"ชัตดาวน์ กรุงเทพฯ" วันที่ 4 กปปส. ยังเดินสายปฏิบัติการปิดสถานที่ราชการ "สุเทพ" จี้ "ประยุทธ์" ถึงเวลานำผบ.เหล่าทัพออกทีวี ประกาศอยู่ข้างประชาชน บีบ"ยิ่งลักษณ์" ลงจากเก้าอี้นายกฯ เหมือนสมัยที่"อนุพงษ์" จัดการรัฐบาล"สมชาย" ด้าน"ปึ้ง" คุยรู้ที่กบดาน"เทือก"แล้ว เตือนอย่าเผลอ เจอ"ทีมเหลิม"รวบตัวแน่ ลามปามเรียกหลวงปู่ "นายพุทธะอิสระ" ขณะที่ความรุนแรงในช่วงกลางคืนเริ่มถี่ ทั้งปาบึ้มบ้าน"อิสสระ" -ห้าแยกลาดพร้าว ปาประทัดยักษ์ใส่คปท.กลางวันแสกแสก
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มกปปส.เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ยังคงเดินสายไปให้กำลังใจมวลชนที่มาร่วมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตามเวทีต่างๆ ขณะที่แกนนำจากเวทีต่างๆ ก็ได้นำมวลชนออกปฏิบัติการปิดสถานที่ราชการและเชิญชวนข้าราชการเลิกรับใช้ระบอบทักษิณ ออกมาร่วมชุมนุมกับประชาชน
โดยนายณัฐพล ทีปสุวรรณ และ นายสกลธี ภัททิยกุล แกนนำ กปปส. ที่เวทีอโศก ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปปิดสำนักงานสรรพากร 3 แห่ง คือ สำนักงานสรรพากรกรุงเทพมหานคร เขต 14 ซอยสุขุมวิท 11, สำนักงานสรรพากรกรุงเทพมหานคร พื้นที่สาขาวัฒนา อาคาร ชิโนทัย ทาวเวอร์ และ สรรพากรภาค 2 อาคาร มนูญผล 1 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อไปทวงถามภาษีประชาชน และ เพื่อเชิญชวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ให้ออกไปร่วมชุมนุมกับประชาชนโดยไม่ต้องทำงาน โดยในช่วงที่เดินทางไป สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาค 2 นั้นขบวนได้ผ่านหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย แกนนำได้ปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย รวมถึงขอให้ตำรวจเข้าข้างประชาชน และโจมตีการทำหน้าที่ของตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ประมาณ 30 นาที และเมื่อไปถึง สำนักงานสรรพากรภาค 2 เจ้าหน้าที่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ด้านนายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส.ที่เวทีห้าแยกลาดพร้าว ได้นำมวลชนไป นำมวลชนเคลื่อนไปที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้มีข้าราชการออกมาร่วมในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการเดินทางไปให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กล้าออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
** "หลวงปู่"กล่อมตร.ออกจากศูนย์ราชการ
ขณะที่ หลวงปู่พุทธะอิสระ นำมวลชนที่เวทีแจ้งวัฒนะ ไปยังภายในศูนย์ราชการ อาคารเอ หลังพบว่ามีกำลังตำรวจเข้ามาในอาคาร เมื่อไปถึงได้พบกับ พ.ต.ท.ธีรเดช แจ่มแจ้ง รองผู้กำกับจราจร สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งได้ออกมาพูดคุย และพบปะกับมวลชนพร้อมด้วย พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก
พ.ต.อ.นฤชา กล่าวว่า กำลังพลที่อยู่ภายในอาคารเอ มีจำนวน 1 กองร้อย ซึ่งมาจากภูธรจังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้รับคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รักษาพื้นที่ภายในอาคาร เป็นเวลา 10 วัน และห้ามออกมาด้านนอกอาคาร พร้อมกับเน้นย้ำว่า ห้ามปะทะกับมวลชนอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านในอาคาร ออกมาแสดงตัวให้มวลชนได้เห็นว่ามีจำนวนเท่าใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินออกมาด้านนอก พร้อมกับตั้งแถวแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกันนี้ หลวงปู่พุทธอิสระเสนอให้ตำรวจออกจากพื้นที่ เนื่องจากปฏิบัติภารกิจครบ 10 วันแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.นฤชา ยินดีที่จะนำกำลังออกจากพื้นที่ในช่วงเที่ยงวันนี้ จากนั้นหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้มอบล็อกเกตของหลวงปู่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน จากนั้นมวลชนได้นำข้าวกล่องมาให้ตำรวจ และร่วมถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำ กปปส.ที่เวทีราชประสงค์ ได้นำมวลเดินเท้าไปที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หลังจากทราบว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ใช้เป็นที่ตั้งวอร์รูมกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่แทนกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จตุจักร ที่ถูก กปปส.ไปปิดมาก่อนหน้านี้ โดยมีพนักงาน รฟม. ลงจากอาคารเป่านกหวีดต้อนรับเป็นจำนวนมาก โดยแกนนำขอให้พนักงาน รฟม.และข้าราชการกระทรวงคมนาคมหยุดทำงาน เพื่อรับใช้รัฐบาลชุดนี้เพราะขาดความชอบธรรมแล้ว และชักชวนให้พนักงาน รฟม.เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. ซึ่งแกนนำ กปปส.ไม่ล่ามโซ่ประตูแต่อย่างใด แต่จะให้ปิดป้ายหยุดทำงาน
