ASTVผู้จัดการรายวัน - "ผบ.นสร." อัดตำรวจโพสต์ภาพมือระเบิดเบี่ยงเบนประเด็น ดิสเครดิตทหาร ยั่วปฏิวัติ ยันมือบึ้มกลุ่มเดียวกับชายชุดดำปี 52- 53 เผยค่ำ 20 ม.ค.ขนเขมร 10 รถตู้จากตะวันออกเข้ามาป่วน ซัดตำรวจปล่อยปละละเลย ด้าน ทร.สรุปผลสอบ 3 หน่วยซีลโผล่ม็อบ ยันภารกิจติดตามยาเสพติด เผย ผบ.ทร. สั่งยกเลิกภารกิจ หวั่นทำขัดแย้ง-เข้าใจผิด
วานนี้ (21ม.ค.) พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) ให้สัมภาษณ์ รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ (สปริงนิวส์) กล่าวยืนยันว่า คนที่เอาภาพลูกน้องของตน แล้วไปเปรียบเทียบกับมือระเบิดเป็นฝีมือตำรวจ เพราะว่ารูปตรงนั้นใช้ในราชการของตำรวจ และเชื่อว่า การที่ตำรวจปล่อยภาพเพื่อเบี่ยงแบนประเด็น เพื่อกลบเกลื่อน และดิสเครดิตทหาร เพื่อที่ให้ทหารออกมาปฏิวัติ หากมีความรุนแรง หรือตีกัน และเอากำลังออกมาเพื่อให้เกิดความไม่สงบ คือหาเหตุปฏิวัติ
"จากที่วิเคราะห์กันแล้วจริงๆ แล้วเราเป็นทหารของประเทศชาติ ทหารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นทหารของประชาชน เราเรียนมาทางนี้ เราเป็นทหารแบบมืออาชีพ "
ต่อข้อถามที่ว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ไม่โกรธตำรวจ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ไม่ เพราะในระดับผู้ใหญ่ได้พูดคุยกัน แต่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ไปทำ บางคนที่มีเจตนาไม่ดีเป็นคนทำ ผู้ใหญ่ข้างบนบางทีอาจจะไม่รู้เรื่องตรงนี้ ส่วนจะมีการพูดคุยเคลียร์กันหรือไม่นั้น สุดแล้วแต่ แต่ของตน ตนเป็นผู้ถูกกระทำแล้วชื่อเสียงมันเสีย ทั้งกองทัพเรือ , หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ แล้วเสียกับลูกน้องของตน ทั้งนี้ จ่าทหารเรือคนที่ถูกเอาภาพขึ้นอินเตอร์เน็ตนั้น ยังอยู่ที่สัตหีบ ผู้บัญชาการทหารเรือท่านสั่งให้ออกจากนอกพื้นที่ ความจริงแล้วเรามีการทำงานของเราอยู่ แต่ตอนนี้ต้องการเคลียร์ ก็กลับมาหน่วยของเรา
ส่วนที่ผบ.พูดถึงใครโกหกจนไม่มีใครเชื่อถือแล้ว หมายความว่าอย่างไร พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ต้องสังเกตกันว่า ฟรีทีวีที่เผยแพร่ออกกันมาอยู่ทุกวัน เวลา ที่พูดกันมา ขณะนี้คนที่เข้าถึงสื่อ โดยเฉพาะสื่อหลายด้าน เขาไม่ดูฟรีทีวี ผู้มีอำนาจรัฐโกหก จนกระทั่งประชาชนไม่เชื่อ คนที่เขารู้จริงไม่มีใครเชื่อถือ แต่นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าได้รู้ได้เห็นอะไรก่อน ก็จะเชื่อไว้ก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั้น ถ้ากลั่นกรองด้วยเหตุด้วยผลแล้ว ได้คิด ได้กลั่นกรองแล้ว มันจะมีคำตอบของมันเอง แต่ส่วนใหญ่ทำไมมันถึงได้มีเรื่องของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง ทำไมคนถึงชอบทำ เพราะรู้ว่าคนไทยพออ่านแล้วเชื่อ ดูแล้วเชื่อ
ต่อข้อถามที่ว่า อะไรที่ทำให้ท่านผบ. เชื่อมั่นว่า มือระเบิดทั้งที่บรรทัดทอง และที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นฝีมือของชายชุดดำของคนในกลุ่มจัดตั้งของคนเสื้อแดง ที่เคยปฏิบัติการในสมัยปี 53 พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า พฤติกรรมลักษณะของการขว้าง ดูจากวงจรปิด เราถูกฝึกมาจะมองออกว่า พวกเหล่านี้มาจากไหน มันมีลีลา ท่วงท่าที่เราดูออก มั่นใจว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับชายชุดดำปี 52- 53 ทั้งนั้น
