รายงานการเมือง
เข้าสู่โหมดตาต่อตาฟันต่อฟัน สู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย ระหว่างมวลมหาประชาชนในนาม กปปส. กับรัฐบาลเครือข่ายชินวัตร
เมื่อทั้ง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส. ประกาศกร้าวเดินหน้าจัดชุมนุมต่อ ไม่หวั่นเกรงเสียงระเบิด-เสียงปืน ที่ดังขึ้นทุกวัน “กำนัน” ยังคงพาลูกบ้านเดินขบวนไปตามท้องถนนแบบไม่ยี่หระกับ “ของแข็ง” ที่ถูกประเคนให้แบบไม่ยั้ง
ฝั่ง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังเสียงแข็งไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง “รักษาการ” ตามใบสั่งที่ “พี่แม้ว” เขียนมาให้เสร็จสรรพแล้วว่า ต้องอยู่รักษาประชาธิปไตย จะถอยไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เมื่อทั้งสองขั้วอำนาจเผชิญหน้ากันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความสูญเสีย ชั่วโมงนี้ “ประชาชน” จึงเปรียบเสมือนตัวประกันที่รอวันโดนกระสุน
หากย้อนกลับไปเปิดตำราทำสงครามเต็มรูปแบบ เคลื่อนเกมใต้ดินไปพร้อมๆเล่นทั้งเกมบนดินของ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) ในเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม ปี 2553 จะพบว่ามีความต่างกันอยู่มาก เพราะก่อนที่จะมีการชุมนุม “คนเสื้อแดง” แตกออกเป็น 2 สาย สายหนึ่งคือ “แดง นปช.” มีแก๊งสามเกลอ “วีระกานต์ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เป็นแกนนำ สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ทิศทางการเคลื่อนของ “คนเสื้อแดง” ได้ทั้งหมด
สายหนึ่งคือ “แดงฮาร์ดคอร์” มีทั้งอดีตนายพล-อดีตพลทหาร-อดีตทหารพราน เข้าร่วมกระบวนการมากมายหลายหน้า แต่ที่ออกฉากเปิดหน้าให้เห็น อาทิ “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” (เสธ.แดง) อดีตผู้ทรงคุณกองทัพบก ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุม หรือ “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” ก็มีบทบาทไม่น้อย
ซึ่งรายชื่อของ “นายทหารสายแดง” รู้กันดีว่าเป็นพวกที่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน พูดจริง-ทำจริง-ยิงจริง
“เสธ.แดง” พูดไว้ก่อนการชุมนุมจะมีการฝึก “ทหารพราน-อดีตทหารพราน” อย่างดี เพื่อให้มาช่วยงานเป็น “การ์ดคนเสื้อแดง” ควบคุมการชุมนุม
“พล.อ.พัลลภ” พูดไว้ชัดเจนว่า เชี่ยวชาญการรบในเมือง ซึ่งหากจะชนะต้องสร้างสถานการณ์ให้เกิดเหตุวุ่นวาย เหมือนพฤษภาทมิฬ ที่ “พล.อ.พัลลภ” สั่งให้ทำโรโมตอฟ (ระเบิดเพลิง) เขวี้ยงเข้าใส่ “เจ้าหน้าที่รัฐ” จนเกิดเหตุโกลาหล
หากยังจำกันได้ก่อนการชุมนุมปี 2553 “เสธ.แดง-พล.อ.พัลลภ” เดินทางไปเสนอไอเดียในการจัดตั้งกองกำลังปกป้องคนเสื้อแดง ต่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงเมืองดูไบ
ซึ่ง “นายใหญ่” ตบปากรับคำอย่างดี เพราะคิดอ่านแล้วว่าหากยังชุมนุมแบบไร้ยุทธศาสตร์ ปล่อยให้ “คนเสื้อแดง” สู้กับ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” มือเปล่ามีหวังมีแต่แพ้กับแพ้
ในทางลับ “ทักษิณ” ไฟเขียวให้ “เสธ.แดง-พล.อ.พัลลภ” ดำเนินการ โดยมี “อดีตนายพล” มากหน้าหลายตา คอยช่วยวางหมาก-เกณฑ์กองกำลัง อยู่เบื้องหลัง
อีกด้าน “จตุพร” ก็ทำทีออกมากันท่าไม่ให้ “เสธ.แดง-พล.อ.พัลลภ” เข้ามาชุบมือเปิบ เลยเถิดไปถึงขั้นด่ากันรุนแรงเปรียบ “เสธ.แดง-พล.อ.พัลลภ” เสมือนขอนไม้แก่ลอยน้ำมีแค่ “หมา” เท่านั้นที่จะเกาะเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่ก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่ “นปช.” ต้องการกันตัวเองออกจาก “แดงฮาร์ดคอร์” ตรงกันข้ามในทางปฏิบัติทั้ง “แดง นปช.” และ “แดงฮาร์ดคอร์” ต่างเดินคู่ขนานไปด้วยกัน
จึงปรากฏภาพของ “ชายชุดดำ” ออกมาอาละวาดไล่ยิง “คนเสื้อแดง” เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่ามีความรุนแรงเกิดขึ้น เพื่อใส่ร้าย “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ให้เป็น “รัฐบาลมือเปื้อนเลือด”