ช่วงบ่ายเวลา 14.00 น. แกนนำกปปส. อาทิ นายถาวร เสนเนียม นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนมายังกรมโยธาธิการ และผังเมือง เมื่อไปถึง ทางกรมโยธาฯได้ส่งนาย ไตรรัตน์ พูลสวัสดิ์ เลขานุการกรมโยธาฯมาให้การต้อนรับ และพาคณะของนายถาวรเดินทางไปเข้าตรวจสอบภายใน พบว่า ไม่มีข้าราชขการมาทำงานจึงเดินทางกลับไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
**'สุเทพ'อ้อนผบ.ทบ.ออกทีวีบีบ"ปู"ออก
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้ปราศรัยที่เวที สวนลุมพินี โดยยืนยัน จะยืนหยัดต่อสู้จนกว่าระบอบทักษิณจะหมดสิ้นจากแผ่นดินไทย ซึ่งปฏิบัติการของ กปปส. ที่ผ่านมา ทำให้ข้าราชการมาร่วมกับเรามากขึ้น และสถานที่ราชการทำงานไม่ได้ และคาดว่าจะปิดเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ส่วนอาทิตย์หน้า จะไปปิดบ้านนายกรัฐมนตรี และ ครม. จากนั้นจะดักจับครม.โดยสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะรัฐบาลขู่ผู้ชุมนุมก่อนว่า จะเดินทางไปปิดบ้านแกนนำ กปปส. จึงต้องปฏิบัติการก่อน
ส่ำหรับข่าวที่รัฐบาลจะจับตนนั้น ตนไม่กลัว หากรัฐบาลกระทำ มั่นใจว่าจะมีคนลุกขึ้นมาต่อสู้เพิ่มมากขึ้นแน่นอน
ส่วนที่เวทีแยกปทุมวัน นายสุเทพได้ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ถือโอกาสนี้กราบเรียนไปยังผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ประชาชนรักท่าน ที่ท่านคัดค้านไม่ให้เอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาเป็นเครื่องมือในการจัดการประชาชน
ผมเรียนกับท่านเลยว่า ท่านได้คะแนนเต็มๆเลย สุดยอด แต่ถ้าจะให้ดี วันไหนเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ออกทีวีพร้อมๆ กัน เหมือนสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ซึ่งเคยพาบรรดาผู้นำเหล่าทัพในขณะนั้นออกทีวี ในสมัยที่มีประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เช่นเดียวกับวันนี้ โดยในครั้งนั้นพล.อ.อนุพงษ์ ได้พูดอย่างชัดเจนว่า หากตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีประชาชนออกมาขับไล่ ก็ลาออกไปนานแล้ว
วันนี้ฉายอีกรอบเถอะ หนังเรื่องนี้อยากดูจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครับ ประชาชนรอท่านอยู่ ออกมาเลย ประกาศเลยว่าอยู่ข้างประชาชน สั้นๆ 2 ประโยคเท่านั้น เรื่องนี้จบเลย รัฐบาลนี้แหงแก๋แน่นอน เราก็จะต่อสู้ของเราต่อไป เดินหน้าตามแนวทางของเรา
** "ปึ้ง"ขู่"เทือก"อย่าเผลอเจอจับแน่
เมื่อเวลา 09.21 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการ เตรียมความพร้อมในการประชุมเวทีปฎิรูปประเทศ ที่จะมีขึ้นในวันเดียวกัน เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชากองทัพอากาศ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ แถลงผลการประชุมร่วมกับ ศอ.รส. ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รายงานถึงการติดตามจับกุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ในฐานะผู้ต้องหาคดีกบฏ พบว่ามีการอารักขารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากการ์ด 40 คน ใช้รถขบวน 8 คัน และพักที่โรงแรมย่านสี่แยกราชประสงค์ โดยตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ เพราะหากเข้าจับกุมในพื้นที่ชุมนุมจะไม่เป็นผลดี ดังนั้นตำรวจจึงจะใช้วิธีจับกุมคนร้ายแบบทั่วไป คือการใช้จังหวะที่เหมาะสม โดยชุดจับกุมนายสุเทพเป็นทีมของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ที่มี พล.ต.อ.ภานุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา เลขาธิการรมว.แรงงาน ดูแล
อีกทั้งยืนยันหากนายสุเทพเผลอ ตำรวจจะเข้าจับกุมทันที โดยย้ำจะไม่ดำเนินการถึงขั้นวิสามัญ เหมือนในภาพยนต์ต่างประเทศ หากมีการขัดขืน หรือใช้อาวุธต่อสู้ตำรวจ ก็จะต้องมีการป้องกันตัว และปฎิบัติตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม การเตรียมจับกุมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของตำรวจ ที่ต้องดำเนินการตามหมายจับ หากไม่ทำก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่เห็นว่าจะเป็นทางออกให้ยุติการชุมนุมได้
ส่วนทหารเรือที่ถูกจับกุมในพื้นที่ชุมนุม พบว่าเป็นทหารที่มารับงานดูแลการชุมนุม นอกเวลาราชการ โดยพบว่านำอาวุธจากทางราชการมาใช้ จึงจะให้ พล.อ.นิพันธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ประสานไปยังหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ รายงานข้อเท็จจริง
