xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจคลั่ง!ถล่มม็อบ เลื่อนเลือกตั้ง "เทือก"ลั่นหลังปีใหม่ยึดประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กกต.ดึงดันจับสลากหมายเลขประจำพรรคการเมืองสำหรับใช้หาเสียงท่ามกลางเสียงปืน และแก๊สน้ำตา ตำรวจบ้าเลือด ทั้งยิงถล่ม ไล่ทุบรถ กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาคัดค้าน เผยยอดบาดเจ็บ 96 ตร.ตาย 1 กกต.เพิ่งรู้สึก เสนอรัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้ง พร้อมขู่หากไม่เลื่อนจะใช้สิทธิในฐานะ กกต.รายบุคคล เพื่อตัดสินใจคลี่คลายสถานการณ์ ด้าน"ปู" ตีมึน ไม่สนคนเจ็บ ตาย บอกพรุ่งนี้ทำงานตามปกติ ศอ.รศ.ประกาศเขตเคอร์ฟิวไทย-ญี่ปุ่นดินแดง "สุเทพ" แสดงความเสียใจผู้ชุมนุม-ตำรวจสูญเสีย ลั่นหลังปีใหม่ลุกฮือทั่วประเทศยึดอำนาจเป็นของประชาชน

เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วานนี้ (26ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้นัดหัวหน้าพรรคการเมือง มาทำการจับสลากหมายเลขประจำพรรคการเมืองสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชี่อ ที่อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง

ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุม คปท. ก็ได้เตรียมปิดล้อมเพื่อขัดขวางมิให้มีการจับสลากดังกล่าว โดยกลุ่มผู้ชุมนุม ได้เข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอเข้าไปข้างในสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อคัดค้านการจับสลากเลือกตั้ง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม ผู้ชุมนุมจึงพยายามปีนบันไดบุกเข้าไป

ช่วงนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาสวนออกมาประมาณ 10 ลูก โดยมิได้แจ้งเตือนตามหลักสากล ทำให้ผู้ชุมนุมกระจายตัวถอยออกมาเพื่อตั้งหลักบริเวณกระทรวงแรงงาน จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนทัพเข้ามาอีกครั้ง แต่ไม่สามารถฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปได้ โดยตำรวจได้วางกำลังอย่างแน่นหนา พร้อมแนวแบริเออร์ป้องกันในทุกประตูทางเข้า

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงระดมยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่องอีกหลายสิบลูก ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องถอยร่นออกมาตั้งหลักอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ในกลุ่มผู้ชุมนุม มีหลายรายที่ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง

เวลา 09.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามใช้รถน้ำของกทม.พังประตูเข้าไป ขณะที่ตำรวจยังคงระดมยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าเข้าไปไม่ได้ ขณะเดียวกันแก๊สน้ำตา บางลูกได้เลยตกเข้าไปในแฟลตดินแดง ซึ่งมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก ได้รับผลกระทบจาการยิงแก๊สน้ำตาของตำรวจ นอกจากนี้ยังมีการฉีดน้ำที่มีส่วนผสมสารเคมีสีม่วงออกมาด้วย สลับกับการยิงแก๊สน้ำตา

มีรายงานว่า ในช่วงนั้น มีประชาชนได้รับบาดเจ็บต้องนำส่งโรงพยาบาลหลายสิบคน ในจำนวนนั้น มีนายวิเชียร หลงละเลิง ช่างภาพสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี ได้รับบาดเจ็บ ถูกกระสุนยางยิงเข้าที่ปลายคางด้วย

ขณะที่มีการปะทะกันอย่างดุเดือด โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายถูกระดมยิงอยู่นั้น ภายในอาคารกีฬาเวสน์ ก็มีการจับสลากหมายเลขประจำพรรคการเมือง เมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว กกต.ทั้ง 4 คนก็ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ออกจากสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กลับสำนักงาน กกต. แต่เจ้าหน้าที่ กกต.และสื่อมวลชนที่อยู่ด้านใน ยังออกมาไม่ได้ ขณะที่ ตำรวจก็ยังคงระดมยิงแก๊สนำตาไม่หยุด จนกระทั่งเวลา 12.00น. แกนนำคปท. ได้ประกาศให้มวลชนทะยอยกลับที่ตั้งที่เวทีหน้าทำเนียบรัฐบาล