ดิสเครดิตโยนความรับผิดชอบให้ “อภิสิทธิ์-สุเทพ”
อีกทั้งยังไล่ยิง “ทหาร” ที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ “ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน” (ศอฉ.) เนื่องจาก “ทหาร” คือ “ศัตรู” ลำดับต้นๆ ของ “คนเสื้อแดง” โดยเฉพาะ “แดงสายอดีตนายทหาร” เพราะแดงสายนี้อกหักไม่ได้ขึ้นตำแหน่งหลักใน “กองทัพ” จึงถือโอกาสแก้แค้น
หากเปรียบเทียบสถานการณ์การชุมนุมของ “คนเสื้อแดง” เมื่อปี 2553 กับการชุมนุมของ “กปปส.” ในปี 2556-2557 มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
นั่นเพราะ “กปปส.” ไม่ได้จัดเตรียม “กองกำลัง” ติดอาวุธไว้ก่อนล่วงหน้า หรือมีการ “ฝึกกองกำลัง” ติดอาวุธไว้เลย การชุมนุมที่ผ่านมายืนยันได้อย่างดีว่าแทบจะไม่มีการใช้อาวุธ
จะมีการปะทะกันบ้างหัวหมู่ทะลวงฟันอย่าง “เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ” (คปท.) แต่ก็เป็นการปะทะกันระหว่าง “ผู้ชุมนุม” กับ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ไม่มี “ชายชุดดำ” มาอิงแอบ
ดังนั้น การที่ “ทาสแม้ว” อย่าง “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รองนายกรัฐมนตรี รมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแล ศอ.รส. ออกมาโจมตีว่า “กปปส.” สร้างสถานการณ์ให้เกิด “ระเบิด” เพื่อใส่ร้าย “รัฐบาลปูแดง” มีเปอร์เซ็นต์เป็นได้น้อยมาก
การออกมากันท่าของ “สุรพงษ์” น่าสงสัยเสียมากกว่า เพราะมันผิดสังเกตอยู่ที่ว่า “รัฐบาล” ยังไม่มีหลักฐานบ่งบอกเลยว่าเป็นฝีมือของฝั่งไหน แต่ “สุรพงษ์” กลับมาสรุปเหมือนปิดช่องไม่ให้มุ่งโจมตี “ชายชุดดำ”
เพราะในช่วงเหตุการณ์ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ. ออกมาระบุด้วยตัวเองว่า “ชายชุดดำ” กลับมาแล้ว พร้อมเตือนให้ระวังสถานการณ์จะรุนแรง
การออกมาดิสเครดิต “กปปส.” ของ “สุรพงษ์” จึงอดสังสัยไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง???
อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยมีการเอ่ยอ้างถึง “แก๊งกาละแม” ที่จัดกองกำลังเตรียมปั่นป่วนการชุมนุมของ กปปส. ซึ่งมีข่าวว่ากลุ่มที่ว่าตุนอาวุธสังหารไว้หลายขนาน ทั้งเอ็ม 16 หรือเอ็ม 79 ที่ฝ่ายต่อต้านระบอบแม้งคุ้นเคยกันดี แถมยังมีระเบิดสังหารเมดอินไชน่าและรัสเซียอีกเป็นกุรุสๆ
ไม่เท่านั้นยังปรากฏชื่อตัวละครมากหน้าหลาย นอกเหนือจากสองสามีภรรยา “กาละแม-เปี๊ยก” ที่มีชื่อเป็นตัวตั้งตัวตี ยังมี “เสงี่ยม สำราญรัตน์” แกนนำแดงที่ไปชูคอมีตำแหน่งในทำเนียบ ในฐานะคนส่งท่อน้ำเลี้ยง
ที่ขาดไม่ได้ “มือทำงาน” ทั้งที่เปิดหน้าและซุ่มอยู่ในเงามืด มีชื่อ “โกตี๋ แดงปทุมฯ” หรือ “วุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ” ที่หลังๆ ทำตัวกร่างคอยป่วนทึกที่ที่มีฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอยู่ ด้วยอุปนิสัยบ้าดีเดือด จึงได้รับหน้าที่แนวหน้าที่จะเข้าชนกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างสถานการณ์ ก่อนที่ทีมปฏิบัติการจะเข้าซ้ำ
อีกรายถือเป็นคีย์แมนสำคัญ ได้แก่ “จ่าดำ” นายทหารนอกราชการ ม.พัน.3 ซึ่งเป็นมือขวาของ “เสธ.แดง” สมัยยังมีชีวิตอยู่ รายนี้ทำหน้าที่ฝึกการใช้อาวุธให้แก่กองกำลังที่จัดตั้งขึ้น โดยใช้สถานที่ฝึกแถวคลอง 7 จ.ปทุมธานี และเมื่อถึงเวลาก็จะมาคอยกำกับการแสดงด้วยตัวเองถึงหน้างาน
เป็นร่องรอยสำคัญที่ชี้ว่า “ชายชุดดำ” กลับมาแล้ว มาหนนี้ไม่ได้ฟาดฟันกับรัฐบาลเหมือนเมื่อหลายปีก่อน แต่เป็นตัวช่วยชั้นดีของ “รัฐบาลชินวัตร” ในการห้ำหั่นกับ กปปส.
หลังจากนี้การชุมนุมของ กปปส. ที่เคยสงบ-เงียบ-ไม่วุ่นวาย มากว่า 3 เดือนคงจะไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว เพราะดูเหมือน “รัฐบาลปูแดง” ต้องการปิดเกมเร็ว ด้วยเหตุผลที่วันที่ 2 ก.พ. ซึ่งเป็นนัดหมายเลือกตั้ง ใกล้จะถึงเข้ามาทุกที
สถานการณ์ก่อนวันที่ 2 ก.พ.จึงล่อแหลมเต็มที่ จุดเปลี่ยนอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา