มวลชนพรึ่บ เคลื่อนขบวนไปแยกอโศก เพื่อชักชวนให้ประชาชนร่วมกันออกมาไล่ "ยิ่งลักษณ์" ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ขณะที่ คปท.ลุยหน้าสถานทูตมะกัน ชักธงชาติ อ่านแถลงการณ์ไทยต้องปฏิรูป วันนี้เดินไปสีสม-เยาวราช ด้าน"ธาริต"เดินหน้าอายัดบัญชีธนาคาร 18 แกนนำ กปปส. พร้อมร่อนหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์ 30 แห่ง "กำนันสุเทพ" ด้านกมธ.วุฒิสภา อัด "ดีเอสไอขี้ข้า" สอบ กปปส. มิชอบ
เช้าวานนี้ (19 ธ.ค.) บรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของ กลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. มีมวลชนเริ่มทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมเดินขบวนทั่วกรุงเทพมหานคร ในเวลา 09.00 น. ขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี
ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณถนนพิษณุโลก ทำเนียบรัฐบาล ก็มีการเตรียมตัว เพื่อร่วมเดินขบวนรณรงค์เชิญชวนประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ออกมาร่วมกันแสดงพลังขับไล่รัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ร่วมกับกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกลุ่ม กปปส.
โดยคปท.จะเป็นทัพหน้า ตั้งขบวนเดินเท้าออกจากที่ชุมนุมสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก มุ่งหน้าแยกอุรุพงษ์ เพื่อรออีก 2 ขบวน โดยมีรถติดเครื่องขยายเสียงทั้งหมด 3 คัน ในการคุมขบวน ทั้งนี้ คปท.จะออกเดินทางก่อนกำหนดการของ กปปส. คือ ในเวลาประมาณ 08.30 น.
จากนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้นำมวลชนเดินทางออกจากเวทีราชดำเนิน ซึ่งเป็นขบวนปิดท้าย โดยนำมวลชนเดินไปตามเส้นทางที่ประกาศไว้ คือ มุ่งหน้าไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าถนนนครสวรรค์ ผ่านสนามม้านางเลิ้ง ไปสู่ถนนเพชรบุรี และเมื่อถึงอโศกแล้วเลี้ยวขวา แวะรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นจะเดินทางกลับ ผ่านถนนสุขุมวิท นานา เพลินจิต ชิดลม สยาม สนามกีฬาแห่งชาติ เจริญผล อุรุพงษ์ ยมราช และกลับเวทีราชดำเนิน ประมาณ 18.00 น.
ทั้งนี้ก่อนนำขบวน นายสุเทพได้เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี และเดินพบปะผู้ชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนิน
ขณะที่ นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่ม กปปส. เปิดเผยว่า การเดินขบวนครั้งนี้ ก็เพื่อบอกวัตถุประสงค์ว่าระบอบทักษิณทำการทุจริตอย่างไร และหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็จะยังมีระบอบดังกล่าวอยู่ จึงต้องทำการปฏิรูปการเมือง เพื่อแก้กฎหมายและเพื่อสร้างความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ขัดขวางการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แต่เห็นว่า การจัดการเลือกตั้งทั้งๆ ที่ยังไม่สลายขั้ว ก็จะทำให้งบประมาณ 3,800 ล้านบาท สูญเปล่า พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีมติปิดล้อมสถานที่เปิดรับสมัคร ส.ส. แต่หากสถานการณ์เปลี่ยน ก็อาจจะมีการเปลี่ยนมติอีกครั้ง ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลนำข้อเสนอของ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่เสนอแนะให้สลายขั้วก่อน เรื่องจึงจะจบลงได้
เวลา 10.45 น. นายสุเทพ ได้เดินทางมาถึงฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าแพลตตินั่ม ถ.เพชรบุรี โดยมีประชาชนให้การต้อนรับ มอบดอกไม้แก่นายสุเทพ จำนวนมาก
ต่อมาเวลา 12.23 น. ขบวนของ กปปส.ได้เคลื่อนมาถึงแยกอโศก นายชุมพล จุลใส แกนนำหลัก เป็นผู้ปราศรัยเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนร่วมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ออกจากนายกรัฐมนตรีรักษาการ ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ต้องการแสดงพลังว่าต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง พร้อมย้ำแนวทางเดิมที่ชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ
ทั้งนี้ ขบวนผู้ชุมนุม ได้พักรับประทานอาหารกลางวัน ที่บริเวณแยกอโศก ก่อนจะเดินเท้ากลับราชดำเนิน ทางถนนสุขุมวิท ด้วยความเรียบร้อย
**คปท.ดอดลุยหน้าสถานทูตมะกัน
ส่วนที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 13.18 น. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน ได้เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณด้านหน้า เพื่อชี้แจงข้อเรียกร้องการปฏิรูปให้แก่ทางประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ขบวนของ คปท.เป็นขบวนหน้าสุดของกปปส.ที่เดินจากแยกนางเลิ้งไปยังแยกอโศก ก่อนที่ คปท.จะแยกมาชุมนุมบริเวณดังกล่าวในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามได้มีตำรวจจำนวนหนึ่งยืนกั้นมวลชนอยู่หน้าทางเข้าสถานทูตด้วย
ต่อมาเวลา 13.25 น. ได้มีตำรวจระดับบังคับบัญชาเกตุการณ์ปีนรั้วเหล็กออกมาพูดคุยกับนายนิติธร ก่อนที่นายนิติธร จะให้ผู้ชุมนุมตั้งเสาธงชาติหน้าสถานทูต โดยให้นักศึกษาชายและหญิงเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา พร้อมระบุมาเพื่อประกาศว่า ที่นี่ประเทศไทย ก่อนอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อยืนยันว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
**วันนี้กปปส. เดินไปสีลม-เยาวราช
เวลา 20.10 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯกปปส. ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีราชดำเนิน โดยกล่าวถึง กรณี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯสมช. กล่าวถึงการเดินขบวนของกปปส.ครั้งนี้ ว่า เพราะต้องการบีบ ปชป.ไม่ให้ลงเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคจะประชุมชี้ขาดวันที่ 21 ธ.ค. จึงอยากเรียนว่า เรื่องของพรรคปชป. กับเรื่องของมวลมหาประชาชน เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง พรรคสามารถกำหนดทางเดินของพรรคเองได้ แต่มวลมหาประชาชน จะตัดสินใจทำอะไร เป็นเรื่องของมวลมหาประชาชนไม่เกี่ยวกับพรรค เราไม่ก้าวก่ายกัน การเดินของเราเป็นการเดินเรียกแขกให้มาช่วยกันไล่ ยิ่งลักษณ์ ออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี และเห็นว่าประชาชนทุกสาขาอาชีพ ให้การตอบรับเป็นจำนวนมาก และบอกว่าวันที่ 22 ธ.ค.นี้ จะออกมาร่วมไล่ ยิ่งลักษณ์ กับเรา บางคนให้เงิน แถมยังด่าแม่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธฺบดีดีเอสไอ ที่บังอาจมาอายัดบัญชี เงินค่าข้าว ค่ากับข้าว ของผู้ชุมนุมอีกด้วย
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า วันนี้ (20ธ.ค.)เวลา 09.00 น. จะพาขบวนเดินไปสีลม สี่พระยา สาทร แล้วกลับมาทางเยาวราช รวมระยะทางประมาณ 13-14 กม. เพื่อไปเชิญประชาชนมาร่วมกับเราในวันที่ 22 ธ.ค. นอกจากนี้ ยังมีชาวจุฬา และธรรมศาสตร์ ก็ได้ตอบรับมาแล้วว่าจะออกมาร่วมแสดงพลังไล่รัฐบาลด้วย และเชื่อว่า สถาบันการศึกษาอื่นๆ ก็จะทะยอยแสดงความจำนงมาร่วมกับเรา และในต่างจังหวัดก็มีการตั้ง กรรมการร กปปส. กว่าครึ่งประเทศแล้ว จึงขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออกได้แล้ว
**"ธาริต"เดินหน้าอายัดบัญชี 18 แกนนำ
วานนี้ (19 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. และพวกที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมในคดีร่วมกันเป็นกบฏ กล่าวถึงแนวทางการสอบสวนว่า ตนได้มีหนังสือแจ้งธนาคารพาณิชย์ ให้ทำการตรวจสอบบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คน ที่ถูกดีเอสไอ กล่าวหาดำเนินคดีร่วมกันเป็นกบฏ ว่ามีบัญชีประเภทใดบ้าง อยู่ที่สาขาใดบ้าง จำนวนเท่าใด แล้วจัดส่งสำเนาการเดินบัญชี หรือ Statement ย้อนหลังเป็นเวลา 6 เดือน ส่งให้ดีเอสไอโดยด่วน พร้อมกันนี้ ให้อายัดบัญชีเหล่านั้น ทุกบัญชี รวมถึงบัญชีครัวราชดำเนิน จำนวน 2 บัญชี ของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาราชดำเนินด้วย
นอกจากนี้ ตนยังได้ลงนามออกหมายเรียกไปยังแกนนำทั้ง 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 26-27 ธ.ค. 56 โดยเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ได้ส่งหมายให้มีผลตามกฎหมายแบบคู่ขนาน ทั้ง 2 วิธี คือ ให้ตำรวจที่ประจำโรงพัก อันเป็นภูมิลำเนาของแกนนำไปส่งหมายเรียก และส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับอีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนแนวการทางการสอบสวนหลังจากนี้ ตนได้นัดประชุมคณะพนักงานสอบสวน อันประกอบด้วย พนักงานสอบสวนของ บชน. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พนักงานสอบสวนของ ดีเอสไอ และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเข้าร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวน ในวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค.56 เวลา 14.00 น. คาดว่าจะได้ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐาน มีมติให้ดำเนินคดีกับแกนนำเพิ่มเติม หรือกลุ่มแกนนำแถวที่สอง อีกประมาณ 20 -30 คน ฐานร่วมกันเป็นกบฏ หรือร่วมกันกระทำการให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบ หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะแกนนำที่ขึ้นอภิปรายในลักษณะผิดกฎหมาย แกนนำที่นำกลุ่มคนไปบุกยึดสถานที่ราชการต่างๆ ซึ่งมีทั้งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว อดีตส.ส.เป็นต้น
สำหรับธนาคารทั้ง 30 แห่ง ที่ดีเอสไอ ได้ส่งหนังสือให้ตรวจสอบว่ามีบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมหรือไม่ หากมีขอให้อายัดพร้อมรายงานการทำธุรกรรมย้อนหลัง 6 เดือน ประกอบด้วย 1. ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 2. ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)5. ธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) 8. ธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) 9. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 10. ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน)11. ธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) 12. ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 13. ธนาคาร สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) 14. ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) 15. ธนาคาร ไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
16.ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 17. ธนาคาร เจพีมอร์แกน เชส 18. ธนาคาร ซิตี้แบงก์ 19. ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น 20. ธนาคาร ดอยซ์แบงก์ 21. ธนาคาร เดอะรอยัลแบงก์อ๊อฟสกอตแลนด์ เอ็น.วี. 22. ธนาคาร บีเอ็นพี พารีบาส์ 23. ธนาคาร มิซูโฮ จำกัด 24. ธนาคาร แห่งโตเกียว - มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด 25. ธนาคาร แห่งประเทศจีน จำกัด 26. ธนาคาร แห่งอเมริกาเนชั่นแนลแอสโซซิเอชั่น 27. ธนาคาร อาร์ เอช บี จำกัด 28. ธนาคาร อินเดียนโอเวอร์ซีส์ 29. ธนาคาร โอเวอร์
**ศอ.รส.ฮึ่ม!ใครขวางเลือกตั้งเจออาญา
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. แถลงข่าว ว่า ศอ.รส.ได้ติดตามผลการสืบสวนคดีความที่มีการขอหมายจับ และรับแจ้งความเกี่ยวกับความเสียหายในสถานที่ราชการ ที่เคยมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปบุกรุกก่อนหน้านี้ เช่น ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ และกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งรัดคดีความทั้งหมดโดยเร็ว ขณะที่ฝ่ายสืบสวนได้รายงานผลการตรวจสอบหมายจับคดีค้างเก่าของกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุม กปปส. พบว่ามีหมายจับจำนวน 19 คน โดยจับกุมไปแล้ว 2 คน และอยู่ระหว่างการขอหมายจับเพิ่มอีก 3 คน
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ตั้งแต่วันรับสมัครเลือกตั้ง การหาเสียงเลือกตั้ง และวันเลือกตั้ง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขอเตือนว่า การขัดขวางไม่ให้สามารถมีการเปิดรับสมัครเลือกตั้ง หรือ ขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้งได้ มีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 76 และ มาตรา 152 มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมทั้งถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