นายสุรพงษ์ยอมรับว่า ทราบข่าวที่แกนนำ กปปส.ประกาศให้มวลชนจับกุมนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมถึงตนเอง แต่เห็นว่าผู้ต้องหาคดีกบฏจะมาจับกุมคนดีๆ อย่างตนเองได้อย่างไร
สำหรับแถลงการณ์ของ ศอ.รส.ในนามรัฐบาลเมื่อวานนี้ ได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดล้อมกรมการกงสุล เปิดให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานเพื่อให้บริการประชาชน ที่จะเข้าไปทำหนังสือเดินทาง ซึ่งจากการปิดให้บริการ 4 วัน กระทบต่อปรชาชนจำนวน 16,000 คนแล้ว ดังนั้นจึงขอให้นายสุเทพ ประสานนายพุทธะอิสสระ ให้นำมวลชนออกจากพื้นที่โดยด่วน
**สั่งตรวจสอบ 3 ทร.พกอาวุธ
พล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับทหารเรือ 3 นายสังกัดกองเรือยุทธกาพกอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมและมีบัตรวีไอพีของผู้ชุมนุมกลุ่มคปท. จำนวน 3 ใบ โดยทางพล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษกองเรือยุทธการ เดินทางมายัง สน.นางเลิ้ง เพื่อนำหนังสือยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 3 นาย เป็นชุดติดตามข่าวยาเสพติดพร้อมทั้งประกันตัวทหารทั้ง 3 นาย ว่า ตนยังไม่ทราบข่าว กรณีที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งเดินทางกลับจากการตรวจหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) จ.หนองคาย ทั้งนี้ ทหารเรือทั้ง 3 นายคงไม่ใช่ชุด ปปส. กองทัพเรือที่ส่งเข้าไปในที่ชุมนุม หากทหารเรือคนใดเข้าไปร่วมชุมนุมทางกองทัพเรือต้องสอบสวน เพราะการเข้าไปโดยพลการ โดยกองทัพเรือไม่มีการสั่งการให้เข้าไปร่วมชุมนุมกับฝ่ายใด
“หากจะเข้าไปร่วมชุมนุมโดยส่วนตัวต้องไปในลักษณะของประชาชน หากไปกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย ต้องได้รับโทษทางกฎหมายเช่นเดียวกับประชาชนเหมือนกัน ยืนยันไม่มีการสั่งการจากการกองทัพเรือให้กำลังพลเข้าไปในที่ชุมนุมที่ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร อย่างไรก็ตาม ต้องขอเวลาในการตรวจสอบก่อนและสอบถามข้อเท็จจริงจาก พล.ร.ต.วินัยว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร”พล.ร.อ.พิจารน์ ระบุ
พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ(ลก.ทร.) ในฐานะโฆษกกองทัพเรือกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.)ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้รับทราบข่าว ก็สั่งการให้ พล.ร.ต.วินัย สอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงว่า เป็นการปฏิบัติเกินอำนาจหน้าที่ หากสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิด ก็จะต้องคณะกรรมการพิจารณาลงโทษทางวินัยและอาญา โดยจะไม่มีการปกป้องอย่างเด็ดขาด
**บึ้มบ้านอิสระสมชัย
ผู้สื่อข่าวรายงานการก่อเหตุความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส. เมื่อคืนวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเกิดเหตุขว้างระเบิดใส่บ้านนายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส. ย่านทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กลางดึก
โดย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น. 2 พร้อมด้วยพ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบที่ บ้านเลขที่ 98/225 หมู่บ้านหลักสี่วิลล่า ซ.แจ้งวัฒนะ 10 แขวงทุ่งสองสอง เขตหลักสี่ กทม.ซึ่งเป็นบ้านของนายอิสสระ พบว่าบริเวณลานจอรถ มีสะเก็ดพลาสติก และเขม่าดินระเบิดจำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบพบรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำน้ำเงิน ทะเบียน ขธต 296 อุดรธานี ได้รับความเสียหายที่ตะกร้าด้านหน้า และรถตู้ยี่ห้อ ฮุนได สีดำ ทะเบียน ญค 9997 กทม.ได้รับความเสียหายที่ตัวถังด้านท้ายเล็กน้อย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบเฟืองเหล็กตกอยู่ 3 ชิ้น จึงเก็บไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่าเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. (16ม.ค.) คนร้ายได้ใช้รถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียน เป็นยานพาหนะ ซึ่งขับวนไปมาหลายรอบ ก่อนปาระเบิดไม่ทราบชนิดใส่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนขับรถหลบหนีไป โดยขณะเหตุเกิดนายอิสระ ไม่อยู่บ้าน มีเพียงแม่บ้านคนเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายต้องการข่มขู่ นายอิสสระ ที่ออกมาเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในตอนนี้ ส่วนชิ้นส่วนระเบิดที่พบนั้น คาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของประทัดยักษ์ เพราะไม่พบสะเก็ดระเบิดตกอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงปิดภายในหมู่บ้าน และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
