xs
xsm
sm
md
lg

สนข.แนะเลือกลงทุนรถไฟเร็วสูงแค่บางสาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-สนข.เตรียมข้อมูลผลศึกษารถไฟความเร็วสูง 3 สาย พร้อมเสนอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจใน 2 แนวทาง คือ เลือกลงทุนตลอดเส้นทางเพียง1 สายหรือลงทุนเฟสแรกทั้งสายกทม.-พิษณุโลกและ กทม.-โคราช ชี้เพื่อให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินกว่า 4 แสนล.ยันไทยต้องมีรถไฟความเร็วสูงยิ่งช้า ยิ่งแพง

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สนข.กำลังประเมินการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง 4 สายทาง วงเงินลงทุน 783,229 ล้านบาทเพื่อนำเสนอรัฐบาลชุดใหม่พิจารณา ประเด็นแรกคือจะเดินหน้าโครงการต่อหรือไม่ หากเห็นด้วย สนข.จะเสนอ 2 แนวทาง คือ 1. ลงทุนสายใดสายหนึ่งทั้งโครงการ โดยเลือกระหว่างสายเหนือ( กรุงเทพ-พิษณุโลก-เชียงใหม่) หรือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพ- นครราชสีมา-หนองคาย) 2.ลงทุนเฉพาะเฟสแรกของทั้งสายกรุงเทพ-พิษณุโลก และสายกรุงเทพ-นครราชสีมา โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากการศีกษาผลตอบแทนการลงทุน (EIRR) ประโยชน์ที่จะเกิดกับประเทศในภาพรวมสูงสุด ประกอบการพิจารณา ยืนยันว่าประเทศไทยควรมีรถไฟความเร็วสูงและควรเริ่มต้นโครงการได้แล้วหากยิ่งล่าช้าออกไปยิ่งทำให้มูลค่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 10% จากค่าเวนคืน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงงาน ที่ปรับขึ้นทุกปี

ทั้งนี้ จากหาการศีกษาพบว่า EIRR ของสายกรุงเทพ-พิษณุโลก ดีที่สุดประมาณ 12.5% เหมาะกับการลงทุน โดยค่าเฉลี่ย EIRR การลงทุนรถไฟความเร็วสูงไม่ควรต่ำกว่า 12% แต่ช่วงจากพิษณุโลก-เชียงใหม่ EIRR ลดลง เนื่องจากค่าลงทุนสูง เพราะแนวเส้นทางผ่านภูเขาต้องมีอุโมงค์ จึงจะลงทุนเป็นเฟส2 ส่วนกรุงเทพ-นครราชสีมา EIRR เกือบ12% หากลงทุนถึงหนองคาย EIRR จะเป็น13% จึงเหมาะกับการลงทุนทั้งสาย ส่วนสายใต้ เฟสแรกกรุงเทพ-หัวหิน EIRR 8.11% เท่านั้น หากต่อไปถึงสุราษฎร์ธานี EIRR จะเพิ่มเป็น 12.5 % แต่ก็ต้องใช้เงินลงทุนอีกเท่าตัว ดังนั้นสายใต้ ถ้าจะทำแค่หัวหินไม่ทำดีกว่าหรืออาจรอไปก่อน หรือหากจะทำก็ควรต่อให้ถึงสุราษฎร์ธานี

"ตอนนี้สนข.จะสรุปผลศึกษาของรถไฟความเร็วสูงทั้ง 3 สายที่ดูแล รอเสนอรัฐบาลใหม่ ถ้าจะทำก็มีแนวทางแบบนี้ โดยยึดหลักการลงทุนที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์กับประเทศสูงสุดภายใต้วงเงินประมาณ 4-5 แสนล้านบาทซึ่งที่น่าจะดีที่สุดคือ ลงทุนเฟสแรกของสายเหนือกับสายอีสาน เพราะจะเป็นการกระจายความเจริญและพัฒนาเมืองได้หลายจังหวัด
เป็นการมองในมุมของการลงทุน ไม่เกี่ยวว่าจะมีพ.ร.บ.2 ล้านล้านบาทหรือไม่ เพราะถึงมีพ.ร.บ.2 ล้านล้าน ก็ต้องพิจาณาแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดเช่นกันประเทศไทยจำเป็นต้องมีรถไฟความเร็วสูง ยิ่งตัดสินใจลงทุนช้า จะยิ่งสูญเสียโอกาสและค่าลงทุนเพิ่ม"นายจุฬากล่าว

ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น จะเสนอให้รัฐรับภาระลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสัดส่วนประมาณ 70% โดยใช้เงินกู้รูปแบบเดียวกับเงินกู้ก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่กระทรวงการคลังจัดหาให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยมีกรมทางหลวง หรือกรมขนส่งทางรางรับผิดชอบงานก่อสร้าง ส่วนการใช้คืนเงินกู้ สามารตั้งเป็นงบประมาณประจำปีผ่านกรมทางหลวงได้ ส่วนระบบและการเดินรถอีก 30% นั้นจะเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาลงทุนและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเดินรถ ค่าซ่อมบำรุงไปด้วย โดยแยกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้รัฐไม่ต้องอุดหนุนเพิ่มเติมอีก รัฐอาจใช้คืนค่าก่อสร้างใน4-5 ปีขึ้นกับงบประมาณที่จัดสรรได้ จากเดิมที่ลงทุนหมด จะคืนทุนในปีที่ 22-23

สำหรับความคืบหน้ารถไฟความเร็วสูง 3 สายกรุงเทพฯ-นครราขสีมาจะยื่นผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในเดือนมกราคมนี้ ,สายกรุงเทพ-พิษณุโลก จะยื่นได้ในเดือนกุมภาพันธ์ และสายกรุงเทพฯ-หัวหิน ศึกษาจบในเดือนมีนาคม ซึ่งจะนำเสนอเป็นภาพรวมผลการศึกษา และEIA พร้อมกันทั้ง 3 สายเป็นภาพรวมเพราะจะทำให้มีข้อมูลสำหรับการพิจารณาดีกว่าการเสนอเป็นรายโครงการ
กำลังโหลดความคิดเห็น