** ส.ว.อัด"ธาริต"สอบ กปปส. มิชอบ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.) ป้องกันการทุจริต และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้เรียกประชุม คณะอนุกรรมาธิการฯเพื่อพิจารณากรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เกี่ยวกับดำเนินคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดยนายธาริต ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง แต่ได้ส่งตัวแทนมาให้ข้อมูล
นายไพบูลย์ กล่าวว่า จากการประชุมดังกล่าว ที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯมีความเห็นดังนี้
1. คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติรับเป็นคดีพิเศษในลักษณะเร่งรีบ มติดังกล่าวขัดแย้งกับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้วินิจฉัยด้วยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่า การชุมนุมของประชาชน นำโดย นายสุเทพ เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธเพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง อันถือเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการเรียกร้องและแสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นชัดเจนว่าการกระทำของนายสุเทพ ไม่ใช่องค์ประกอบของการกระทำผิดฐานกบฏ อย่างแน่นอน จึงไม่เป็นเหตุที่คณะกรรมการจะมีมติรับเป็นคดีพิเศษ
2. นายธาริต ได้เร่งรัดแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นภายในวันเดียวกัน โดยนายธาริต ได้ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ทั้งที่ นายธาริต ก็เป็นคู่กรณีฟ้องร้องหลายๆ คดีกับนายสุเทพ จึงไม่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้
3. คณะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่กลับออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมรวม 18 คน ซึ่งน่าจะขัดต่อกฎหมาย และยังข่มขู่คุกคามประชาชน ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมในรูปแบบต่างๆ น่าจะเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า นายธาริต มีการดำเนินการที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล จึงมีมติเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ ออกหนังสือเรียกตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 เพื่อให้นายธาริต มาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ธ.ค.นี้ พร้อมขอรายงานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ รวมทั้งคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน และคำสั่งอายัดบัญชีแกนนำทั้ง 18 คน ด้วย
**ชาวเกินร้อยแห่ร่วมบายศรีสู่ขวัญ"ปู"
ผู้สื่อข่าวรายงานการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสาน ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (19ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปยังบึงพลาญชัย อ.เมืองฯ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 6 และกราบสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จากนั้น นายกฯ ร่วมทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อต่อมือ ตามประเพณีภาคอีสาน โดยนายจำเนียร พันทวี ข้าราชการบำนาญ เป็นผู้ทำพิธี โดยได้ให้นายกฯ ถือกล้วย และไข่ ไว้ระหว่างทำพิธี ท่ามกลางเสียงตะโกนของชาวบ้าน ที่เรียกขวัญนายกฯ เป็นระยะๆว่า "ขวัญเอ๋ยขวัญมา ขอให้อายุมั่นขวัญยืน" จากนั้นได้ทำพิธีผูกข้อมือ โดยมีบรรดารัฐมนตรี อดีตส.ส.นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าฯ จ.ร้อยเอ็ด ร่วมผูกข้อมือ นายกฯ ด้วย
จากนั้นนายกฯ ร่วมเปิดมหกรรมงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและของดีเมืองร้อยเอ็ด โดยมีประชาชนกว่าหมื่นคน มาร่วมให้การต้อนรับและร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ระหว่างทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล จำนวนร่วมร้อยคน มาเป่านกหวีดโบกธง เปิดเครื่องเสียงบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากบึงพลาญชัย 200 เมตร ขณะฝั่งตรงข้ามได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง จำนวนกว่า 100 คน มาชุมนุม แต่ไม่มีเหตุการณ์ปะทะกัน
**บอกผู้ว่าฯ อย่าเชื่อข่าวลือ
ต่อมา เวลา 14.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด นายกฯ เป็นประธานการประชุมผูัว่าฯ 20 จังหวัดภาคอีสาน และ 56 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามแผนงานนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาประชาชน แก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาภัยหนาว และปัญหาอุบัติเหตุ โดยนายกฯ ขอให้ทางจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกจังหวัด เตรียมความพร้อม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นศูนย์กลาง ในส่วนของงบประมาณอะไรที่ได้มีการอนุมัติไปก่อนยุบสภา ให้มีการเบิกจ่ายได้ตามปกติ คณะรัฐมนตรีจะไม่อนุมัติอะไรที่เป็นเม็ดเงินใหม่ โดยเฉพาะงบฯ กลาง จะระมัดระวังมากที่สุด ยกเว้นกรณีฉุกเฉินจริงๆ ก็จะสอบถามไปยังกกต.ก่อน และขอให้ผู้ว่าฯ ยึดหลักความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แม้ได้ยินข่าวลืออะไรมาก็ตาม ขอให้ผู้ว่าฯ ทำหน้าที่ต่อไป สุดท้ายขอขอบคุณที่ทำงานร่วมกันมาตลอด 2 ปีกว่าของรัฐบาลชุดนี้
