xs
xsm
sm
md
lg

หมอ-พยาบาลร่วมไล่รบ.‘เทือก’เดินสาทร-สีลมวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ยิ่งลักษณ์" ประณามผู้ก่อเหตุระเบิด พร้อมขอความร่วมมือผู้ชุมนุมเปิดให้ ทหาร-ตำรวจ เข้าดูแลตั้งจุดตรวจร่วม ป้องเหตุการณ์รุนแรง ประชุมศอ.รส.ชุดใหญ่วันนี้ เพื่อพิจารณาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รับการเลือกตั้งล่วงหน้า 26 ม.ค. "มาร์ค"จวก ศอ.รส.ใช้สื่อรัฐบิดเบือน สร้างความเกลียดชัง แนะทหารเข้ามาร่วมดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม หลังเกิดเหตุรุนแรงรายวัน ด้านกปปส.ยังคึกคัก แบ่งสายดาวกระจาย ปิดล้อมหน่วยงานราชการตามแผนชัตดาวน์ ทั้งธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ขวางรัฐบาลแอบนำเงินเด็กไปจ่ายค่าจำนำข้าว กดดันโรงพิมพ์คุรุสภาไม่ให้พิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส่วน คปท.นำมวลชนตรวจจุดที่ปิดไปแล้ว มีหน่วยใดแอบเปิดทำการบ้าง ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ ออกมาร่วมเดินรณรงค์ไล่ระบอบทักษิณ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (20ม.ค. นายกฯ เดินทางมาถึงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี โดยมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายกิติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการการทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร พล.อ.พฤณ สุวรรณทัต รมว.คมนาคม นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมติดตามสถานการณ์ภาพรวมการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในหลายจุด โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสีหน้าปกติ เรียบเฉย และไม่สนใจคำถามของสื่อมวลชนที่ถามว่า จะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ กับสถานการณ์การชุมนุมที่รุนแรงขึ้น

ขณะที่ พล.อ.พฤณ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องเคร่งครัดให้มากขึ้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำอยู่ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า คนมีสีเข้ามายุ่งเกี่ยวจำนวนมากนั้น เราต้องตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องในลักษณะไหน สำหรับการประเมินสถานการณ์ที่จะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น อยู่ที่ ศอ.รส. จะประชุมและประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 17.10 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่มีเหตุระเบิด ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมบาดเจ็บจำนวนมากว่า ต้องแสดงความเสียใจกับผู้ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บ ซึ่งเราไม่ต้องการเห็นความรุนแรง และขอประณามผู้ที่กระทำความรุนแรง ซึ่งได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการติดตามผู้กระทำความผิด

อย่างไรก็ตามอยากขอความร่วมมือกับผู้ชุมนุมที่จะให้ทางด้านหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ทั้งทางตำรวจ ทหาร เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องจุดตรวจร่วม เพื่อให้ผู้ชุมนุมเกิดความปลอดภัยและความสบายใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องยกระดับการดูแลความสงบโดยประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาอยู่ แล้วยังไงจะแจ้งอีกที ต้องขอดูก่อน เพื่อความรอบคอบ

ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการชุมนุมนั้น เบื้องต้นผู้ที่เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บต้องได้รับการดูแลเหมือนกัน แต่ตอนนี้เนื่องจากติดกฎกติกาช่วงการเลือกตั้ง ก็ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนก่อน

เมื่อถามว่า จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครม.วันนี้ ( 21 ม.ค.) หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังให้ทางหน่วยงานรวบรวมอยู่ และต้องขออนุมัติจากกกต.ก่อน แต่เงื่อนไขโดยหลักการไม่มีปัญหา พร้อมยืนยันว่าวันนี้ยังคงมีการประชุมครม.

เมื่อถามว่า ห่วงการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 ม.ค.นี้ หรือไม่ เพราะผู้ชุมนุมอาจขัดขวาง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากขอให้ทุกฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรง เราต้องพิจารณาว่า จะให้ประเทศเดินหน้าอย่างไร ซึ่งการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของการที่เราจะคงไว้เพื่อรักษาประชาธิปไตย เพราะความเชื่อมั่นต่างๆ ถ้าเราไม่เดินหน้าเลือกตั้ง เราไม่รับกติกา ก็เป็นเรื่องที่ลำบาก อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่างๆ กกต. คงต้องนำไปพิจารณา รวมทั้งเรื่องสถานที่ กกต.ต้องให้คำแนะนำมา

**ถกศอ.รส.วันนี้ ส่อใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแล ศอ.รส. กล่าวถึง สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่า นายกฯได้กำชับให้ ศอ.รส. ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนเข้มงวดมากขึ้นและได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ศอ.รส. จะนัดประชุมร่วมกันในวันนี้ (21 ม.ค.) เพื่อวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุม และจะจัดตั้งจุดตรวจร่วมเพิ่มมากขึ้น โดยให้มีกำลังทั้งตำรวจ หทารรปฏิบัติการร่วมกัน ตามที่ ผบ.ตร. และ ผบ.ทบ. ได้มีข้อห่วงกังวล ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรง จะมีการยกระดับไปใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี และทีมงานว่า ถ้าแนวโน้มจะเกิดเหตุวุ่นวาย หรือรุนแรงมากขึ้น อาจจะต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งในส่วนของกองทัพ ทางผบ.ทบ.เองก็ต้องการเห็นความสงบ ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น จึงเป็นที่มาว่า วันที่ 21 ม.ค. จะมีการประชุม ศอ.รส. เต็มคณะ หารือร่วมกับทางกองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง กปปส. จะเชิญมาหารือด้วย โดยจะมีการวางแผนร่วมกันทั้งหมด เพื่อวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง และหากประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การปฏิบัติหน้าที่จะเป็นการสนธิกำลังร่วมกันระหว่างทหาร และตำรวจ

**ขึงรั้วลวดหนามรอบสำนักปลัด กห.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ซึ่งกลายเป็นสถานที่ทำงานหลักของน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการ หลังกลุ่ม กปปส.ยกระดับการชุมนุมปิดกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. โดยเจ้าหน้าหน้าที่ทหาร ได้นำแท่งแบริเออร์จำนวนมาก และรั้วลวดหนามมาวางบริเวณโดยรอบ และจัดระเบียบรถที่จะเข้าออกสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม รวมถึงเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 1 กองรัอยดูแลรักษาความปลอดภัย

ส่วนการประชุมครม. ในวันนี้ จะเริ่ม เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ จากนั้นจะมีการการประชุม ศอ.รส.ร่วมกับกองทัพ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุมกลุ่ม กกปส. และพิจารณาการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แต่ทั้งนี้ได้มีการจัดเตรียมสถานที่สำรองไว้ที่ กองบัญชาการกองทัพอากาศไว้ด้วย กรณีมีการเปลี่ยนแปลง

**จวก ศอ.รส.ใช้สื่อรัฐบิดเบือน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เลย ซึ่งคนที่ก่อเหตุก็ไม่แสดงความเกรงกลัว อีกทั้งพฤติกรรมก็อุฉกรรจ์มากขึ้น และก่อเหตุในเวลากลางวัน ดังนั้นจึงอยากเห็นมาตรการของเจ้าหน้าที่ที่ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่เกิดเหตุขึ้น

ส่วน ศอ.รส.เองไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองในการรักษาความมั่นคง และความสงบ แต่พยายามใช้เวทีนี้เป็นเวทีการเมือง แม้กระทั่งข้อมูลที่นำมาอ้างกับระเบิดที่เกิดขึ้น ก็ใช้ไม่ได้ ดูแล้วไม่มีมาตรฐาน ส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทางแกนนำ กปปส. ก็พยายามที่จะให้มวลชนไม่หมดความอดทน และหันไปใช้ความรุนแรง ไม่เช่นนั้นจะหมดความชอบธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแถลงของ ศอ.รส. แต่ละครั้ง ดูเหมือนจะเป็นการสร้างปัญหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การแถลงแต่ละครั้ง ก็มีแต่การลดความน่าเชื่อถือของตัวเอง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทำอย่างตรงไปตรงมา อย่าให้ฝ่ายการเมืองนำมาใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งใครที่มีศักยภาพความสามารถในการมาดูแลผู้ชุมนุมและคุ้มครองประชาชน ก็ขอให้มาทำ ทั้งนี้หาก ศอ.รส. ใช้สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทีวีพูล) มาเป็นเครื่องมือในการแถลงข่าว โดยที่มีเจตนาไม่ดี ต่อไปก็จะมีปัญหา เพราะเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้ง ถ้าทำผิดก็ถือว่า ผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยขณะนี้กำลังตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่

**แนะให้ทหารช่วยดูแลความปลอดภัย

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทหารควรเข้ามาช่วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทหารก็เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปช่วยดูแลความปลอดภัย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มีความตั้งใจ หากจะเข้ามาช่วยได้ก็จะดี เหมือนกรณีเหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และที่ พล.อ.ประยุทธิ์ ออกมาตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน เพราะต้องการเตือนสติ เพราะเห็นว่า หากไม่มีข้อมูลอาจทำให้เกิดการปลุกเร้าความรู้สึกของมวลชนมากขึ้นนั้น ส่วนที่มองว่า ทหารจะขยับลำบากหรือไม่ เพราะอีกฝ่ายอาจมองว่า จะทำการปฏิวัตินั้น ตนเห็นว่า ไม่มีใครเรียกร้องปฏิวัติรัฐประหาร แต่อยากให้เข้ามาดูแลความปลอดภัยของประชาชน อย่างไรก็ตามหาก ศอ.รส.ประเมินแล้วว่า การตั้งด่านตรวจโดยรอบพื้นที่ชุมนุมยังไม่เพียงพอก็สามารถขอกำลังเสริมจากทหารได้

เมื่อถามอีกว่า อาจมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือประกาศกฎอัยการศึก ในพื้นที่ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีเหตุที่คนจำนวนหนึ่งมาใช้วิธีการข่มขู่คุกคามผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรง ซึ่งมาตรการกฎหมาย คือการไปจับกุมผู้กระทำผิด เพราะความรุนแรงไม่ใช่เกิดจากผู้ชุมนุม

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะเดินหน้าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.โดยปล่อยให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้คิดถึงเรื่องส่วนรวม คิดแต่ห่วงสถานภาพของตนเอง ทั้งนี้ตนเป็นห่วงในช่วงเวลาก่อนที่จะถึงวันที่ 2 ก.พ.เพราะมีกระบวนการอีกหลายขั้นตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตือนแล้วว่าจะบริหารงานยากขึ้น

**เรียกร้องรัฐบาลหยุดพฤติกรรม "4ก."

ด้านนายจุฤทธิ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดพฤติกรรม 4 "ก" ประกอบด้วย

1 . ก้าวร้าวด้วยการใช้กำลังสลายการชุมนุมเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ และการให้สัมภาษณ์ของแกนนำรัฐบาล เช่น รมว.มหาดไทย ที่ระบุว่า ควรนำผู้ชุมนุมไปยิงเป้า เป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อคนไทยทั้งประเทศ

2 .กดดัน เพราะรัฐบาลและศอ.รส. กดดันทั้งข้าราชการ กปปส. และกกต. จนเพิ่มคู่ขัดแย้งมากขึ้นเรื่อย ๆ

3 .กลั่นแกล้ง การที่รัฐบาลและ ศอ.รส. แกล้งใส่เกียร์ว่าง ไม่เร่งดำเนินคดีการปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุม แต่กลับบิดเบือนข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อผู้ชุมนุม

4 . โกหก โดยกรณีใหญ่ที่สุดคือ การที่นายกรัฐมนตรีโกหกระดับโลกกับ นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ เป็นการซ้ำเติมวิกฤตในไทย จึงต้องหยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ แต่ถ้ายังมีพฤติกรรมเช่นนี้ ทั้งรัฐบาลและ ศอ.รส. จะไม่มีที่ยืนในประเทศไทย

ด้านนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำกปปส. เปิดเผยถึงกรณีที่ ศอ.รส. ออกแถลงการณ์ว่า ผู้ก่อเหตุปาระเบิดที่ ถ.บรรทัดทอง เป็นฝีมือของผู้ร่วมชุมนุมว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โดยยืนยัน กปปส. ไม่ทำตนเอง พร้อมทั้งไม่เชื่อว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 เพราะส่วนตัวเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่มีอำนาจในขณะนี้ เนื่องจากอาวุธที่ใช้ดูไม่ธรรมดา หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบหา ก็สามารถทำได้ อีกทั้งการที่ศอ.รส. ระบุเช่นนี้ ถือว่าเป็นการรวบรัดมากเกินไป เพราะยังมีเวลาในการหาเบาะแสอีกมาก

ส่วนแนวทางการป้องกันต่อจากนี้ แต่ละเวทีจะมีการปรับและเพิ่มจำนวนการ์ดมากขึ้น เช่น ที่ปทุมวัน เพิ่มเป็น 600 คนแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่า กปปส. จะไม่ย้ายเวทีไปจุดอื่น แม้ว่าบางเวทีจะมีสะพานสูงที่เป็นจุดเสี่ยงก็ตาม เนื่องจากมีการเฝ้าระวังมากขึ้นแล้ว และเชื่อว่ายังสามารถรับมือได้ ส่วนแผนการเคลื่อนไหวนั้นยังมีการหารือกันต่อเนื่อง แต่จะชุมนุมนานเพียงใด ทางกลุ่มไม่ยึดเวลาในเรื่องนี้ แต่จะชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะลาออก

**สื่อเทศชี้โอกาสรัฐประหารมีสูง

สื่อต่างประเทศ ชี้ การประท้วงในไทยทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง โดยเอพี วิเคราะห์อาจทำให้กองทัพตัดสินใจทำรัฐประหาร หลังมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่ ถนนบรรทัดทอง ซึ่งไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นผู้ก่อเหตุ โดยเอพีวิเคราะห์ว่า ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำให้โอกาสที่กองทัพจะออกมาทำรัฐประหารก็มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งท่าทีของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา พยายามเรียกร้องให้กองทัพเลือกข้างมาโดยตลอด

ทั้งนี้ การปิดกรุงเทพในสัปดาห์ที่สอง มีความตึงเครียดมากขึ้น จากเหตุรุนแรงครั้งล่าสุด ในช่วงสัปดาห์แรกของการปิดกรุงเทพผู้ประท้วงได้ปิดสี่แยกสำคัญๆ หลายจุดทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงในย่านธุรกิจใจกลางเมือง ที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯประมาณ 12 ล้านคน โดยเป้าหมายของผู้ประท้วง คือ สกัดกั้นไม่ให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.

**กปปส.บุกธนาคารออมสิน

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เช้าวันนี้ (20 ม.ค.) มวลชนต่างเตรียมพร้อมออกเดินทางไปปิดล้อมธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ที่สะพานควาย ตามที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศบนเวทีปราศรัยเมื่อคืนที่ผ่านมาให้มวลชนเดินทางไปปิดเพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลนำเงินของธนาคารออมสินไปจ่ายให้กับชาวนา ภายหลังที่รัฐบาลไม่สามารถหาเงินมาใช้จ่ายตามโครงการรับจำนำข้าวได้ โดยจะเริ่มออกเดินขบวนในเวลา 10.00 น.

เมื่อนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. และกลุ่มมวลชนได้เดินทางมาถึงธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ขณะที่นายลิขิต กลิ่นถนอม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน และรองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล ออกแถลงการณ์กับผู้สื่อข่าว ในนามสพภาพฯ โดยระบุว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่า ธนาคารออมสินปล่อยกู้ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น ทางสหภาพฯ ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า หากมีการปล่อยกู้ดังกล่าวจริง ทางสหภาพแรงงานฯและชาวออมสิน พร้อมจะรวมพลังคัดค้านและต่อต้านอย่างถึงที่สุด เพราะพวกเรามีหน้าที่ปกป้ององค์กร และเงินฝากของประชาชน ด้วยชีวิต เกียรติ และศักดิ์ศรี และหากมีใครมาคิดบ่อนทำลายธนาคารคนผู้นั้นจะต้องบรรลัย ย่อยยับ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ได้เตรียมน้ำ-กาแฟ-ขนม พร้อมโต๊ะหน้าอาคาร ไว้ให้ กปปส.พักผ่อนด้วย

จากนั้นนายถาวร พร้อมแกนนำได้ไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนที่จะเข้าไปหารือร่วมกับผู้บริหารธนาคาร โดยแถลงข่าวภายหลังว่า ทางผู้บริหารและสหภาพฯ จะไม่ปล่อยกู้สำหรับโครงการรับจำนำข้าว ถึงแม้ว่าจะโดนรัฐบาลบีบคั้น ที่ตนกลัวคือ การที่ชาวนาจะเข้าใจผิดว่า เราคัดค้านการจ่ายเงินให้กับชาวนา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะรัฐบาลสามารถใช้เงินจากสถาบันการเงินอื่นอย่าง ธนาคารพาณิชย์ได้ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจ ที่ถือว่าเป็นการผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งทางทั้งนี้ทางผู้บริหารยืนยันว่า ไม่เคยกีดกันพนักงานไม่ให้เข้าร่วมการชุมนุมกับ กปปส.ทำให้ตนรู้สึกพอใจสำหรับการเจรจาครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ฝากเงินกับธนาคารออมสินขอให้สบายใจได้ ซึ่งเงินฝากทั้งหมดตนมั่นใจว่าธนาคารออมสินจะดูแลสภาพคล่องทางการเงินได้แน่นอน

**ตรวจโรงพิมพ์บัตรเลือกตั้ง

ส่วนการชุมนุมของ กปปส. ที่เวทีห้าแยกลาดพร้าว นายสุชาติ ศรีสังข์ แนวร่วม กปปส. ระบุว่า จะนำมวลชนไปที่ โรงพิมพ์คุรุสภา ถ.ลาดพร้าว อีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบว่า ยังมีการเดินหน้าพิมพ์บัตรเลือกตั้งหรือไม่ หากพบว่ายังมีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งอยู่ ก็จะมีมาตรการกดดันเพิ่มเติม รวมถึงจะตระเวนตรวจสอบสถานที่ราชการโดยรอบที่เคยไปปิดล้อมมา ว่าได้ให้ความร่วมมือกับกปปส. ที่จะหยุดทำงานหรือไม่ หากยังพบว่ามีการทำงานอยู่ ก็จะกดดันให้หยุดทำงาน

ทั้งนี้ เมื่อนายสุชาติ และมวลชนไปถึงหน้า องค์การค้าคุรุสภา ถนนลาดพร้าว พบว่า ประตูด้านหน้ายังปิดล็อก คล้องกุญแจ และติดป้ายหยุดทำการ นายสุชาติได้เรียกร้องขอพบผู้บริหาร เพื่อขอเข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากทราบว่ามีการแอบต่อน้ำประปา และไฟฟ้า แล้วกลับเข้ามาพิมพ์บัตรเลือกตั้ง แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ออกมารับเรื่อง

ต่อมา พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก. สน.โชคชัย เข้ามาเจรจาไม่ให้ผูชุมนุมบุกเข้าไป แต่ไม่สำเร็จ แกนนำให้ใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจเปิดประตู ส่งตัวแทน 26 คน พร้อมสื่อมวลชนเข้าไปด้านใน โดยขอให้ พ.ต.อ.ธนวัตร เดินนำเข้าไปตรวจที่อาคาร 7 พบว่าอาคารยังเปิดไฟสว่าง มีทหาร ปตอ.พัน 1 รอ. 1 กองร้อย เฝ้าดูแลบัตรเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปิย์ธัญญะ สุคนธ์บารมี ฝ่ายกฎหมายของคุรุสภา ได้ออกมารับหน้าผู้ชุมนุม ที่เข้าไปที่โรงพิมพ์บัตรเลือกตั้ง อาคาร 7 และพยายามชี้แจงว่า ได้ยุติการทำงานตั้งแต่ผู้ชุมนุมบุกตัดน้ำตัดไฟ เมื่อหลายวันก่อน แต่พบว่าในอาคารยังเปิดไฟสว่างอยู่ ตัวแทนผู้ชุมนุมได้ขอเข้าไปดูด้านใน ทหารที่เฝ้าอยู่ได้ขอร้องให้เข้าใจที่ต้องทำตามหน้าที่ ที่ได้รับคำสั่งให้มาเฝ้าบัตรเลือกตั้ง โดยอนุญาตให้ตัวแทน 5 คน เข้าไปดูด้านใน แต่ห้ามไม่ให้สื่อมวลชนตามเข้าไป และห้ามบันทึกภาพ ซึ่งคณะที่เข้าไปตรวจสอบเข้าไปไม่ถึง 5 นาที ได้เดินออกมายืนถ่ายรูป มอบนกหวีดให้ตำรวจ และทหารก่อนพากันกลับ โดยคนที่เข้าไปยืนยันว่า ทหารพาเข้าไปแต่ไม่ได้ให้ดูอะไรก่อนจะพาออก คาดว่าน่าจะยังมีการพิมพ์บัตรอยู่ เพราะในอาคารมีทหารเต็มไปหมด

**การทางพิเศษฯสั่งจนท.หยุดงานแล้ว

ต่อมาเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. เวทีห้าแยกลาดพร้าว เคลื่อนขบวนออกจากหน้าโรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว ตระเวนดูสถานที่ราชการบนถนนพหลโยธิน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่ายังมีข้าราชการแอบเข้าทำงานหรือไม่ โดยขบวนมาหยุดที่หน้าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เรียกร้องให้ยุติทำงานรับใช้รัฐบาล

ทั้งนี้ มีนายสุทธิศัก วรรธวนิช รักษาการรองผู้ว่าการฯ ฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ ออกมายืนยันว่า ส่วนต่างๆ ของการทางพิเศษฯ หยุดทำงานไปหมดแล้ว ยกเว้นศูนย์ควบคุมระบบจราจรอัจฉริยะ ที่ยังเปิดเพราะต้องรายงานสภาพการจราจร และอุบัติเหตุบนทางด่วน จากนั้นได้นำนายทินกร อ่อนประทุม และผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งขึ้นไปห้องควบคุม ดูขั้นตอนการทำงานว่า มีความจำเป็นต้องคงไว้ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือมีรถจอดบนทางด่วน ระบบจะเตือนให้ส่งกู้ภัยไปช่วยถ้าปิดชัดดาวน์ ระบบควบคุมจราจรจะเกิดปัญหากับคนที่ใช้ทางด่วน 7-8 แสนราย จะได้รับผลกระทบ ซึ่งทางแกนนำเข้าใจว่าเป็นเรื่องจำเป็นกับประชาชน จึงให้คงเจ้าหน้าที่ในศูนย์ควบคุมจราจรไว้ โดยจะไม่ตัดน้ำตัดไฟ ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องขอให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ และให้สนับสนุนแนวทางของ กปปส. หากยังแอบทำงานจะกลับมาตัดน้ำตัดไฟ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต้องไปแก้ปัญหากันเอง ต่อจากนั้นขบวนได้เคลื่อนต่อไปที่กรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ

**คปท.นำหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกตรวจ

ด้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล มวลชนบางส่วนได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อทำภารกิจ โดยเวลาประมาณ 10.00 น. ทาง คปท.จะมีการปล่อยขบวนจักรยานยนต์ เพื่อออกตรวจหน่วยงานราชการที่ คปท.เคยไปปิดล้อม ไม่ให้ทำการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ถนนกรุงเกษม สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนราชดำเนิน สำนักงานกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ เอ็กซิมแบงก์ ธนาคารเอสเอ็มอี สำนักงานสรรพากร เขต 4 ถนนพหลโยธิน โดยจะไม่มีแกนนำหลักไปด้วย มีเพียงทีมโฆษกและฝ่ายรักษาความปลอดภัยควบคุมไปเท่านั้น

**กปปส.อโศกจัด"บิ๊กคลีนนิ่งเดย์"

ส่วนที่เวทีกปปส.อโศก ประกาศว่า วันนี้ (21 ม.ค.)เวลา 9.00 น. จะร่วมทำความสะอาดบริเวณสี่แยกอโศกมนตรี และพื้นที่บริเวณโดยรอบ ขอเชิญพี่น้องผู้ชุมนุมร่วมมือกันทำความสะอาด

ขณะที่ผู้ชุมนุมเวทีกปปส.อโศกได้เดินทางกลับมาถึงเวที ที่แยกอโศกเรียบร้อย ในช่วงบ่าย และ การไปปิดสำนักงานกองสลากกินแบ่งรัฐบาลที่สนามบินน้ำ ก็ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยปลอดภัย

**"สุเทพ"ขอบคุณแพทย์-พยาบาลร่วมสู้

เวลา 19.00 น. ที่สี่แยกอโศกมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย บนเวทีว่า ขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ แทนมวลประชาชนเป็นอย่างสูง ที่ได้ออกมาร่วมต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทรราช กับมวลมหาประชาชน เชื่อว่าการออกมาของบุคลากรแพทย์ครั้งนี้ จะเป็นข่าวดังออกไปทั่วโลกอย่างแน่นอน และเชื่อว่าถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีปัญหาทางหัวใจ คุณหมอคงไม่ปั้มหัวใจอย่างแน่นอน

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ตนได้สังเกตการเดินขบวนของคณะแพทย์ และพยาบาลต่างๆ นั้น ได้เดินยิ้มตลอดเส้นทางอย่างมีความสุข และเชื่อว่าพี่น้องมวลมหาประชาชน คงรู้สึกมีกำลังใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นบุคลากรที่ทรงภูมิ มีความรู้ออกมาร่วมขับไล่รัฐบาลทรราช กับมวลมหาประชาชน

นายสุเทพ ยังกล่าวต่อว่า วันนี้ได้มีแพทย์หญิงท่านหนึ่ง ยื่นเงินบริจาคให้ และบอกว่าไม่เคยคิดเลยว่าจะหลงรักคนแก่ ตนก็ไม่ทราบว่าหมอท่านนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ขอบอกว่าตนนั้นไม่ได้แค่แก่ธรรมดา แต่แก่แล้วหน้าดำด้วย และคงดีกว่า น.ส.ยิ่งลักษ์ นายกฯ ที่หน้าตาใสๆ แต่จิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต ที่มีแผนสั่งให้คนมาก่อกวนให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง จนมีทั้งผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต มีการนำทั้งปืน และระเบิด ออกมาทำร้ายประชาชน ถ้าคนในตระกูลทักษิณ อาฆาตก็ขอให้เล่นงานตนคนเดียว ประชาชนผู้บริสุทธิไม่เกี่ยว แล้วยังมีคำสั่งให้ลูกน้องที่มีอำนาจสั่งการออกหมายจับต่างๆ ทั้งแกนนำทั้งหลายจนยาวเหยียด เช่น ผิดกฎหมายการจราจร กีดขวางการจราจร จนถึงข้อหากบฏ ตนขอน้อมรับกับข้อหาทั้งหมด เพราะเป็นแกนนำประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลทรราช

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้ไปเคารพ ศพ คุณประคอง ชูจันทร์ และได้ไปพบญาติๆของผู้เสียชีวิตเพื่อแสดงความเสียใจ เงินที่ทางมวลมหาประชาชน ได้ช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเงินจำนวนนี้จะดูแลคุณประคองได้ และ ญาติๆได้กล่าวว่าหากเสร็จจากงานศพแล้ว จะออกมาร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชน

ทั้งนี้ นายสุเทพยังได้กล่าวอีกว่า วันนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเหมือนการเดินที่ผ่านมา แต่มาเพื่อมาให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ เท่านั้น

"แต่เชื่อไหมขนาดไม่ได้เตรียมตัว ยังได้เงินตั้ง 4 ปี๊บ และหวังว่าการออกมาของบุคลากรทางการแพทย์ผู้ทรงภูมิความรู้ในครั้งนี้ จะเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการและบุคลากรในด้านต่างๆ กล้าที่จะออกมาเปิดเผยตัวร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชนในการขับไล่รัฐบาล" นายสุเทพ กล่าว

**นักเรียนอ.ย.ว.ฉุนเป่าปรี๊ดไล่ผู้อำนวยการ

ที่โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย นักเรียนรวมตัวกันเป่านกหวีดขับไล่ผู้อำนวยการอยู่ภายในโรงเรียน ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระนครศรีอยุธยา เข้าไปภายในโรงเรียนเป็นเวลานานกว่า 30 นาที จึงกลับออกมา และบอกว่าเด็กนักเรียนได้สลายการชุมนุมแล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามขอเข้าไปตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่อนุญาต อ้างว่านายเฉลิมศักดิ์ ธาระธัญญา ผู้อำนวยการ สั่งห้ามเข้า จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ที่สุดทางโรงเรียนได้ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไป พบว่าในห้องของนายมานิต แถบทอง รองผู้อำนวยการ มีนักเรียนชายที่ถูกระบุว่าเป็นแกนนำนั่งคุยอยู่

ตัวแทนนักเรียน เล่าว่า นักเรียนนัดกันนำนกหวีดมาแล้วมาเป่าแสดงความไม่พอใจ บางคนก็ไล่ผู้อำนวยการ เนื่องจากไม่พอใจที่เมื่อวันที่ 17 มกราคม ผู้อำนวยการได้ให้นักเรียนทั้งโรงเรียน เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้งส.ส.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าแดงทั้งโรงเรียน จึงแสดงให้เห็นว่านักเรียน ผู้ปกครอง และครูอีกหลายคนไม่ใช่เสื้อแดง และไม่ได้เต็มใจออกไปเดิน ต่อมาทางโรงเรียนได้ชี้แจงว่าผู้อำนวยการได้รับใบสั่งจากเบื้องบน ขอให้เห็นใจด้วย นักเรียนจึงเข้าใจ และแยกย้ายกันกลับเข้าเรียน

**"ภูเก็ต"ผูกผ้าดำไว้อาลัย"ประคอง ชูจันทร์"

ด้านความเคลื่อนไหวของมวลชนกปปส.ในต่างจังหวัดนั้น กปปส.ภูเก็ต นำโดยมีนายธีรวุฒิ ศรีตุลารักษ์ ประธานกปปส.ภูเก็ต นำผ้าสีดำแสดงความไว้อาลัยนายประคอง ชูจันทร์ การ์ดกปปส.ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง และแสดงสัญลักษณ์ประณามรัฐบาล ผูกไว้กับประตูรั้วศาลากลางจังหวัดซึ่งปิดทำการล่วงหน้า จากนั้นเคลื่อนไปยังศาลาประชาคม ซึ่งมีการประชุมปฎิรูปการศึกษาภาคประชาชน เรียกร้องให้ยุติการประชุม แต่ตัวแทนที่ประชุมเจรจาขอประชุมต่อ อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจจนเกือบปะทะกัน สุดท้ายต้องยุติการประชุมและเก็บข้าวของออกไปทันที

ขณะที่เครือข่ายกปปส.สตูล เป่านกหวีดไล่ข้าราชการที่จะมาทำงาน และผู้ที่มาติดต่อราชการภายในศาลากลางจังหวัด จนมีปากเสียงกันเล็กน้อย แต่สุดท้ายข้าราชการและชาวบ้านก็ล่าถอยกลับไป จึงได้นำโซ่ไปคล้องประตูเข้า-ออกไว้ทุกประตู และยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จังหวัด ให้ชะลอการเลือกตั้งด้วย

**สุราษฎร์หวิดวุ่น-นร.หาดใหญ่ปิดเพชรเกษม

กปปส.สุราษฎร์ธานี ปิดสถานที่ราชการ และเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นที่สำนักงานสรรพากร ภาค 11 ภายในศาลากลางจังหวัด เมื่อนายศราวุฒิ อิศรางกูล ณ อยุธยา นิติกรสรรพากร อยู่ภายในอาคาร มวลชนจึงกรูเข้าไปหาพร้อมเป่านกหวีดไล่ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ต่อมาได้ควบคุมตัวนายศราวุฒิให้ขึ้นกล่าวขอโทษบนรถขยายเสียง แต่นายศราวุฒิกลับไม่ยอม สร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มกปปสเป็นอย่างมาก จึงนายศราวุฒิขึ้นรถไปส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดว่ากล่าวตักเตือน

ด้านนักเรียนจากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา รวมตัวกับนักเรียนช่างกล และกปปส.หาดใหญ่ ปิดถนนเพชรเกษม หน้าที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ ขาออกตัวเมือง หลังโรงเรียนประกาศหยุดเรียน 1 วัน โดยนำเต๊นท์มาตั้งหน้าที่ว่าการอำเภอเพื่อชุมนุมยืดเยื้อ ขณะที่ส่วนราชการหยุดงาน 1 วัน ส่งผลให้การจราจรขาเข้าและออกตัวเมืองหาดใหญ่ติดขัดอย่างหนัก ทั้งนี้อ.หาดใหญ่ เป็นพื้นที่เป้าหมาย เนื่องจากกลุ่มกปปส.ตั้งข้อสังเกตุว่า นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายอำเภอหาดใหญ่ มาในสายของรัฐบาล และเป็นคนเสื้อแดง เนื่องจากเป็นลูกชายของ นายไสว ณ พัทลุง แกนนำคนเสื้อแดงสงขลา

นายพงศภัค วุฒิปุญญะ หนึ่งในแกนนำกปปส.สงขลา กล่าวว่า วันนี้(21 ม.ค.)นักศึกษาจากหลายสถาบันหยุดเรียนมาร่วมชุมนุม และดาวกระจายไปปิดสถานที่ราชการทุกแห่ง รวมทั้งประสานให้แกนนำทั้ง 16 อำเภอปิดที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอพร้อมกันด้วย

**"ระนอง"เว้นปิด5แห่ง-สตูลจี้กกต.หยุดงาน

นายสุชีพ พัฒน์ทอง แกนนำกปปส.ระนอง นำมวลชนกดดันข้าราชการโดยใช้สโลแกน "ปิดจนกว่ายิ่งลักษณ์ลาออก" ซึ่งมีหน่วยราชการกว่า 30 แห่งปิดทำการ ซึ่งกปปส.ระนองยกเว้นไม่ปิด 5 สถานที่ คือ โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ธนาคาร สถานศึกษา ศาล และสถานีตำรวจ เพื่อไว้ให้บริการประชาชน ส่วนสำนักงานบังคับคดีขอให้หยุดทำการ 3 วัน หากส่วนราชการไหนไม่ปฎิบัติตาม จะปิดล้อมและกดดันให้ออกจากสำนักงาน

กปปส.สตูล ยื่นหนังสือต่อกกต.จังหวัด ขอให้หยุดการเลือกตั้งพร้อมหยุดทำงาน ขณะเจ้าหน้าที่กกต.เก็บเอกสารออกจากสำนักงาน ก่อนที่จะขอปิดกุญแจสำนักงานเอง ขณะที่เครือข่ายทั้ง 7 อำเภอพร้อมใจกันยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ทุกหน่วยงานร่วมมือแสดงอารายะขัดขืนกับรัฐบาล พร้อมเชิญออกจากหน่วยงาน จากนำโซ่เข้าคล้องล๊อคกุญแจหน่วยงานที่ไปเยือน

ขณะที่กปปส.ประจวบคีรีขันธ์ รวมตัวที่หน้าศาลากลางจังหวัด ปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงาน จึงออกดาวกระจายไปปิดสถานที่ราชการทั่วทั้งตัวเมือง แต่มีเสียงวิจารณ์ว่าไม่ควรดำเนินการ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ที่วังไกลกังวล หัวหิน ส่วนราชการต้องเตรียมความพร้อม กรณีที่พระองค์จะเสด็จฯทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ ทั้งในจ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.เพชรบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีกปปส.หลายจังหวัด ที่ร่วมปิดล้อมสถานที่ราชการ อาทิ จ.นครศรีธรรมราช จ.พังงา จ.ชุมพร จ.สงขลา จ.กระบี่ จ.ตรัง จ.นราธิวาส.
กำลังโหลดความคิดเห็น