**"ปึ้ง"อ้างตร.ต้องคุ้มครองผู้สมัครส.ส.

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงพยายามยกพวกเข้าปิดล้อม เพื่อขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่บริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทั้งๆ ที่ผู้ชุมนุมประท้วงโดยการนำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ได้ประกาศถอนการชุมนุมประท้วงที่บริเวณดังกล่าวไปเมื่อช่วงเย็น วันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า ยังมีผู้ชุมนุมประท้วงยกพวกกลับมาอีก รวมทั้งใช้รถบรรทุกพุ่งชนพังประตูเหล็กทางเข้าสนามกีฬา อีกทั้งยังพยายามบุกรุกเข้าไปในตัวอาคารที่เปิดรับสมัคร ส.ส. ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นการชุมนุมโดยสันติ อหิงสา ตามที่แกนนำ กปปส.กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ ยังมีการบุกรุก คุกคาม และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ที่สำคัญ คือยังขัดขวางกระบวนการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ กกต.ได้ประกาศให้ทุกพรรคการเมืองเดินทางไปจับหมายเลขของแต่ละพรรคเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ในเวลา 09.00 น.

ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้ความคุ้มครองผู้สมัคร ส.ส. และรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ เพื่อให้การดำเนินการของ กกต. เดินหน้าต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด และละมุนละม่อม ด้วยความอดทนอดกลั้น และเจ้าหน้าที่จะยึดหลักปฏิบัติตามแบบสากล เพราะบ้านเมืองต้องมีกฎหมาย เพื่อให้คนไทยเคารพยึดถือ ซึ่งคนไทยทุกคนควรเคารพสิทธิของกันและกัน

** จับสลากชพน.เบอร์1 พท.เบอร์ 15

ผู้สื่อข่าวรายงานผลการจับสลากหมายเลขประจำพรรค เพื่อใช้สำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีพรรคการเมืองรวม 30 พรรค ขึ้นจับสลาก คือ พรรคชาติพัฒนา ได้หมาย 1 พรรคถิ่นกาขาว ได้หมายเลข 2 พรรครักประเทศไทย ได้หมายเลข 3 พรรคเสรีนิยม ได้หมายเลข 4 พรรคพลังสหกรณ์ ได้หมายเลข 5 พรรคภูมิใจไทย ได้หมายเลข 6 พรรคภารดรภาพ ได้หมายเลข 7 พรรคพลังประชาธิปไตย ได้หมายเลข 8 พรรคเพื่อสันติ ได้หมายเลข 9 พรรคชาติสามัคคี ได้หมายเลข 10 พรรคพลังประเทศไทย ได้หมายเลข 11 พรรคประชาสามัคคี ได้หมายเลข 12 พรรคกสิกรณ์ไทย ได้หมายเลข 13 พรรคชาติไทยพัฒนา ได้หมายเลข 14 พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 15 พรรคแทนคุณแผ่นดิน ได้หมายเลข 16 พรรคพลังเครือข่ายประชาชน ได้หมายเลข 17 พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ได้หมายเลข 18 พรรคไทยมหารัฐพัฒนา ได้หมายเลข 19 พรรคพลังไทยเครือข่าย ได้หมายเลข 20 พรรคยางพาราไทย ได้หมายเลข 21 พรรคดำรงไทย ได้หมายเลข 22 พรรครักษ์สันติ ได้หมายเลข 23 พรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้หมายเลข 24 พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า ได้หมายเลข 25 พรรคเมืองไทยของเรา ได้หมายเลข 26 พรรคเครือข่ายชาวนา 27 พรรคพลังไทยรักชาติ ได้หมายเลข 28 พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ได้หมายเลข 29 พรรครักไท ได้หมายเลข 30

อย่างไรก็ตาม พรรคชาติพัฒนา ที่จับสลากได้หมายเลข 1 เป็นเพียงพรรคเดียวที่หัวหน้าพรรค คือ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล มาจับสลากด้วยตนเอง