**สักการะพระเจ้าองค์ใหญ่เสริมมงคล
ต่อมา เวลา 18.00น. นายกฯ เดินทางมายังวัดบูรพาภิราม (วัดหัวรอ) เขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สักการะพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางประทานพร ที่สูงที่สุดในประเทศไทย พร้อมกับถวายสังฆทาน และกราบนมัสการพระครูปริยัติเจติยาภิบาล ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งโอกาสนี้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสได้มอบพระพุทธรัตนมงคลมหามุณี จำลอง ขนาด 12 นิ้ว พร้อมด้วยวัตถุมงคลกับคณะผู้ติดตามด้วย จากนั้นนายกฯ ได้สนทนาธรรมกับ พระครูปริยัติเจติยาภิบาล ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า ช่วงนี้เหนื่อยหน่อย แต่ก็ใช้ความอดทนยึดหลักสันติ มาต่างจังหวัดครั้งนี้มีกำลังใจขึ้น ด้านผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้สอบถามว่าเหนื่อยไหม แต่อย่าท้อ ดูข่าวก็ให้กำลังใจ คณะสงฆ์ก็สวดมนต์ทำวัตร ขอให้เข้มแข็ง สู้ ต้องอดทนอดกลั้น เพราะเราช่วยประเทศชาติ ก็ขอให้เดินทางกลับปลอดภัย และจากนั้นนายกฯก็กราบลา และเดินทางกลับทันที
**โวยรัฐบาลยืมมือศอ.รส.เล่นการเมือง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบกรณีการแถลงข่าวของ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ในช่วงเวลา 11.00 น.ในวันนี้ ที่มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แถลงเกี่ยวกับการเก็บภาษีที่ไม่เข้าเป้า และยังสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจการคลังในขณะนี้ ซึ่งตนมองว่าทาง ศอ.รส. ควรแถลงเฉพาะเรื่องการบริหารสถานการณ์เฉพาะหน้าที่จำเป็นเร่งด่วน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ อาจมองได้ว่าเป็นการใช้เครื่องมือเพื่อสอดคล้องการหาเสียงของพรรคการเมืองรัฐบาล ดังนั้นกกต. ควรจับตาดูการกระทำของรัฐบาลรักษาการในขณะนี้ และขอเตือนข้าราชการระดับสูง ไม่ควรเอาอำนาจหน้าที่รับใช้นักการเมือง โดยเฉพาะช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมเตือนไปยังโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยถึงการถ่ายทอดสดโทรทัศน์ทุกช่องว่า เป็นการคุกคามสื่อเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการเมืองหรือไม่ อีกทั้งขอร้องไปยังรัฐบาลให้งดการทำงานเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น อย่างเช่นพฤติกรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เดินสายไปต่างจังหวัดในขณะนี้ ถือเป็นการเอาเปรียบและไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งหลังจากนี้ตนจะรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งให้ กกต. ตรวจสอบอีกด้วย
**กลุ่ม 40 ส.ว.แถลงการณ์บีบ“ปู”ลาออก
กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง ส.ว.สรรหา ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าในฐานะที่นายกฯเป็นผู้สร้างวิกฤติการณ์ร้ายแรง ควรแสดงความรับผิดชอบ และแสดงความจริงใจ ที่จะร่วมแก้ไขคลี่คลายวิกฤติของชาติ ดังนี้
1. เคารพและให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของมวลมหาประชาชนนับล้าน ที่แสดงออกอย่างสงบและสันติ ให้รัฐบาลเห็นว่า ประเทศประสบภาวะวิกฤติการณ์ร้ายแรงจากระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ภายใต้การครอบงำของทุนสามานย์ จำเป็นต้องปฏิรูประเทศก่อนการเลือกตั้ง
2.การปฏิรูปประเทศต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร หากทุกฝ่ายมีความจริงใจก็ตกลงใจร่วมมือที่จะขยายกรอบเวลาเลือกตั้งออกไปได้ ภายใต้บัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
3. หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการลาออกจากรักษาการนายกฯ เพื่อเปิดทางให้ปฏิรูประเทศ สามารถกระทำได้ และเป็นการกระทำที่สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
** เตือนปชป.คิดให้ดีถ้าจะบอยคอต
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โจมตีว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงรัฐบาลรักษาการ อาจจะทำให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมืองนั้น ว่า การรักษาการตำแหน่งนายกฯ ไม่ใช่ปัจจัยที่จะช่วยให้ใครชนะเลือกตั้งได้ เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 54 นั้น ถึงแม้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะดำรงตำแหน่งนายกฯ รักษาการ ในขณะนั้น แต่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังแพ้เลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย
ส่วนกรณี กลุ่มอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ทำให้หลายฝ่ายฟันธงล่วงหน้าว่า ในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ พรรคประชาธิปัตย์ อาจตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน เพื่อปูทางให้เกิดสูญญากาศทางการเมือง อย่างที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องการ ใช่หรือไม่ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ บอยคอตการเลือกตั้งอีกครั้ง ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจ ที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ และเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ไม่แสดงบทบาทในการส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น จึงอยากให้ประชาธิปัตย์ คิดให้ดี ๆ เพราะถึงแม้ประชาธิปัตย์ ไม่ส่งผู้สมัคร ก็ไม่ได้แปลว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้ และพรรคประชาธิปัตย์เองจะเป็นฝ่ายเสียโอกาส ให้กับพรรคการเมืองอื่นๆ แล้วอย่ามาโทษว่าการเลือกตั้งไม่เป็นธรรม หรือเป็นเผด็จการ
เช้าวานนี้ (19 ธ.ค.) บรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของ กลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. มีมวลชนเริ่มทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อร่วมเดินขบวนทั่วกรุงเทพมหานคร ในเวลา 09.00 น. ขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี
ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณถนนพิษณุโลก ทำเนียบรัฐบาล ก็มีการเตรียมตัว เพื่อร่วมเดินขบวนรณรงค์เชิญชวนประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ออกมาร่วมกันแสดงพลังขับไล่รัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ร่วมกับกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกลุ่ม กปปส.