** ปาระเบิดห้าแยกลาดพร้าว
ต่อมาในช่วงเช้ามืด (16ม.ค.) เกิดเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดลงมาจากสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าว โดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการก่อเหตุก่อนขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จากการตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดแบบประดิษฐ์เอง โดยระเบิดดังกล่าวไปติดที่ราวกั้นบนสะพานก่อนที่จะระเบิดขึ้น การ์ดที่คอยดูแลบริเวณดังกล่าวจึงเก็บรวบรวมเศษระเบิด ซึ่งมีลักษณะเป็นเศษอะลูมิเนียมขนาดเล็ก
ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ได้แถลงถึงเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องร่อยชิ้นส่วนหลักฐานใดๆ ที่สามารถเป็นพยานหลักฐานในการตรวจสอบหาที่มาของเสียงดังกล่าวได้ โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน จึงได้ลงประจำไว้เป็นหลักฐาน โดยจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
พล.ต.ต.อดุลย์ ยังได้แถลงเกี่ยวกับกรณีที่ สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์โดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน 30-4489 จังหวัดสงขลา เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา โดยตัวรถได้รับความเสียหายที่บริเวณล้อหลังด้านซ้าย และด้านข้างแถบซ้ายของตัวรถ คิดเป็นความเสียหายประมาณ 50,000 บาท ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ นายดำรงศักดิ์ มังคะทะโน ได้นำรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถสถานีขนส่งสายใต้เก่า แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. จากนั้นได้นอนอยู่บนรถคันดังกล่าว ต่อมาได้สังเกตเห็นควันลุกไหม้ที่บริเวณล้อหลังด้านซ้ายของรถ จึงรีบทำการดับเพลิงไว้ได้ โดยที่ยังไม่ลุกลาม ภายหลังรับแจ้งเหตุ พนักงานสอบสวนได้ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจที่เกิดเหตุ โดยสันนิษฐานได้ในเบื้องต้น ว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากมีคนร้ายยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ใช้ผ้าชุบน้ำมันจุดไฟเผาที่บริเวณล้อรถดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งจะทำการสืบสวนหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้
**ปาประทัดยักษ์ใส่คปท.กลางวันแสกแสก
นอกจากนี้ เมื่อเวลาประมาณ 12.45 น.(16 ม.ค.) เกิดเหตุประทัดยักษ์ระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ที่บริเวณแนวบังเกอร์หน้าด่านทางเข้า ที่ชุมนุมกลุ่ม คปท. บริเวณ ถนนพระรามที่ 5 ข้างสนามม้านางเลิ้ง โดยเหตุระเบิด ห่างกัน 5 นาที ครั้งแรกเวลา 12.45 น. และครั้งที่ 2 เวลา 12.50 น. ซึ่งครั้งที่ 2 ได้มีการ์ดคปท. ผู้ชุมนุม และสื่อมวลชนเดินมาตรวจสอบเหตุการณ์ การ์ดซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า แนวประทัดปามาจากสนามม้านางเลิ้ง จากนั้นการ์ดคปท. จึงได้กระจายกันวิ่ง เพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบการชุมนุม คปท. และเข้าตรวจสอบในสนามม้านางเลิ้ง ต่อมาเมื่อ เวลา 13.00 น. จับกุมตัวชายต้องสงสัยได้ โดยพบชายคนดังกล่าว บริเวณริมคูคลอง มีพฤติกรรมซุ่มอยู่หลังต้นไม้ ริมถนนพระราม 5 บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมกับมีปืนยิงปลา จึงควบคุมตัวมาสอบที่ด้านหลังเวทีปราศรัย
นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าการ์ด คปท. กล่าวว่า ชายต้องสงสัยคนดังกล่าวชื่อนายสัมพันธ์ เรืองสี อายุ 41 ปี อ้างว่าเป็นพนักงานตัดหญ้าชั่วคราวในสนามม้านางเลิ้ง ซึ่งถูกจ้างเป็นครั้งคราว ขณะเกิดเหตุได้กำลังมายิงปลา และได้ยินเสียงดังขึ้น 2 ครั้ง แต่ไม่ได้สนใจยังเดินหายิงปลาต่อไป ทางแยกวัดเบญจฯ ระหว่างนี้ ทางคปท. กำลังประสานขอตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ในสนามม้านางเลิ้ง ว่า เป็นพนักงานของสนามม้าจริงหรือไม่ และจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนต่อไป