** กกต.ขอให้รัฐบาลเลื่อนวันเลือกตั้ง

ต่อมาเวลาประมาณ 14.10 น. ที่สำนักงานกกต. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ทั้ง 5 คน ได้ร่วมกันแถลงข่าวด่วน โดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. อ่านแถลงการณ์ กกต.ว่า วันนี้กกต.ได้นัดหมายพรรคการเมืองจำนวน 34 พรรค มาทำการจับสลากหมายเลขเพื่อให้ได้หมายเลขประจำพรรคการเมืองในเวลา 09.00 น. ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ดินแดง

แม้ว่ากระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นลง แต่สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายใน นอกอาคาร ที่มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ และผู้ชุมนุม เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ และไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม กกต.ในฐานะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการดำเนินการเลือกตั้ง ขอแสดงจุดยืนต่อสังคม ในปรากฏการณ์ดังกล่าวดังนี้

1. กกต.ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษประชาชนที่ไม่อาจอำนวยการให้การดำเนินการรับสมัครเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยได้

2.ปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ กกต.ได้เคยส่งสัญญาณต่อผู้มีส่วนรับผิดชอบแล้วว่า เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ และยิ่งจะทวีความรุนแรง หากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไป จนอาจเป็นต้นเหตุของความไม่สงบ ความโกลาหล การจลาจล และการสูญเสียเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชน

3. การรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้นของการเลือกตั้ง ซึ่งต่อไปภายหน้ายังมีการรับสมัคร ส.ส.เขต การหาเสียง การเลือกตั้ง การนับคะแนน และประกาศผล และหากความขัดแย้งในแนวคิดระหว่างการมี หรือไม่มีการเลือกตั้ง ยังคงอยู่ เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ไม่ยากว่า การเลือกตั้งจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ด้วยความสงบเรียบร้อย และ กกต. คงไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริต และเที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้อีกต่อไป

4. กกต. ขอส่งข่าวสารผ่านแถลงการณ์ฉบับนี้ ถึงรัฐบาล คู่ขัดแย้ง และทุกภาคส่วนในสังคมว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีการทำความเข้าใจ และสร้างข้อตกลงร่วมกัน เพื่อความสงบสุขในสังคม ระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น กกต.จึงขอให้รัฐบาล พิจารณาเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จนกว่าจะมีข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว ทั้งนี้ กกต.พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการหาข้อยุติร่วมกัน

5. หากยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้เกิดการคลี่คลายสถานการณ์ในทางที่ดีขึ้น กกต. จะพิจารณาใช้สิทธิและอำนาจหน้าที่ของกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะกรรมการการเลือกตั้งรายบุคคล เพื่อตัดสินใจคลี่คลายสถานการณ์ ตามวิจารญาณที่เหมาะสม

**หากรัฐบาลไม่เลื่อน กกต.จะใช้สิทธิส่วนบุคคล

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า จากนี้ไป กกต.จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเหมือนที่ศาลทำ ระหว่างนี้ต้องดูเหตุการณ์วันต่อวัน การดำเนินการต้องสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ เราไม่ได้ห่วงใยความสุขส่วนตัว เราห่วงใยประเทศชาติ เราอยากให้ประเทศชาติเกิดความสงบ ประชาชนมีความสุข กกต.ได้ตระหนักว่า ทุกฝ่ายต้องละทิฐิเพื่อให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่ขัดแย้ง ประชาชนมีความสุข

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า สิ่งที่สะท้อนออกไป เป็นการส่งข่าวสารถึงรัฐบาล คู่ขัดแย้งและทุกภาคส่วนในสังคมว่า หากไม่มีการทำความเข้าใจ และข้อตกลงร่วมกัน การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 จะมีขึ้นไม่ได้ ดังนั้นขอให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อความสงบสุขในสังคมก่อนการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลมีอำนาจในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ หากไม่ได้รับการตอบสนอง กกต.รายบุคคล จะพิจารณาใช้สิทธิและอำนาจส่วนบุคคลในการตัดสินใจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อแก้ไข และคลี่คลายปัญหา