โดยคปท.จะเป็นทัพหน้า ตั้งขบวนเดินเท้าออกจากที่ชุมนุมสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก มุ่งหน้าแยกอุรุพงษ์ เพื่อรออีก 2 ขบวน โดยมีรถติดเครื่องขยายเสียงทั้งหมด 3 คัน ในการคุมขบวน ทั้งนี้ คปท.จะออกเดินทางก่อนกำหนดการของ กปปส. คือ ในเวลาประมาณ 08.30 น.
จากนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้นำมวลชนเดินทางออกจากเวทีราชดำเนิน ซึ่งเป็นขบวนปิดท้าย โดยนำมวลชนเดินไปตามเส้นทางที่ประกาศไว้ คือ มุ่งหน้าไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าถนนนครสวรรค์ ผ่านสนามม้านางเลิ้ง ไปสู่ถนนเพชรบุรี และเมื่อถึงอโศกแล้วเลี้ยวขวา แวะรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นจะเดินทางกลับ ผ่านถนนสุขุมวิท นานา เพลินจิต ชิดลม สยาม สนามกีฬาแห่งชาติ เจริญผล อุรุพงษ์ ยมราช และกลับเวทีราชดำเนิน ประมาณ 18.00 น.
ทั้งนี้ก่อนนำขบวน นายสุเทพได้เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี และเดินพบปะผู้ชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนิน
ขณะที่ นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่ม กปปส. เปิดเผยว่า การเดินขบวนครั้งนี้ ก็เพื่อบอกวัตถุประสงค์ว่าระบอบทักษิณทำการทุจริตอย่างไร และหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็จะยังมีระบอบดังกล่าวอยู่ จึงต้องทำการปฏิรูปการเมือง เพื่อแก้กฎหมายและเพื่อสร้างความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ขัดขวางการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แต่เห็นว่า การจัดการเลือกตั้งทั้งๆ ที่ยังไม่สลายขั้ว ก็จะทำให้งบประมาณ 3,800 ล้านบาท สูญเปล่า พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีมติปิดล้อมสถานที่เปิดรับสมัคร ส.ส. แต่หากสถานการณ์เปลี่ยน ก็อาจจะมีการเปลี่ยนมติอีกครั้ง ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลนำข้อเสนอของ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่เสนอแนะให้สลายขั้วก่อน เรื่องจึงจะจบลงได้
เวลา 10.45 น. นายสุเทพ ได้เดินทางมาถึงฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าแพลตตินั่ม ถ.เพชรบุรี โดยมีประชาชนให้การต้อนรับ มอบดอกไม้แก่นายสุเทพ จำนวนมาก
ต่อมาเวลา 12.23 น. ขบวนของ กปปส.ได้เคลื่อนมาถึงแยกอโศก นายชุมพล จุลใส แกนนำหลัก เป็นผู้ปราศรัยเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนร่วมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ออกจากนายกรัฐมนตรีรักษาการ ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ต้องการแสดงพลังว่าต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง พร้อมย้ำแนวทางเดิมที่ชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ
ทั้งนี้ ขบวนผู้ชุมนุม ได้พักรับประทานอาหารกลางวัน ที่บริเวณแยกอโศก ก่อนจะเดินเท้ากลับราชดำเนิน ทางถนนสุขุมวิท ด้วยความเรียบร้อย
**คปท.ดอดลุยหน้าสถานทูตมะกัน
ส่วนที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 13.18 น. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน ได้เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณด้านหน้า เพื่อชี้แจงข้อเรียกร้องการปฏิรูปให้แก่ทางประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ขบวนของ คปท.เป็นขบวนหน้าสุดของกปปส.ที่เดินจากแยกนางเลิ้งไปยังแยกอโศก ก่อนที่ คปท.จะแยกมาชุมนุมบริเวณดังกล่าวในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามได้มีตำรวจจำนวนหนึ่งยืนกั้นมวลชนอยู่หน้าทางเข้าสถานทูตด้วย
ต่อมาเวลา 13.25 น. ได้มีตำรวจระดับบังคับบัญชาเกตุการณ์ปีนรั้วเหล็กออกมาพูดคุยกับนายนิติธร ก่อนที่นายนิติธร จะให้ผู้ชุมนุมตั้งเสาธงชาติหน้าสถานทูต โดยให้นักศึกษาชายและหญิงเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา พร้อมระบุมาเพื่อประกาศว่า ที่นี่ประเทศไทย ก่อนอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อยืนยันว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
**วันนี้กปปส. เดินไปสีลม-เยาวราช
เวลา 20.10 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯกปปส. ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีราชดำเนิน โดยกล่าวถึง กรณี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯสมช. กล่าวถึงการเดินขบวนของกปปส.ครั้งนี้ ว่า เพราะต้องการบีบ ปชป.ไม่ให้ลงเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคจะประชุมชี้ขาดวันที่ 21 ธ.ค. จึงอยากเรียนว่า เรื่องของพรรคปชป. กับเรื่องของมวลมหาประชาชน เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง พรรคสามารถกำหนดทางเดินของพรรคเองได้ แต่มวลมหาประชาชน จะตัดสินใจทำอะไร เป็นเรื่องของมวลมหาประชาชนไม่เกี่ยวกับพรรค เราไม่ก้าวก่ายกัน การเดินของเราเป็นการเดินเรียกแขกให้มาช่วยกันไล่ ยิ่งลักษณ์ ออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี และเห็นว่าประชาชนทุกสาขาอาชีพ ให้การตอบรับเป็นจำนวนมาก และบอกว่าวันที่ 22 ธ.ค.นี้ จะออกมาร่วมไล่ ยิ่งลักษณ์ กับเรา บางคนให้เงิน แถมยังด่าแม่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธฺบดีดีเอสไอ ที่บังอาจมาอายัดบัญชี เงินค่าข้าว ค่ากับข้าว ของผู้ชุมนุมอีกด้วย
