง

สำหรับการนำทัพนักกีฬาไทยไปสู้ศึกกีฬาซีเกมส์ ณ ประเทศพม่า รอบนี้ว่า ส่วนพระองค์แล้วไม่ได้คาดหวังถึงการได้รับเหรียญรางวัลแต่ทรงคิดว่านี้เป็นเพียงเกมส์เกมส์หนึ่ง ถ้าคาดหวังมากก็จะรู้สึกกังวล ดังนั้นจึงต้องทำให้ดีที่สุด

 
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น