เมื่อถามว่าการตัดสินใจใช้สิทธิส่วนบุคคล จะใช้เวลานานหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า หลังจากการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเสร็จสิ้นลง ทุกอย่างน่าจะเห็นภาพต่างๆ ชัดเจนขึ้น ว่าจะคลี่คลายอย่างไร และขอฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า กกต.ได้ตัดสินใจแล้วว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 จะมีไม่ได้ ดังนั้นขอให้สลายการชุมนุม และอาจจะลดดีกรีต่างๆ ส่วนการที่จะให้วันที่ 2 ก.พ. 57 มีไมได้ กกต.จะไปตกลงกับรัฐบาล หากรัฐบาลยังเดินหน้าเราจะใช้สิทธิส่วนบุคคล เพราะหากมีการเลือกตั้ง จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง เชื่อว่าการใช้สิทธิส่วนบุคคลจะคลี่คลายสถานการณ์ได้

“เราจะประชุม กกต.วาระปกติในวันที่ 2 ม.ค.57 ดังนั้นระหว่างนี้ จะต้องประสานให้เกิดการพูดคุยก่อนวันที่ 2 ม.ค.57 ที่เราจะประชุม ทุกอย่างจะตัดสินใจในวันนั้น ช่วงนี้ก็รอประสานฝ่ายต่างๆ อยู่” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ในวันนี้พรรคการเมืองร้อนรน มาก่อนเวลา 08.30 น. แต่กกต.ทำการรับสมัครไม่ได้ กกต.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เราทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคม หากไม่ทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคม แถลงการณ์ในวันนี้จะไม่เกิดขึ้น กกต.มีโจทย์ต้องแก้อยู่พอสมควร ต้องเรียนว่า สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดคือการพยายามทำตามหน้าที่ และถือว่าได้ทำจบสิ้นในระดับหนึ่ง คือ สามารถที่จะออกมาหมายเลขแก้ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ แต่จนถึงขณะนี้แม้งานจะเสร็จสิ้น แต่เป็นภาพที่ไม่สวยงามทำให้เกิดรอยด่าง รอยเปื้อนในสังคม เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร ใครเริ่มต้น แต่ภาพปรากฏการณ์แบบนี้ เราไม่สบายใจ และคิดว่าเราคงไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อไปได้มากนัก หากสิ่งต่าง ๆ อยู่ภายใต้เงื่อนไขความขัดแย้ง ขาดการเจรจา จึงเป็นจุดยืนว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 คงมีขึ้นไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ จนกว่าจะหาวิธีการคลี่คลาย มีข้อตกลงร่วมกัน

“การทำหน้าที่ของ กกต.หลายคนอาจมองว่า เราล้ำเส้น เรามีหน้าที่จัดการเลือกตั้งก็จัดไป มายุ่งอะไร ขอเรียนว่า อีกฐานะหนึ่ง กกต.เป็นคนไทยที่รักแผ่นดิน เราปรารถนาดีที่จะเห็นความสงบเรียบร้อยในประเทศนี้ แม้บางเรื่องอาจทำหน้าที่เกินขอบเขตหน้าที่ แต่โดยศักยภาพ สถานะของเรา เราคิดว่าถ้าเรายื่นมือเข้าไป แล้วทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ วันนี้ถึงเวลาที่เราจะยื่นมือเข้าไป เมื่อยื่นไปแล้วหากหลายท่านบอกว่าเราทำผิดหน้าที่ ทำสิ่งเกินเลยเราพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ”นายสมชัย กล่าว

**"ปู"ยังไม่ตอบเรื่องเลื่อนเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ภายหลังรับทราบแถลงการณ์ของ กกต. ที่ต้องการให้รัฐบาลเลื่อนวันเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจราชการที่จ.เชียงใหม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ ทำให้นายกฯ มีสีหน้าเคร่งเครียดทันที ก่อนกล่าวเพียงสั้น ๆว่า "ยังไม่รู้รายละเอียด ยังพูดอะไรไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ทำงานตามปกติ" จากนั้นได้ขอตัวพักผ่อน


**"มาร์ค"แขวะ"ปู"เหมือนอยู่คนละโลก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงว่า จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ เพราะ กกต.ทั้ง 5 คน ก็พูดหลายครั้งว่าห่วงใย ซึ่งตนเห็นใจว่า กกต.มีหน้าที่ต้องทำ เพราะนายกฯ เดินทางไปถึงสำนักงาน กกต.พร้อมกับยืนยันว่า การเลือกตั้งต้องเกิดวันที่ 2 ก.พ. 57 ดังนั้นความรับผิดชอบจึงอยู่ที่รัฐบาล ขณะเดียวกันขอฝากเจ้าหน้าที่ทุกระดับว่า ต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ไม่เช่นนั้นจะสร้างปมขัดแย้งต่อไปในอนาคต เพราะหลังเปิดรับสมัครเป็นต้นมาก็มีความไม่ปกติหลายอย่าง เช่น การเปิดให้เข้าไปยื่นความจำนงรับสมัครนอกเวลาราชการ

“ภาพที่ภายนอก มีการยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง หรือมีกระแสข่าวถึงขั้นว่ามีการยิงกระสุนจริง ใส่ผู้ชุมนุม ในขณะที่ภายในอาคารมีการจับสลากเบอร์ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อนั้น สะท้อนว่า คนในสังคมเหมือนอยู่คนละโลก นายกฯ มีหน้าที่บริหารประเทศว่าจะปล่อยให้คนในสังคมอยู่คนละโลกอีกนานเท่าไหร่ ทำไมไม่ให้คนกลับมาเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในโลกเดียวกัน ด้วยการสละประโยชน์ตัวเองเสียบ้าง แต่ผมก็ค่อนข้างจะเหนื่อยกับการแนะนำนายกฯ แล้ว”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

**“สุริยะใส”จี้ 5 กกต.ลาออก

นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำ กปปส.ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว “สุริยะใส กตะศิลา” โดยใช้หัวข้อว่า กกต. จากตรายาง สู่ตราบาป พร้อมได้อธิบายรายละเอียดว่า “ตรายางคือ กกต.กำลังถูกลากเข้าไปอยู่ในกับดักของระบอบทักษิณ ที่กดดันทุกวิถีทางให้มีการเลือกตั้งเพื่อประทับรับรองความชอบธรรมของระบอบทักษิณต่อไป ท่าทีที่พลิกไปพลิกมาของ กกต. เหลือสถานะแค่ตรายาง จากเดิมชี้ช่องให้เลื่อนเลือกตั้งได้ แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจเดินหน้าเลือกตั้ง หลังปิดห้องลับเจรจากับคณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่วนตราบาปคือ กกต.รู้แผนปราบจลาจล ของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ก่อนดื้อดึงดันจับเบอร์ ท่ามกลางการยิงแก๊สน้ำตาสารพัดชนิด กระสุนยาง และกระสุนจริง ก็มีถล่มประชาชนที่เห็นต่าง โดยไม่มีการเจรจาและแจ้งล่วงหน้าใดๆ

ผมอยากถาม กกต. ว่า กลัวผิดกฎหมายถ้าไม่จัดการเลือกตั้งกับจลาจล และความวุ่นวายต่อเนื่อง และความสูญเสียที่จะตามมา กกต.ไม่นึกถึง และกลัวกันเลยหรือ ท่านทั้ง 5 ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เป็นตราบาปกับตัวท่านตลอดชีวิต และสร้างความมัวหมองให้ กกต.ตลอดไปอย่างนั้นหรือ ถ้ากลัวติดคุก ก็ลาออก แต่ถ้ากลัวความรุนแรงที่รออยู่เบื้องหน้า ก็เลื่อนเลือกตั้งออกไป แล้วทำการปฏิรูปก่อน”