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า วันนี้ (20ธ.ค.)เวลา 09.00 น. จะพาขบวนเดินไปสีลม สี่พระยา สาทร แล้วกลับมาทางเยาวราช รวมระยะทางประมาณ 13-14 กม. เพื่อไปเชิญประชาชนมาร่วมกับเราในวันที่ 22 ธ.ค. นอกจากนี้ ยังมีชาวจุฬา และธรรมศาสตร์ ก็ได้ตอบรับมาแล้วว่าจะออกมาร่วมแสดงพลังไล่รัฐบาลด้วย และเชื่อว่า สถาบันการศึกษาอื่นๆ ก็จะทะยอยแสดงความจำนงมาร่วมกับเรา และในต่างจังหวัดก็มีการตั้ง กรรมการร กปปส. กว่าครึ่งประเทศแล้ว จึงขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออกได้แล้ว
**"ธาริต"เดินหน้าอายัดบัญชี 18 แกนนำ
วานนี้ (19 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. และพวกที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมในคดีร่วมกันเป็นกบฏ กล่าวถึงแนวทางการสอบสวนว่า ตนได้มีหนังสือแจ้งธนาคารพาณิชย์ ให้ทำการตรวจสอบบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คน ที่ถูกดีเอสไอ กล่าวหาดำเนินคดีร่วมกันเป็นกบฏ ว่ามีบัญชีประเภทใดบ้าง อยู่ที่สาขาใดบ้าง จำนวนเท่าใด แล้วจัดส่งสำเนาการเดินบัญชี หรือ Statement ย้อนหลังเป็นเวลา 6 เดือน ส่งให้ดีเอสไอโดยด่วน พร้อมกันนี้ ให้อายัดบัญชีเหล่านั้น ทุกบัญชี รวมถึงบัญชีครัวราชดำเนิน จำนวน 2 บัญชี ของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาราชดำเนินด้วย
นอกจากนี้ ตนยังได้ลงนามออกหมายเรียกไปยังแกนนำทั้ง 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 26-27 ธ.ค. 56 โดยเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ได้ส่งหมายให้มีผลตามกฎหมายแบบคู่ขนาน ทั้ง 2 วิธี คือ ให้ตำรวจที่ประจำโรงพัก อันเป็นภูมิลำเนาของแกนนำไปส่งหมายเรียก และส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับอีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนแนวการทางการสอบสวนหลังจากนี้ ตนได้นัดประชุมคณะพนักงานสอบสวน อันประกอบด้วย พนักงานสอบสวนของ บชน. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พนักงานสอบสวนของ ดีเอสไอ และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเข้าร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวน ในวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค.56 เวลา 14.00 น. คาดว่าจะได้ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐาน มีมติให้ดำเนินคดีกับแกนนำเพิ่มเติม หรือกลุ่มแกนนำแถวที่สอง อีกประมาณ 20 -30 คน ฐานร่วมกันเป็นกบฏ หรือร่วมกันกระทำการให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบ หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะแกนนำที่ขึ้นอภิปรายในลักษณะผิดกฎหมาย แกนนำที่นำกลุ่มคนไปบุกยึดสถานที่ราชการต่างๆ ซึ่งมีทั้งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว อดีตส.ส.เป็นต้น
สำหรับธนาคารทั้ง 30 แห่ง ที่ดีเอสไอ ได้ส่งหนังสือให้ตรวจสอบว่ามีบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมหรือไม่ หากมีขอให้อายัดพร้อมรายงานการทำธุรกรรมย้อนหลัง 6 เดือน ประกอบด้วย 1. ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 2. ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)5. ธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) 8. ธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) 9. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 10. ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน)11. ธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) 12. ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 13. ธนาคาร สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) 14. ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) 15. ธนาคาร ไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
16.ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 17. ธนาคาร เจพีมอร์แกน เชส 18. ธนาคาร ซิตี้แบงก์ 19. ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น 20. ธนาคาร ดอยซ์แบงก์ 21. ธนาคาร เดอะรอยัลแบงก์อ๊อฟสกอตแลนด์ เอ็น.วี. 22. ธนาคาร บีเอ็นพี พารีบาส์ 23. ธนาคาร มิซูโฮ จำกัด 24. ธนาคาร แห่งโตเกียว - มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด 25. ธนาคาร แห่งประเทศจีน จำกัด 26. ธนาคาร แห่งอเมริกาเนชั่นแนลแอสโซซิเอชั่น 27. ธนาคาร อาร์ เอช บี จำกัด 28. ธนาคาร อินเดียนโอเวอร์ซีส์ 29. ธนาคาร โอเวอร์
**ศอ.รส.ฮึ่ม!ใครขวางเลือกตั้งเจออาญา
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. แถลงข่าว ว่า ศอ.รส.ได้ติดตามผลการสืบสวนคดีความที่มีการขอหมายจับ และรับแจ้งความเกี่ยวกับความเสียหายในสถานที่ราชการ ที่เคยมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปบุกรุกก่อนหน้านี้ เช่น ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ และกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งรัดคดีความทั้งหมดโดยเร็ว ขณะที่ฝ่ายสืบสวนได้รายงานผลการตรวจสอบหมายจับคดีค้างเก่าของกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุม กปปส. พบว่ามีหมายจับจำนวน 19 คน โดยจับกุมไปแล้ว 2 คน และอยู่ระหว่างการขอหมายจับเพิ่มอีก 3 คน
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ตั้งแต่วันรับสมัครเลือกตั้ง การหาเสียงเลือกตั้ง และวันเลือกตั้ง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขอเตือนว่า การขัดขวางไม่ให้สามารถมีการเปิดรับสมัครเลือกตั้ง หรือ ขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้งได้ มีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 76 และ มาตรา 152 มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมทั้งถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
