สำนักข่าวรอยเตอร์นำเสนอมุมมองชาวต่างชาติที่อาศัยหรือทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ซึ่งบางคนเล็งเห็นปัญหาและตัดสินใจออกมาร่วมต่อสู้กับคนไทยในการขับไล่ "ระบอบทักษิณ"
จอร์เกน โมเวราร์ เป็นชาวสวีเดนที่ภาคภูมิใจในชาติของเขา รักการเล่นสกี ชื่นชอบอากาศที่หนาวเย็น และพอใจกับชีวิตในบ้านเกิดที่มีเสถียรภาพและเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่ในฐานะคนต่างชาติที่มาอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้ 3 ปีแล้ว หนุ่มใหญ่วัย 45 ปีเอ่ยถึงอนาคตของบ้านหลังที่สองนี้ว่า คงจะไม่พ้น “รัฐประหาร” อีกรอบในเร็วๆนี้
“มันฟังดูแย่มากเลย เพราะผมมาจากประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับระบอบประชาธิปไตย” โมเวราร์ ซึ่งติดริบบิ้นสีธงชาติไทยไว้ที่ปกเสื้อเชิร์ต ให้สัมภาษณ์ใกล้กับพื้นที่ชุมนุม “ชัตดาวน์” ในกรุงเทพมหานคร
ขณะที่คนไทยหลายแสนคนออกมาปิดถนนยึดเมืองหลวงเพื่อบีบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งก็ออกมาแสดงจุดยืนของพวกเขาด้วย
ปรากฏการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วระหว่างการชุมนุมคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ เมื่อปี 2010 โดยหลังจากที่รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุมก็มีการจับกุมชาวอังกฤษและชาวออสเตรเลียที่ร่วมประท้วงกับกลุ่ม นปช. (ซึ่งต่อมาได้รับการปล่อยตัว) หนึ่งในนั้นคือ เจฟฟ์ ซาเวจ ชาวอังกฤษซึ่งเรียกความสนใจจากประชาคมอินเทอร์เน็ตได้ประปราย หลังปรากฎคลิปวีดีโอที่เขาเชิญชวนให้ผู้ชุมนุมทำลายและปล้นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และต่อมาศูนย์การค้าแห่งนี้ก็ถูกวางเพลิง
สำหรับครั้งนี้แม้เหตุการณ์ไม่เลวร้ายเท่าครั้งก่อน แต่มีเสียงสะท้อนจากชาวต่างชาติที่รู้สึกว่าตนเองมีส่วนได้ส่วนเสียกับอนาคตของประเทศไทย ซึ่งความเห็นของพวกเขาก็ได้รับเสียงชื่นชมจากคนไทยที่คิดเห็นตรงกัน และถูกตอกกลับจากอีกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย
โมเวราร์ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทการตลาดในไทย ยอมรับว่า อันที่จริงแล้ววิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่การต่อสู้ของเขา” โดยตรง
ประชาชนคนไทยที่ออกมามาร่วมชุมนุมกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ต้องการโค่นล้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อกำจัดสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ระบอบทักษิณ” หรือการใช้อิทธิพลครอบงำการเมืองไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯผู้หนีคดีทุจริตอยู่ในต่างแดน
กลุ่ม กปปส. ต้องการให้มีการจัดตั้ง “สภาประชาชน” อันประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากสาขาอาชีพที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาบริหารประเทศชั่วคราว เพื่อกำจัดอิทธิพลของทักษิณให้หมดไปอย่างสิ้นเชิงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่
ฝ่ายต่อต้านทักษิณอ้างว่า พรรคของเขาชนะเลือกตั้งทุกครั้งเพราะ “ซื้อเสียง” จากกลุ่มคนรากหญ้าที่ยังไม่มีความรู้มากพอ
แจน ปลานเตนกา ที่ปรึกษาด้านการธนาคารชาวดัตช์ ตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เขาได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีชุมนุมแห่งหนึ่งของ กปปส. และเมื่อวันจันทร์(13) ก็ได้ขึ้นเวทีอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ระมัดระวังคำพูดมากขึ้น
“ผมไปขึ้นเวทีกับแฟนอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเกรงจะกระทบต่อการขอวีซา” ปลานเตนกา ซึ่งสวมริสต์แบนด์สีธงชาติไทย ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
ผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณบางคนรู้สึกปลื้มเมื่อเห็นคนต่างชาติมาร่วมกิจกรรมกับพวกเขา เพราะแสดงให้เห็นว่าคนนอกและสื่อต่างชาติก็เข้าใจและเห็นใจการต่อสู้ในไทย ซึ่งในมุมหนึ่งก็เป็นการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก
“คนต่างชาติส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมเราถึงต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นการได้เห็นพวกเขามาร่วมชุมนุมกับเราจึงเป็นสิ่งที่ดี” มนตรี ผู้ประท้วงจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้สัมภาษณ์ใกล้ย่านสีลม
อย่างไรก็ดี ผู้ชุมนุมบางคนก็รู้สึก “งง” ที่เห็นคนต่างชาติมาเข้าร่วมด้วย
“(ชาวต่างชาติ) ไม่เกี่ยวอะไรด้วย นี่เป็นเรื่องในประเทศเรา เป็นเรื่องของคนไทย และเท่าที่เห็นมาคนต่างชาติที่มาชุมนุมก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก” อัญชลี เมฆลอย แม่บ้านวัย 59 ปีซึ่งเป็นชาวกรุงเทพมหานคร กล่าว