ส่วนที่ผู้มีอำนาจรัฐ ณ ปัจจุบันรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ความจริงก็คือความจริง ใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ จะปฏิเสธไป ความจริงก็คือว่าจริง เพราะกฎแห่งกรรมที่มันเป็นกรรมที่แท้จริง ก็จะตอบสนองพวกเขาเหล่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ตามมุมมองของท่าน ท่านคิดว่ารู้เห็นด้วยหรือไม่ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อไม่เท่าไหร่ กำลังพลที่มีหน้าที่ตั้งเยอะแยะ ทำอะไรกันอยู่ คุณทำอะไรกันอยู่ คิดด้วยเหตุด้วยผล คุณทำอะไรของคุณอยู่ คนอื่นคุณจับได้เยอะไปหมด กับเรื่องแค่นี้คุณทำไม่ได้ คนทั้งประเทศก็ต้องถามอย่างผม ทุกคนพูดกันหมด แต่ไม่มีโอกาสพูด คุณต้องเข้าใจว่า ประชาชนคนไทย เขากินข้าว เขาไม่ได้กินอย่างอื่น และโดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ เขาวิเคราะห์ออกว่าอะไรเป็นอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน เลิกเถอะ คนไทยจะต้องไม่ฆ่ากัน หรือเอาคนอื่นมาฆ่าคนไทย ตนคิดว่ามันไม่ควรจะเกิดในประเทศไทย
ต่อข้อถามที่ว่า ผบ.บอกว่าสมัยปี 53 คนเสื้อแดงใช้บริการเขมร ครั้งนี้ก็มีการใช้บริการเขมรเช่นกัน พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า มีข่าวก่อนหน้านี้ขนเข้ามา และเมื่อคืนนี้(20ม.ค.) มีขนเข้ามา ประมาณ 10 คันรถตู้ จากชายแดนฝั่งตะวันออก ขนเข้ามาเพื่อจะก่อความไม่สงบ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่มีหูตาสัปปะรดมากกว่า อยู่ทุกท้องที่ มีสายสืบเต็มไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปล่อยปะละเลย
เมื่อถามว่า ผู้มีอำนาจรัฐปัจจุบันจะเล่นเกมแรงในสัปดาห์นี้ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า มันแรงมาเรื่อยๆ ถามว่ามวลหมู่ประชาชนเขาทำอะไร เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้เสียหายเลย แม้กระทั่งเขาไปชุมนุม ร้านค้าเขาก็ขายดี เขาไม่เคยไปทำความเสียหาอะไร ผมก็ไม่เข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น
ส่วนที่หากวันนี้รัฐบาลประชุม แล้วตัดสินใจ ประกาศบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน ในพรก.ฉุกเฉินก็ต้องสั่งทหารออก ถ้าเขาสั่ง ผบ.จะออกหรือไม่ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ออกเป็นการทำตามหน้าที่ แต่เราจะทำหรือไม่ทำก็เรื่องของเรา เรามีวิจารณญาณรู้อยู่แล้ว ถ้ามาสั่งในเรื่องเลว ๆ เราเป็นทหารเราจะทำหรือไม่ ถ้าเขาสั่งมาแต่จะให้ทำในเรื่องที่ไม่ถูกต้องผมก็ไม่ทำ ตรงนี้คือจุดยืนของตน เพราะตนเป็นทหารของชาติ เป็นทหารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นทหารของประชาชน เรากินเงินจากภาษีของประชาชน
**ทร.สรุปผลสอบ 3 หน่วยซีลโผล่ม็อบ
ในวันเดียวกันนี้ พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้จับกุมทหารเรือ 3 นาย พร้อมอาวุธในบริเวณพื้นที่การชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า หลังจากเกิดเหตุ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งการให้หน่วยต้นสังกัด คือ กองเรือยุทธการ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยพล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ แต่งตั้งพล.ร.ต.วิเลิศ สมาบัติ รองเสนาธิการกองเรือยุทธการเป็นประธานกรรมการสอบสวน กำลังพลทั้ง 3 นาย
โดยสรุปผลการสอบสวนได้ว่า กำลังพลทั้ง 3 นาย เป็นกำลังพลในชุดตรวจค้น และจับกุมในการสนับสนุนชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กองทัพเรือ (ศพส.ทร.) และมีการลงคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามระเบียบที่เกี่ยวข้องจริง โดยคำสั่งดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่รวม 10 นาย ซึ่งในขณะที่โดนจับกุมกำลังพลทั้ง 3 นาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ติดตามข่าวยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง จากพื้นที่ภาคตะวันออก เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ
พล.ร.ต.กาญจน์ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุ ผบ.ทร. ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพส.ทร. กลับเข้าสู่ที่ตั้งปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิด และป้องกันการกล่าวอ้าง ที่จะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในการชุมนุม รวมถึงเพื่อความสะดวกในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่ กำลังพลทั้ง 3 นายมีบัตร คปท.เพราะต้องใช้เป็นบัตรผ่านทาง เพื่อให้สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องผ่านเข้าไปยังพื้นที่การชุมนุม สำหรับยานพาหนะ และอาวุธนั้น เป็นของทางราชการ มีการเบิกจ่ายอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกประการ เพื่อใช้ในการเดินทางและการป้องกันตนเอง ในขณะปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีที่มีการก่อเหตุโยนระเบิดใส่ผู้ชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยืนยันแล้วว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่กำลังพลของกองทัพเรือ
***"ไอ้กี้ร์" ยัวะ!โดนแฉใช้ต่างด้าวเป็นชายชุดำ
ด้านนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. กล่าวตอบโต้กรณี พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) ระบุการชุมนุมเมื่อปี 53 มีกลุ่มชายชุดดำติดอาวุธจากต่างชาติมาร่วมก่อเหตุว่า หากพูดจริงก็บอกได้เลยว่าโกหก เพราะการชุมนุมของนปช.ไม่เคยใช้ชายชุดดำ และกล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยซีลมาทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ นายสุเทพ เทือสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่ใช่เป็นงานที่หน่วยงานของรัฐจะพึงกระทำได้ ตนก็เคยจ้างให้มาดูแลความปลอดภัยให้เช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทหารเหล่านี้ถูกฝึกมาทำงานอารักขาอยู่แล้ว
วานนี้ (21ม.ค.) พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) ให้สัมภาษณ์ รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ (สปริงนิวส์) กล่าวยืนยันว่า คนที่เอาภาพลูกน้องของตน แล้วไปเปรียบเทียบกับมือระเบิดเป็นฝีมือตำรวจ เพราะว่ารูปตรงนั้นใช้ในราชการของตำรวจ และเชื่อว่า การที่ตำรวจปล่อยภาพเพื่อเบี่ยงแบนประเด็น เพื่อกลบเกลื่อน และดิสเครดิตทหาร เพื่อที่ให้ทหารออกมาปฏิวัติ หากมีความรุนแรง หรือตีกัน และเอากำลังออกมาเพื่อให้เกิดความไม่สงบ คือหาเหตุปฏิวัติ
"จากที่วิเคราะห์กันแล้วจริงๆ แล้วเราเป็นทหารของประเทศชาติ ทหารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นทหารของประชาชน เราเรียนมาทางนี้ เราเป็นทหารแบบมืออาชีพ "
ต่อข้อถามที่ว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ไม่โกรธตำรวจ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ไม่ เพราะในระดับผู้ใหญ่ได้พูดคุยกัน แต่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ไปทำ บางคนที่มีเจตนาไม่ดีเป็นคนทำ ผู้ใหญ่ข้างบนบางทีอาจจะไม่รู้เรื่องตรงนี้ ส่วนจะมีการพูดคุยเคลียร์กันหรือไม่นั้น สุดแล้วแต่ แต่ของตน ตนเป็นผู้ถูกกระทำแล้วชื่อเสียงมันเสีย ทั้งกองทัพเรือ , หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ แล้วเสียกับลูกน้องของตน ทั้งนี้ จ่าทหารเรือคนที่ถูกเอาภาพขึ้นอินเตอร์เน็ตนั้น ยังอยู่ที่สัตหีบ ผู้บัญชาการทหารเรือท่านสั่งให้ออกจากนอกพื้นที่ ความจริงแล้วเรามีการทำงานของเราอยู่ แต่ตอนนี้ต้องการเคลียร์ ก็กลับมาหน่วยของเรา