** ส.ว.อัด"ธาริต"สอบ กปปส. มิชอบ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.) ป้องกันการทุจริต และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้เรียกประชุม คณะอนุกรรมาธิการฯเพื่อพิจารณากรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เกี่ยวกับดำเนินคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดยนายธาริต ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง แต่ได้ส่งตัวแทนมาให้ข้อมูล
นายไพบูลย์ กล่าวว่า จากการประชุมดังกล่าว ที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯมีความเห็นดังนี้
1. คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติรับเป็นคดีพิเศษในลักษณะเร่งรีบ มติดังกล่าวขัดแย้งกับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้วินิจฉัยด้วยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่า การชุมนุมของประชาชน นำโดย นายสุเทพ เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธเพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง อันถือเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการเรียกร้องและแสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นชัดเจนว่าการกระทำของนายสุเทพ ไม่ใช่องค์ประกอบของการกระทำผิดฐานกบฏ อย่างแน่นอน จึงไม่เป็นเหตุที่คณะกรรมการจะมีมติรับเป็นคดีพิเศษ
2. นายธาริต ได้เร่งรัดแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นภายในวันเดียวกัน โดยนายธาริต ได้ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ทั้งที่ นายธาริต ก็เป็นคู่กรณีฟ้องร้องหลายๆ คดีกับนายสุเทพ จึงไม่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้
3. คณะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่กลับออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมรวม 18 คน ซึ่งน่าจะขัดต่อกฎหมาย และยังข่มขู่คุกคามประชาชน ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมในรูปแบบต่างๆ น่าจะเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า นายธาริต มีการดำเนินการที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล จึงมีมติเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ ออกหนังสือเรียกตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 เพื่อให้นายธาริต มาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ธ.ค.นี้ พร้อมขอรายงานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ รวมทั้งคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน และคำสั่งอายัดบัญชีแกนนำทั้ง 18 คน ด้วย
**ชาวเกินร้อยแห่ร่วมบายศรีสู่ขวัญ"ปู"
ผู้สื่อข่าวรายงานการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสาน ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (19ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปยังบึงพลาญชัย อ.เมืองฯ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 6 และกราบสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จากนั้น นายกฯ ร่วมทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อต่อมือ ตามประเพณีภาคอีสาน โดยนายจำเนียร พันทวี ข้าราชการบำนาญ เป็นผู้ทำพิธี โดยได้ให้นายกฯ ถือกล้วย และไข่ ไว้ระหว่างทำพิธี ท่ามกลางเสียงตะโกนของชาวบ้าน ที่เรียกขวัญนายกฯ เป็นระยะๆว่า "ขวัญเอ๋ยขวัญมา ขอให้อายุมั่นขวัญยืน" จากนั้นได้ทำพิธีผูกข้อมือ โดยมีบรรดารัฐมนตรี อดีตส.ส.นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าฯ จ.ร้อยเอ็ด ร่วมผูกข้อมือ นายกฯ ด้วย
จากนั้นนายกฯ ร่วมเปิดมหกรรมงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและของดีเมืองร้อยเอ็ด โดยมีประชาชนกว่าหมื่นคน มาร่วมให้การต้อนรับและร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ระหว่างทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล จำนวนร่วมร้อยคน มาเป่านกหวีดโบกธง เปิดเครื่องเสียงบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากบึงพลาญชัย 200 เมตร ขณะฝั่งตรงข้ามได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง จำนวนกว่า 100 คน มาชุมนุม แต่ไม่มีเหตุการณ์ปะทะกัน
**บอกผู้ว่าฯ อย่าเชื่อข่าวลือ
ต่อมา เวลา 14.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด นายกฯ เป็นประธานการประชุมผูัว่าฯ 20 จังหวัดภาคอีสาน และ 56 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามแผนงานนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาประชาชน แก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาภัยหนาว และปัญหาอุบัติเหตุ โดยนายกฯ ขอให้ทางจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกจังหวัด เตรียมความพร้อม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นศูนย์กลาง ในส่วนของงบประมาณอะไรที่ได้มีการอนุมัติไปก่อนยุบสภา ให้มีการเบิกจ่ายได้ตามปกติ คณะรัฐมนตรีจะไม่อนุมัติอะไรที่เป็นเม็ดเงินใหม่ โดยเฉพาะงบฯ กลาง จะระมัดระวังมากที่สุด ยกเว้นกรณีฉุกเฉินจริงๆ ก็จะสอบถามไปยังกกต.ก่อน และขอให้ผู้ว่าฯ ยึดหลักความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แม้ได้ยินข่าวลืออะไรมาก็ตาม ขอให้ผู้ว่าฯ ทำหน้าที่ต่อไป สุดท้ายขอขอบคุณที่ทำงานร่วมกันมาตลอด 2 ปีกว่าของรัฐบาลชุดนี้