จอร์เกน โมเวราร์ เป็นชาวสวีเดนที่ภาคภูมิใจในชาติของเขา รักการเล่นสกี ชื่นชอบอากาศที่หนาวเย็น และพอใจกับชีวิตในบ้านเกิดที่มีเสถียรภาพและเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ แต่ในฐานะคนต่างชาติที่มาอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้ 3 ปีแล้ว หนุ่มใหญ่วัย 45 ปีเอ่ยถึงอนาคตของบ้านหลังที่สองนี้ว่า คงจะไม่พ้น “รัฐประหาร” อีกรอบในเร็วๆนี้
“มันฟังดูแย่มากเลย เพราะผมมาจากประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับระบอบประชาธิปไตย” โมเวราร์ ซึ่งติดริบบิ้นสีธงชาติไทยไว้ที่ปกเสื้อเชิร์ต ให้สัมภาษณ์ใกล้กับพื้นที่ชุมนุม “ชัตดาวน์” ในกรุงเทพมหานคร
ขณะที่คนไทยหลายแสนคนออกมาปิดถนนยึดเมืองหลวงเพื่อบีบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งก็ออกมาแสดงจุดยืนของพวกเขาด้วย
ปรากฏการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วระหว่างการชุมนุมคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ เมื่อปี 2010 โดยหลังจากที่รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุมก็มีการจับกุมชาวอังกฤษและชาวออสเตรเลียที่ร่วมประท้วงกับกลุ่ม นปช. (ซึ่งต่อมาได้รับการปล่อยตัว) หนึ่งในนั้นคือ เจฟฟ์ ซาเวจ ชาวอังกฤษซึ่งเรียกความสนใจจากประชาคมอินเทอร์เน็ตได้ประปราย หลังปรากฎคลิปวีดีโอที่เขาเชิญชวนให้ผู้ชุมนุมทำลายและปล้นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และต่อมาศูนย์การค้าแห่งนี้ก็ถูกวางเพลิง
สำหรับครั้งนี้แม้เหตุการณ์ไม่เลวร้ายเท่าครั้งก่อน แต่มีเสียงสะท้อนจากชาวต่างชาติที่รู้สึกว่าตนเองมีส่วนได้ส่วนเสียกับอนาคตของประเทศไทย ซึ่งความเห็นของพวกเขาก็ได้รับเสียงชื่นชมจากคนไทยที่คิดเห็นตรงกัน และถูกตอกกลับจากอีกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย
โมเวราร์ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทการตลาดในไทย ยอมรับว่า อันที่จริงแล้ววิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่การต่อสู้ของเขา” โดยตรง
ประชาชนคนไทยที่ออกมามาร่วมชุมนุมกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ต้องการโค่นล้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อกำจัดสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ระบอบทักษิณ” หรือการใช้อิทธิพลครอบงำการเมืองไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯผู้หนีคดีทุจริตอยู่ในต่างแดน
กลุ่ม กปปส. ต้องการให้มีการจัดตั้ง “สภาประชาชน” อันประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากสาขาอาชีพที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาบริหารประเทศชั่วคราว เพื่อกำจัดอิทธิพลของทักษิณให้หมดไปอย่างสิ้นเชิงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่
ฝ่ายต่อต้านทักษิณอ้างว่า พรรคของเขาชนะเลือกตั้งทุกครั้งเพราะ “ซื้อเสียง” จากกลุ่มคนรากหญ้าที่ยังไม่มีความรู้มากพอ
แจน ปลานเตนกา ที่ปรึกษาด้านการธนาคารชาวดัตช์ ตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เขาได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีชุมนุมแห่งหนึ่งของ กปปส. และเมื่อวันจันทร์(13) ก็ได้ขึ้นเวทีอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ระมัดระวังคำพูดมากขึ้น
“ผมไปขึ้นเวทีกับแฟนอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเกรงจะกระทบต่อการขอวีซา” ปลานเตนกา ซึ่งสวมริสต์แบนด์สีธงชาติไทย ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
ผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณบางคนรู้สึกปลื้มเมื่อเห็นคนต่างชาติมาร่วมกิจกรรมกับพวกเขา เพราะแสดงให้เห็นว่าคนนอกและสื่อต่างชาติก็เข้าใจและเห็นใจการต่อสู้ในไทย ซึ่งในมุมหนึ่งก็เป็นการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก
“คนต่างชาติส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมเราถึงต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นการได้เห็นพวกเขามาร่วมชุมนุมกับเราจึงเป็นสิ่งที่ดี” มนตรี ผู้ประท้วงจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้สัมภาษณ์ใกล้ย่านสีลม
อย่างไรก็ดี ผู้ชุมนุมบางคนก็รู้สึก “งง” ที่เห็นคนต่างชาติมาเข้าร่วมด้วย
“(ชาวต่างชาติ) ไม่เกี่ยวอะไรด้วย นี่เป็นเรื่องในประเทศเรา เป็นเรื่องของคนไทย และเท่าที่เห็นมาคนต่างชาติที่มาชุมนุมก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก” อัญชลี เมฆลอย แม่บ้านวัย 59 ปีซึ่งเป็นชาวกรุงเทพมหานคร กล่าว