** คดีบึ้มบ้าน"อภิสิทธิ์"ไม่คืบ
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสวบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกปปส.ว่า ยังมีผลการจับกุมผู้พกพาอาวุธปืนทุกวัน ทางพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ได้สั่งการให้เร่งรัดพิสูจน์หาหลักฐาน กรณีเหตุปาระเบิดใส่บ้านพัก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเหตุที่บริเวณสะพานหัวช้าง ส่วนในที่ประชุม ศอ.รส. ได้สั่งการให้เร่งพิสูจน์กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้ายในหลายพื้นที่ และให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกราย รวมทั้งให้ปรับวิธีการทำงานของฝ่ายข่าว ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มกปปส.เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ยังคงเดินสายไปให้กำลังใจมวลชนที่มาร่วมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตามเวทีต่างๆ ขณะที่แกนนำจากเวทีต่างๆ ก็ได้นำมวลชนออกปฏิบัติการปิดสถานที่ราชการและเชิญชวนข้าราชการเลิกรับใช้ระบอบทักษิณ ออกมาร่วมชุมนุมกับประชาชน
โดยนายณัฐพล ทีปสุวรรณ และ นายสกลธี ภัททิยกุล แกนนำ กปปส. ที่เวทีอโศก ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปปิดสำนักงานสรรพากร 3 แห่ง คือ สำนักงานสรรพากรกรุงเทพมหานคร เขต 14 ซอยสุขุมวิท 11, สำนักงานสรรพากรกรุงเทพมหานคร พื้นที่สาขาวัฒนา อาคาร ชิโนทัย ทาวเวอร์ และ สรรพากรภาค 2 อาคาร มนูญผล 1 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อไปทวงถามภาษีประชาชน และ เพื่อเชิญชวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ให้ออกไปร่วมชุมนุมกับประชาชนโดยไม่ต้องทำงาน โดยในช่วงที่เดินทางไป สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาค 2 นั้นขบวนได้ผ่านหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย แกนนำได้ปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย รวมถึงขอให้ตำรวจเข้าข้างประชาชน และโจมตีการทำหน้าที่ของตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ประมาณ 30 นาที และเมื่อไปถึง สำนักงานสรรพากรภาค 2 เจ้าหน้าที่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ด้านนายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส.ที่เวทีห้าแยกลาดพร้าว ได้นำมวลชนไป นำมวลชนเคลื่อนไปที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้มีข้าราชการออกมาร่วมในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการเดินทางไปให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กล้าออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
** "หลวงปู่"กล่อมตร.ออกจากศูนย์ราชการ
ขณะที่ หลวงปู่พุทธะอิสระ นำมวลชนที่เวทีแจ้งวัฒนะ ไปยังภายในศูนย์ราชการ อาคารเอ หลังพบว่ามีกำลังตำรวจเข้ามาในอาคาร เมื่อไปถึงได้พบกับ พ.ต.ท.ธีรเดช แจ่มแจ้ง รองผู้กำกับจราจร สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งได้ออกมาพูดคุย และพบปะกับมวลชนพร้อมด้วย พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก
พ.ต.อ.นฤชา กล่าวว่า กำลังพลที่อยู่ภายในอาคารเอ มีจำนวน 1 กองร้อย ซึ่งมาจากภูธรจังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้รับคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รักษาพื้นที่ภายในอาคาร เป็นเวลา 10 วัน และห้ามออกมาด้านนอกอาคาร พร้อมกับเน้นย้ำว่า ห้ามปะทะกับมวลชนอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านในอาคาร ออกมาแสดงตัวให้มวลชนได้เห็นว่ามีจำนวนเท่าใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินออกมาด้านนอก พร้อมกับตั้งแถวแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกันนี้ หลวงปู่พุทธอิสระเสนอให้ตำรวจออกจากพื้นที่ เนื่องจากปฏิบัติภารกิจครบ 10 วันแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.นฤชา ยินดีที่จะนำกำลังออกจากพื้นที่ในช่วงเที่ยงวันนี้ จากนั้นหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้มอบล็อกเกตของหลวงปู่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน จากนั้นมวลชนได้นำข้าวกล่องมาให้ตำรวจ และร่วมถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำ กปปส.ที่เวทีราชประสงค์ ได้นำมวลเดินเท้าไปที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หลังจากทราบว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ใช้เป็นที่ตั้งวอร์รูมกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่แทนกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จตุจักร ที่ถูก กปปส.ไปปิดมาก่อนหน้านี้ โดยมีพนักงาน รฟม. ลงจากอาคารเป่านกหวีดต้อนรับเป็นจำนวนมาก โดยแกนนำขอให้พนักงาน รฟม.และข้าราชการกระทรวงคมนาคมหยุดทำงาน เพื่อรับใช้รัฐบาลชุดนี้เพราะขาดความชอบธรรมแล้ว และชักชวนให้พนักงาน รฟม.เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. ซึ่งแกนนำ กปปส.ไม่ล่ามโซ่ประตูแต่อย่างใด แต่จะให้ปิดป้ายหยุดทำงาน