**สักการะพระเจ้าองค์ใหญ่เสริมมงคล
ต่อมา เวลา 18.00น. นายกฯ เดินทางมายังวัดบูรพาภิราม (วัดหัวรอ) เขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สักการะพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางประทานพร ที่สูงที่สุดในประเทศไทย พร้อมกับถวายสังฆทาน และกราบนมัสการพระครูปริยัติเจติยาภิบาล ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งโอกาสนี้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสได้มอบพระพุทธรัตนมงคลมหามุณี จำลอง ขนาด 12 นิ้ว พร้อมด้วยวัตถุมงคลกับคณะผู้ติดตามด้วย จากนั้นนายกฯ ได้สนทนาธรรมกับ พระครูปริยัติเจติยาภิบาล ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า ช่วงนี้เหนื่อยหน่อย แต่ก็ใช้ความอดทนยึดหลักสันติ มาต่างจังหวัดครั้งนี้มีกำลังใจขึ้น ด้านผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้สอบถามว่าเหนื่อยไหม แต่อย่าท้อ ดูข่าวก็ให้กำลังใจ คณะสงฆ์ก็สวดมนต์ทำวัตร ขอให้เข้มแข็ง สู้ ต้องอดทนอดกลั้น เพราะเราช่วยประเทศชาติ ก็ขอให้เดินทางกลับปลอดภัย และจากนั้นนายกฯก็กราบลา และเดินทางกลับทันที
**โวยรัฐบาลยืมมือศอ.รส.เล่นการเมือง
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งตรวจสอบกรณีการแถลงข่าวของ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ในช่วงเวลา 11.00 น.ในวันนี้ ที่มี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แถลงเกี่ยวกับการเก็บภาษีที่ไม่เข้าเป้า และยังสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจการคลังในขณะนี้ ซึ่งตนมองว่าทาง ศอ.รส. ควรแถลงเฉพาะเรื่องการบริหารสถานการณ์เฉพาะหน้าที่จำเป็นเร่งด่วน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ อาจมองได้ว่าเป็นการใช้เครื่องมือเพื่อสอดคล้องการหาเสียงของพรรคการเมืองรัฐบาล ดังนั้นกกต. ควรจับตาดูการกระทำของรัฐบาลรักษาการในขณะนี้ และขอเตือนข้าราชการระดับสูง ไม่ควรเอาอำนาจหน้าที่รับใช้นักการเมือง โดยเฉพาะช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมเตือนไปยังโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยถึงการถ่ายทอดสดโทรทัศน์ทุกช่องว่า เป็นการคุกคามสื่อเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการเมืองหรือไม่ อีกทั้งขอร้องไปยังรัฐบาลให้งดการทำงานเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น อย่างเช่นพฤติกรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เดินสายไปต่างจังหวัดในขณะนี้ ถือเป็นการเอาเปรียบและไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งหลังจากนี้ตนจะรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งให้ กกต. ตรวจสอบอีกด้วย
**กลุ่ม 40 ส.ว.แถลงการณ์บีบ“ปู”ลาออก
กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง ส.ว.สรรหา ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าในฐานะที่นายกฯเป็นผู้สร้างวิกฤติการณ์ร้ายแรง ควรแสดงความรับผิดชอบ และแสดงความจริงใจ ที่จะร่วมแก้ไขคลี่คลายวิกฤติของชาติ ดังนี้
1. เคารพและให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของมวลมหาประชาชนนับล้าน ที่แสดงออกอย่างสงบและสันติ ให้รัฐบาลเห็นว่า ประเทศประสบภาวะวิกฤติการณ์ร้ายแรงจากระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ภายใต้การครอบงำของทุนสามานย์ จำเป็นต้องปฏิรูประเทศก่อนการเลือกตั้ง
2.การปฏิรูปประเทศต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร หากทุกฝ่ายมีความจริงใจก็ตกลงใจร่วมมือที่จะขยายกรอบเวลาเลือกตั้งออกไปได้ ภายใต้บัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
3. หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการลาออกจากรักษาการนายกฯ เพื่อเปิดทางให้ปฏิรูประเทศ สามารถกระทำได้ และเป็นการกระทำที่สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
** เตือนปชป.คิดให้ดีถ้าจะบอยคอต
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โจมตีว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงรัฐบาลรักษาการ อาจจะทำให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมืองนั้น ว่า การรักษาการตำแหน่งนายกฯ ไม่ใช่ปัจจัยที่จะช่วยให้ใครชนะเลือกตั้งได้ เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 54 นั้น ถึงแม้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะดำรงตำแหน่งนายกฯ รักษาการ ในขณะนั้น แต่นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังแพ้เลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย
ส่วนกรณี กลุ่มอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ทำให้หลายฝ่ายฟันธงล่วงหน้าว่า ในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ พรรคประชาธิปัตย์ อาจตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน เพื่อปูทางให้เกิดสูญญากาศทางการเมือง อย่างที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องการ ใช่หรือไม่ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ บอยคอตการเลือกตั้งอีกครั้ง ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจ ที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ และเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ไม่แสดงบทบาทในการส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น จึงอยากให้ประชาธิปัตย์ คิดให้ดี ๆ เพราะถึงแม้ประชาธิปัตย์ ไม่ส่งผู้สมัคร ก็ไม่ได้แปลว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้ และพรรคประชาธิปัตย์เองจะเป็นฝ่ายเสียโอกาส ให้กับพรรคการเมืองอื่นๆ แล้วอย่ามาโทษว่าการเลือกตั้งไม่เป็นธรรม หรือเป็นเผด็จการ