ส่วนที่ผบ.พูดถึงใครโกหกจนไม่มีใครเชื่อถือแล้ว หมายความว่าอย่างไร พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ต้องสังเกตกันว่า ฟรีทีวีที่เผยแพร่ออกกันมาอยู่ทุกวัน เวลา ที่พูดกันมา ขณะนี้คนที่เข้าถึงสื่อ โดยเฉพาะสื่อหลายด้าน เขาไม่ดูฟรีทีวี ผู้มีอำนาจรัฐโกหก จนกระทั่งประชาชนไม่เชื่อ คนที่เขารู้จริงไม่มีใครเชื่อถือ แต่นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าได้รู้ได้เห็นอะไรก่อน ก็จะเชื่อไว้ก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั้น ถ้ากลั่นกรองด้วยเหตุด้วยผลแล้ว ได้คิด ได้กลั่นกรองแล้ว มันจะมีคำตอบของมันเอง แต่ส่วนใหญ่ทำไมมันถึงได้มีเรื่องของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง ทำไมคนถึงชอบทำ เพราะรู้ว่าคนไทยพออ่านแล้วเชื่อ ดูแล้วเชื่อ
ต่อข้อถามที่ว่า อะไรที่ทำให้ท่านผบ. เชื่อมั่นว่า มือระเบิดทั้งที่บรรทัดทอง และที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นฝีมือของชายชุดดำของคนในกลุ่มจัดตั้งของคนเสื้อแดง ที่เคยปฏิบัติการในสมัยปี 53 พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า พฤติกรรมลักษณะของการขว้าง ดูจากวงจรปิด เราถูกฝึกมาจะมองออกว่า พวกเหล่านี้มาจากไหน มันมีลีลา ท่วงท่าที่เราดูออก มั่นใจว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับชายชุดดำปี 52- 53 ทั้งนั้น
ส่วนที่ผู้มีอำนาจรัฐ ณ ปัจจุบันรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ความจริงก็คือความจริง ใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ จะปฏิเสธไป ความจริงก็คือว่าจริง เพราะกฎแห่งกรรมที่มันเป็นกรรมที่แท้จริง ก็จะตอบสนองพวกเขาเหล่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ตามมุมมองของท่าน ท่านคิดว่ารู้เห็นด้วยหรือไม่ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อไม่เท่าไหร่ กำลังพลที่มีหน้าที่ตั้งเยอะแยะ ทำอะไรกันอยู่ คุณทำอะไรกันอยู่ คิดด้วยเหตุด้วยผล คุณทำอะไรของคุณอยู่ คนอื่นคุณจับได้เยอะไปหมด กับเรื่องแค่นี้คุณทำไม่ได้ คนทั้งประเทศก็ต้องถามอย่างผม ทุกคนพูดกันหมด แต่ไม่มีโอกาสพูด คุณต้องเข้าใจว่า ประชาชนคนไทย เขากินข้าว เขาไม่ได้กินอย่างอื่น และโดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้ เขาวิเคราะห์ออกว่าอะไรเป็นอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน เลิกเถอะ คนไทยจะต้องไม่ฆ่ากัน หรือเอาคนอื่นมาฆ่าคนไทย ตนคิดว่ามันไม่ควรจะเกิดในประเทศไทย
ต่อข้อถามที่ว่า ผบ.บอกว่าสมัยปี 53 คนเสื้อแดงใช้บริการเขมร ครั้งนี้ก็มีการใช้บริการเขมรเช่นกัน พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า มีข่าวก่อนหน้านี้ขนเข้ามา และเมื่อคืนนี้(20ม.ค.) มีขนเข้ามา ประมาณ 10 คันรถตู้ จากชายแดนฝั่งตะวันออก ขนเข้ามาเพื่อจะก่อความไม่สงบ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่มีหูตาสัปปะรดมากกว่า อยู่ทุกท้องที่ มีสายสืบเต็มไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปล่อยปะละเลย
เมื่อถามว่า ผู้มีอำนาจรัฐปัจจุบันจะเล่นเกมแรงในสัปดาห์นี้ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า มันแรงมาเรื่อยๆ ถามว่ามวลหมู่ประชาชนเขาทำอะไร เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้เสียหายเลย แม้กระทั่งเขาไปชุมนุม ร้านค้าเขาก็ขายดี เขาไม่เคยไปทำความเสียหาอะไร ผมก็ไม่เข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น