ช่วงบ่ายเวลา 14.00 น. แกนนำกปปส. อาทิ นายถาวร เสนเนียม นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนมายังกรมโยธาธิการ และผังเมือง เมื่อไปถึง ทางกรมโยธาฯได้ส่งนาย ไตรรัตน์ พูลสวัสดิ์ เลขานุการกรมโยธาฯมาให้การต้อนรับ และพาคณะของนายถาวรเดินทางไปเข้าตรวจสอบภายใน พบว่า ไม่มีข้าราชขการมาทำงานจึงเดินทางกลับไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
**'สุเทพ'อ้อนผบ.ทบ.ออกทีวีบีบ"ปู"ออก
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้ปราศรัยที่เวที สวนลุมพินี โดยยืนยัน จะยืนหยัดต่อสู้จนกว่าระบอบทักษิณจะหมดสิ้นจากแผ่นดินไทย ซึ่งปฏิบัติการของ กปปส. ที่ผ่านมา ทำให้ข้าราชการมาร่วมกับเรามากขึ้น และสถานที่ราชการทำงานไม่ได้ และคาดว่าจะปิดเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ส่วนอาทิตย์หน้า จะไปปิดบ้านนายกรัฐมนตรี และ ครม. จากนั้นจะดักจับครม.โดยสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะรัฐบาลขู่ผู้ชุมนุมก่อนว่า จะเดินทางไปปิดบ้านแกนนำ กปปส. จึงต้องปฏิบัติการก่อน
ส่ำหรับข่าวที่รัฐบาลจะจับตนนั้น ตนไม่กลัว หากรัฐบาลกระทำ มั่นใจว่าจะมีคนลุกขึ้นมาต่อสู้เพิ่มมากขึ้นแน่นอน
ส่วนที่เวทีแยกปทุมวัน นายสุเทพได้ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ถือโอกาสนี้กราบเรียนไปยังผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ประชาชนรักท่าน ที่ท่านคัดค้านไม่ให้เอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาเป็นเครื่องมือในการจัดการประชาชน
ผมเรียนกับท่านเลยว่า ท่านได้คะแนนเต็มๆเลย สุดยอด แต่ถ้าจะให้ดี วันไหนเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ออกทีวีพร้อมๆ กัน เหมือนสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ซึ่งเคยพาบรรดาผู้นำเหล่าทัพในขณะนั้นออกทีวี ในสมัยที่มีประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เช่นเดียวกับวันนี้ โดยในครั้งนั้นพล.อ.อนุพงษ์ ได้พูดอย่างชัดเจนว่า หากตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีประชาชนออกมาขับไล่ ก็ลาออกไปนานแล้ว
วันนี้ฉายอีกรอบเถอะ หนังเรื่องนี้อยากดูจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครับ ประชาชนรอท่านอยู่ ออกมาเลย ประกาศเลยว่าอยู่ข้างประชาชน สั้นๆ 2 ประโยคเท่านั้น เรื่องนี้จบเลย รัฐบาลนี้แหงแก๋แน่นอน เราก็จะต่อสู้ของเราต่อไป เดินหน้าตามแนวทางของเรา
** "ปึ้ง"ขู่"เทือก"อย่าเผลอเจอจับแน่
เมื่อเวลา 09.21 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการ เตรียมความพร้อมในการประชุมเวทีปฎิรูปประเทศ ที่จะมีขึ้นในวันเดียวกัน เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชากองทัพอากาศ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ แถลงผลการประชุมร่วมกับ ศอ.รส. ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รายงานถึงการติดตามจับกุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ในฐานะผู้ต้องหาคดีกบฏ พบว่ามีการอารักขารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากการ์ด 40 คน ใช้รถขบวน 8 คัน และพักที่โรงแรมย่านสี่แยกราชประสงค์ โดยตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ เพราะหากเข้าจับกุมในพื้นที่ชุมนุมจะไม่เป็นผลดี ดังนั้นตำรวจจึงจะใช้วิธีจับกุมคนร้ายแบบทั่วไป คือการใช้จังหวะที่เหมาะสม โดยชุดจับกุมนายสุเทพเป็นทีมของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ที่มี พล.ต.อ.ภานุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา เลขาธิการรมว.แรงงาน ดูแล
อีกทั้งยืนยันหากนายสุเทพเผลอ ตำรวจจะเข้าจับกุมทันที โดยย้ำจะไม่ดำเนินการถึงขั้นวิสามัญ เหมือนในภาพยนต์ต่างประเทศ หากมีการขัดขืน หรือใช้อาวุธต่อสู้ตำรวจ ก็จะต้องมีการป้องกันตัว และปฎิบัติตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม การเตรียมจับกุมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของตำรวจ ที่ต้องดำเนินการตามหมายจับ หากไม่ทำก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่เห็นว่าจะเป็นทางออกให้ยุติการชุมนุมได้
ส่วนทหารเรือที่ถูกจับกุมในพื้นที่ชุมนุม พบว่าเป็นทหารที่มารับงานดูแลการชุมนุม นอกเวลาราชการ โดยพบว่านำอาวุธจากทางราชการมาใช้ จึงจะให้ พล.อ.นิพันธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ประสานไปยังหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ รายงานข้อเท็จจริง
นายสุรพงษ์ยอมรับว่า ทราบข่าวที่แกนนำ กปปส.ประกาศให้มวลชนจับกุมนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมถึงตนเอง แต่เห็นว่าผู้ต้องหาคดีกบฏจะมาจับกุมคนดีๆ อย่างตนเองได้อย่างไร
สำหรับแถลงการณ์ของ ศอ.รส.ในนามรัฐบาลเมื่อวานนี้ ได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดล้อมกรมการกงสุล เปิดให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานเพื่อให้บริการประชาชน ที่จะเข้าไปทำหนังสือเดินทาง ซึ่งจากการปิดให้บริการ 4 วัน กระทบต่อปรชาชนจำนวน 16,000 คนแล้ว ดังนั้นจึงขอให้นายสุเทพ ประสานนายพุทธะอิสสระ ให้นำมวลชนออกจากพื้นที่โดยด่วน
**สั่งตรวจสอบ 3 ทร.พกอาวุธ
พล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับทหารเรือ 3 นายสังกัดกองเรือยุทธกาพกอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมและมีบัตรวีไอพีของผู้ชุมนุมกลุ่มคปท. จำนวน 3 ใบ โดยทางพล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษกองเรือยุทธการ เดินทางมายัง สน.นางเลิ้ง เพื่อนำหนังสือยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 3 นาย เป็นชุดติดตามข่าวยาเสพติดพร้อมทั้งประกันตัวทหารทั้ง 3 นาย ว่า ตนยังไม่ทราบข่าว กรณีที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งเดินทางกลับจากการตรวจหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) จ.หนองคาย ทั้งนี้ ทหารเรือทั้ง 3 นายคงไม่ใช่ชุด ปปส. กองทัพเรือที่ส่งเข้าไปในที่ชุมนุม หากทหารเรือคนใดเข้าไปร่วมชุมนุมทางกองทัพเรือต้องสอบสวน เพราะการเข้าไปโดยพลการ โดยกองทัพเรือไม่มีการสั่งการให้เข้าไปร่วมชุมนุมกับฝ่ายใด
“หากจะเข้าไปร่วมชุมนุมโดยส่วนตัวต้องไปในลักษณะของประชาชน หากไปกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย ต้องได้รับโทษทางกฎหมายเช่นเดียวกับประชาชนเหมือนกัน ยืนยันไม่มีการสั่งการจากการกองทัพเรือให้กำลังพลเข้าไปในที่ชุมนุมที่ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร อย่างไรก็ตาม ต้องขอเวลาในการตรวจสอบก่อนและสอบถามข้อเท็จจริงจาก พล.ร.ต.วินัยว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร”พล.ร.อ.พิจารน์ ระบุ
พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ(ลก.ทร.) ในฐานะโฆษกกองทัพเรือกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.)ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้รับทราบข่าว ก็สั่งการให้ พล.ร.ต.วินัย สอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงว่า เป็นการปฏิบัติเกินอำนาจหน้าที่ หากสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิด ก็จะต้องคณะกรรมการพิจารณาลงโทษทางวินัยและอาญา โดยจะไม่มีการปกป้องอย่างเด็ดขาด
**บึ้มบ้านอิสระสมชัย
ผู้สื่อข่าวรายงานการก่อเหตุความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส. เมื่อคืนวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเกิดเหตุขว้างระเบิดใส่บ้านนายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส. ย่านทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กลางดึก
โดย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น. 2 พร้อมด้วยพ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบที่ บ้านเลขที่ 98/225 หมู่บ้านหลักสี่วิลล่า ซ.แจ้งวัฒนะ 10 แขวงทุ่งสองสอง เขตหลักสี่ กทม.ซึ่งเป็นบ้านของนายอิสสระ พบว่าบริเวณลานจอรถ มีสะเก็ดพลาสติก และเขม่าดินระเบิดจำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบพบรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำน้ำเงิน ทะเบียน ขธต 296 อุดรธานี ได้รับความเสียหายที่ตะกร้าด้านหน้า และรถตู้ยี่ห้อ ฮุนได สีดำ ทะเบียน ญค 9997 กทม.ได้รับความเสียหายที่ตัวถังด้านท้ายเล็กน้อย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบเฟืองเหล็กตกอยู่ 3 ชิ้น จึงเก็บไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่าเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. (16ม.ค.) คนร้ายได้ใช้รถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียน เป็นยานพาหนะ ซึ่งขับวนไปมาหลายรอบ ก่อนปาระเบิดไม่ทราบชนิดใส่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนขับรถหลบหนีไป โดยขณะเหตุเกิดนายอิสระ ไม่อยู่บ้าน มีเพียงแม่บ้านคนเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายต้องการข่มขู่ นายอิสสระ ที่ออกมาเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในตอนนี้ ส่วนชิ้นส่วนระเบิดที่พบนั้น คาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของประทัดยักษ์ เพราะไม่พบสะเก็ดระเบิดตกอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงปิดภายในหมู่บ้าน และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