ส่วนที่หากวันนี้รัฐบาลประชุม แล้วตัดสินใจ ประกาศบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน ในพรก.ฉุกเฉินก็ต้องสั่งทหารออก ถ้าเขาสั่ง ผบ.จะออกหรือไม่ พล.ร.ต.วินัย กล่าวว่า ออกเป็นการทำตามหน้าที่ แต่เราจะทำหรือไม่ทำก็เรื่องของเรา เรามีวิจารณญาณรู้อยู่แล้ว ถ้ามาสั่งในเรื่องเลว ๆ เราเป็นทหารเราจะทำหรือไม่ ถ้าเขาสั่งมาแต่จะให้ทำในเรื่องที่ไม่ถูกต้องผมก็ไม่ทำ ตรงนี้คือจุดยืนของตน เพราะตนเป็นทหารของชาติ เป็นทหารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นทหารของประชาชน เรากินเงินจากภาษีของประชาชน
**ทร.สรุปผลสอบ 3 หน่วยซีลโผล่ม็อบ
ในวันเดียวกันนี้ พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้จับกุมทหารเรือ 3 นาย พร้อมอาวุธในบริเวณพื้นที่การชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า หลังจากเกิดเหตุ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งการให้หน่วยต้นสังกัด คือ กองเรือยุทธการ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยพล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ แต่งตั้งพล.ร.ต.วิเลิศ สมาบัติ รองเสนาธิการกองเรือยุทธการเป็นประธานกรรมการสอบสวน กำลังพลทั้ง 3 นาย
โดยสรุปผลการสอบสวนได้ว่า กำลังพลทั้ง 3 นาย เป็นกำลังพลในชุดตรวจค้น และจับกุมในการสนับสนุนชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด กองทัพเรือ (ศพส.ทร.) และมีการลงคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามระเบียบที่เกี่ยวข้องจริง โดยคำสั่งดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่รวม 10 นาย ซึ่งในขณะที่โดนจับกุมกำลังพลทั้ง 3 นาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ติดตามข่าวยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง จากพื้นที่ภาคตะวันออก เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ
พล.ร.ต.กาญจน์ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุ ผบ.ทร. ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพส.ทร. กลับเข้าสู่ที่ตั้งปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิด และป้องกันการกล่าวอ้าง ที่จะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในการชุมนุม รวมถึงเพื่อความสะดวกในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่ กำลังพลทั้ง 3 นายมีบัตร คปท.เพราะต้องใช้เป็นบัตรผ่านทาง เพื่อให้สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องผ่านเข้าไปยังพื้นที่การชุมนุม สำหรับยานพาหนะ และอาวุธนั้น เป็นของทางราชการ มีการเบิกจ่ายอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกประการ เพื่อใช้ในการเดินทางและการป้องกันตนเอง ในขณะปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีที่มีการก่อเหตุโยนระเบิดใส่ผู้ชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยืนยันแล้วว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่กำลังพลของกองทัพเรือ
***"ไอ้กี้ร์" ยัวะ!โดนแฉใช้ต่างด้าวเป็นชายชุดำ
ด้านนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. กล่าวตอบโต้กรณี พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) ระบุการชุมนุมเมื่อปี 53 มีกลุ่มชายชุดดำติดอาวุธจากต่างชาติมาร่วมก่อเหตุว่า หากพูดจริงก็บอกได้เลยว่าโกหก เพราะการชุมนุมของนปช.ไม่เคยใช้ชายชุดดำ และกล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยซีลมาทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ นายสุเทพ เทือสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่ใช่เป็นงานที่หน่วยงานของรัฐจะพึงกระทำได้ ตนก็เคยจ้างให้มาดูแลความปลอดภัยให้เช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทหารเหล่านี้ถูกฝึกมาทำงานอารักขาอยู่แล้ว