** ปาระเบิดห้าแยกลาดพร้าว
ต่อมาในช่วงเช้ามืด (16ม.ค.) เกิดเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดลงมาจากสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าว โดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการก่อเหตุก่อนขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จากการตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดแบบประดิษฐ์เอง โดยระเบิดดังกล่าวไปติดที่ราวกั้นบนสะพานก่อนที่จะระเบิดขึ้น การ์ดที่คอยดูแลบริเวณดังกล่าวจึงเก็บรวบรวมเศษระเบิด ซึ่งมีลักษณะเป็นเศษอะลูมิเนียมขนาดเล็ก
ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ได้แถลงถึงเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องร่อยชิ้นส่วนหลักฐานใดๆ ที่สามารถเป็นพยานหลักฐานในการตรวจสอบหาที่มาของเสียงดังกล่าวได้ โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน จึงได้ลงประจำไว้เป็นหลักฐาน โดยจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
พล.ต.ต.อดุลย์ ยังได้แถลงเกี่ยวกับกรณีที่ สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์โดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน 30-4489 จังหวัดสงขลา เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา โดยตัวรถได้รับความเสียหายที่บริเวณล้อหลังด้านซ้าย และด้านข้างแถบซ้ายของตัวรถ คิดเป็นความเสียหายประมาณ 50,000 บาท ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ นายดำรงศักดิ์ มังคะทะโน ได้นำรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถสถานีขนส่งสายใต้เก่า แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. จากนั้นได้นอนอยู่บนรถคันดังกล่าว ต่อมาได้สังเกตเห็นควันลุกไหม้ที่บริเวณล้อหลังด้านซ้ายของรถ จึงรีบทำการดับเพลิงไว้ได้ โดยที่ยังไม่ลุกลาม ภายหลังรับแจ้งเหตุ พนักงานสอบสวนได้ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจที่เกิดเหตุ โดยสันนิษฐานได้ในเบื้องต้น ว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากมีคนร้ายยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ใช้ผ้าชุบน้ำมันจุดไฟเผาที่บริเวณล้อรถดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งจะทำการสืบสวนหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้
**ปาประทัดยักษ์ใส่คปท.กลางวันแสกแสก
นอกจากนี้ เมื่อเวลาประมาณ 12.45 น.(16 ม.ค.) เกิดเหตุประทัดยักษ์ระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ที่บริเวณแนวบังเกอร์หน้าด่านทางเข้า ที่ชุมนุมกลุ่ม คปท. บริเวณ ถนนพระรามที่ 5 ข้างสนามม้านางเลิ้ง โดยเหตุระเบิด ห่างกัน 5 นาที ครั้งแรกเวลา 12.45 น. และครั้งที่ 2 เวลา 12.50 น. ซึ่งครั้งที่ 2 ได้มีการ์ดคปท. ผู้ชุมนุม และสื่อมวลชนเดินมาตรวจสอบเหตุการณ์ การ์ดซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า แนวประทัดปามาจากสนามม้านางเลิ้ง จากนั้นการ์ดคปท. จึงได้กระจายกันวิ่ง เพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบการชุมนุม คปท. และเข้าตรวจสอบในสนามม้านางเลิ้ง ต่อมาเมื่อ เวลา 13.00 น. จับกุมตัวชายต้องสงสัยได้ โดยพบชายคนดังกล่าว บริเวณริมคูคลอง มีพฤติกรรมซุ่มอยู่หลังต้นไม้ ริมถนนพระราม 5 บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมกับมีปืนยิงปลา จึงควบคุมตัวมาสอบที่ด้านหลังเวทีปราศรัย
นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าการ์ด คปท. กล่าวว่า ชายต้องสงสัยคนดังกล่าวชื่อนายสัมพันธ์ เรืองสี อายุ 41 ปี อ้างว่าเป็นพนักงานตัดหญ้าชั่วคราวในสนามม้านางเลิ้ง ซึ่งถูกจ้างเป็นครั้งคราว ขณะเกิดเหตุได้กำลังมายิงปลา และได้ยินเสียงดังขึ้น 2 ครั้ง แต่ไม่ได้สนใจยังเดินหายิงปลาต่อไป ทางแยกวัดเบญจฯ ระหว่างนี้ ทางคปท. กำลังประสานขอตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ในสนามม้านางเลิ้ง ว่า เป็นพนักงานของสนามม้าจริงหรือไม่ และจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนต่อไป
** คดีบึ้มบ้าน"อภิสิทธิ์"ไม่คืบ
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสวบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกปปส.ว่า ยังมีผลการจับกุมผู้พกพาอาวุธปืนทุกวัน ทางพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ได้สั่งการให้เร่งรัดพิสูจน์หาหลักฐาน กรณีเหตุปาระเบิดใส่บ้านพัก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเหตุที่บริเวณสะพานหัวช้าง ส่วนในที่ประชุม ศอ.รส. ได้สั่งการให้เร่งพิสูจน์กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้ายในหลายพื้นที่ และให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกราย รวมทั้งให้ปรับวิธีการทำงานของฝ่ายข่าว ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น