**ศอ.รศ.ประกาศเขตเคอร์ฟิวไทย-ญี่ปุ่นดินแดง

วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ศอ.รส. แถลงฉบับที่ 13/2556 เรื่องห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะตามที่ได้มีประกาศเรื่องพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 พ.ย 56 ให้เขตพื้นที่กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี อ.บางพลี และ จ.สมุทรปราการ เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์ อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยให้บรรดาประกาศข้อกำหนดคำสั่ง หรือการดำเนินการใดของศูนย์อำนวยการ หน่วยงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ใดที่ได้รับมอบหมาย จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามประกาศเรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 18 ต.ค 56 ยังคงมีผลบังคับใช้โดยต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการกำหนดเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 25พ.ย 56-31 ธ.ค. 56 และมีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 18 แห่งพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ลงวันที่ 25 พ.ย 56 ซึ่งได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ จะกำหนดเงื่อนเวลาในการปฏิบัตตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในการปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่เห็นสมควร เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน เกินสมควรแก่เหตุได้ นั้น

เพื่อประโยชน์ในการปกป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ในพื้นที่ตามวรรค 1ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดประสิทธิภาพ สามารถป้องกันควบคุมไม่ให้สถานการณ์ขยายรุกรามจนเกิดความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรวมทั้งการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ อาศัยอำนาจตามความในข้อ2 ข้อ 4 และวรรค 3 ของข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551

ผอ.ศอ.รส.จึงออกประกาศกำหนดดังนี้ ข้อ 1 ห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ซึ่งมีพฤติการณ์ อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือกระทำการยั่วยุ ปั่นป่วนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ดังต่อไปนี้ เว้นแต่ได้รับอนุญาต หรือได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่
-ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ(ไทย-ญี่ปุ่น)
- ถนนบริเวณโดยรอบศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น) ได้แก่ ถ.มิตรไมตรี และถ.ประชาสงเคราะห์ ทั้งนี้ให้รวมถึงพื้นที่บริเวณถนน ทางเท้า คูคลอง พื้นที่สาธารณะ ต่อเนื่องไปอีกในรัศมี 50เมตร
2. ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะในเส้นทางตามข้อ1 (2) เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
3. ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตรหรือเทียบเท่า เป็นผู้ดำเนินการตามประกาศนี้
4. ประกาศกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 26 ธ.ค.56

**ตำรวจตาย1 บาดเจ็บ 27

พันตำรวจโทหญิง ศิริกุล ศรีสง่า รองโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้เกิดปะทะกับผู้ชุมนุม ที่บริเวณโดยรอบสนามญี่ปุ่นไทยดินแดง จนได้รับบาดเจ็บและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว 27 ราย และ เสียชีวิต 1 ราย คือดาบตำรวจ ณรงค์ ปิติสิทธิ ผบ.หมู่ งานจราจร สน.ตลาดพลู ถูกยิงเข้าที่หน้าอกด้านขวา อาการสาหัส วัดความดันไม่ได้ แพทย์พยายามช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจ ฉีดยากระตุ้น ให้เลือดอยู่เกือบ 1 ชั่วโมง แต่ร่างกายไม่ตอบสนอง เบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นสาเหตุการเสียชีวิตว่า หัวใจหยุดเต้นและเสียเลือดมาก แต่อย่างไรก็ตาม จะส่งร่างของดาบตำรวจณรงค์ให้สถาบันนิติเวชตรวจชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง

ส่วนตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ มีที่ต้องแอดมิท พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจำนวน 10 นาย หนึ่งในนั้นคือ สิบตำรวจตรีธนพล โนเปลือย ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการควบคุมฝูงชน ถูกกระสุนโลหะ ขนาด 8 มม. ยิงเข้าที่หัวไหล่ข้างขวา ทะลุไปฝังอยู่ที่หน้าอก แพทย์ได้ผ่าตัดนำกระสุนที่ฝังออกมาเรียบร้อยแล้ว อาการพ้นขีดอันตราย ส่วนนายตำรวจอีก 17 นาย ที่ถูกแก๊สน้ำตาและบาดแผลไม่สาหัส แพทย์อนุญาติให้กลับไปยังจุดพักฟื้นได้

ด้านดาบตำรวจชาติชาย ไชยภพ ผบ.หมู่ ปราบปราม สน.ตลาดพลู เพื่อนของดาบตำรวจณรงค์ เปิดเผยถึงวินาทีหนีตายว่า ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมพังประตูรั้วของสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เข้ามาภายใน ก็เกิดเสียงคล้ายเสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณนั้นกว่า 150 นายจึงถอยร่นกำลังมา แต่มีเจ้าหน้าที่หลายนายได้รับบาดเจ็บ จึงช่วยกันพาไปที่ปฐมพยาบาล และพบกับดาบตำรวจณรงค์ นอนอยู่ที่ห้องพยาบาลในสภาพที่ไม่รู้สึกตัว มีผ้าพันแผลปิดอยู่ที่บริเวณหน้าอก แพทย์พยายามช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจตั้งแต่ที่สนามกีฬา และปั๊มมาเรื่อยๆ จนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อมาถึงแพทย์รีบนำตัวเข้าห้องไอซียู แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

นอกจากดาบตำรวจณรงค์ แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของกองบังคับการตำรวจนครบาล 8 อีก 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวมารักษาพร้อมกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

**ยอดเจ็บเหตุปะทะพุ่ง 96 ราย

เมื่อเวลา 17.00 น.ที่โรงพยาบาลราชวิถี นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ว่า จากรายงานของศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร และสธ.ร่วมกัน โดยข้อมูลเมื่อเวลา 16.30 น. มีผู้บาดเจ็บรวม 96 ราย กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ อาทิ รพ.ราชวิถี 41 ราย รพ.พระมงกุฏ 8 ราย รพ.รามาธิบดี 10 ราย รพ.พญาไท 1 ราย รพ.เปาโล 2 ราย รพ.ทหารผ่านศึก 6 ราย และ รพ.ตำรวจ 18 ราย ทั้งนี้ เหลือนอนพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.ราชวิถี 4 ราย แบ่งเป็นชายไทยอายุ 30 กว่า ถูกยิงที่ศีรษะ 1 ราย ชายชาวญี่ปุ่นอายุ 40 ปี อาชีพนักข่าวอิสระ ถูกตีที่บริเวณใบหน้า บาดแผลยาวประมาณ 10 เซนติเมตร อยู่ในระหว่างการรักษา ชายไทยอายุ 17 ปี ถูกยิงทะลุขาขวา และชายไทยอายุ 56 ปี ถูกยิงที่เท้าซ้าย ส่วนผู้บาดเจ็บที่เหลือส่วนใหญ่เกิดจากถูกแก๊สน้ำตา

นพ.อุดม เชาวรินทร์ ผอ.รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงบริเวณศีรษะ พบว่า ลูกกระสุนเข้าไปฝังในเนื้อสมอง และมีเศษโลหะอยู่บริเวณที่กะโหลก แพทย์ได้ทำการผ่าตัดเพื่อเอาลูกกระสุนและเศษโลหะที่ติดค้างออกแล้วทั้งหมด โดยลักษณะบาดแผลถูกยิงเข้าที่ด้านขวา เนื้อสมองได้รับความเสียหาย แต่ไม่มากนัก โดยรวมถือว่ายังอยู่ในภาวะวิกฤต ผู้บาดเจ็บยังไม่รู้สึกตัว โดยแพทย์จะทำการประเมินอาการหลังจากนี้ว่าจะกระทบระบบประสาทส่วนใดบ้าง

สำหรับรายผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นถูกตีที่ใบหน้าด้านซ้าย ลักษณะหน้าจะเป็นของมีคม แผลยาวประมาณ 10 เซนติเมตร และลึกพอสมควร อาการโดยรวมสามารถพูดคุยได้ปกติ รู้ตัวดี แต่เนื่องจากบาดแผลมีความลึก จึงต้องวางแผนการรักษาและรอดูอาการเพิ่มเติม

นพ.อุดม กล่าวอีกว่า รายที่ถูกยิงที่ขา ลักษณะบาดแผลถูกยิงทะลุขาออกไป ลูกกระสุนไม่ได้ฝังอยู่ภายใน อาการโดยรวมรู้ตัวดี แต่เพื่อป้องกันการติดเชื้อจึงให้รอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล และรายสุดท้ายที่ถูกยิงที่เท้า มีลูกกระสุนฝังอยู่ภายใน แพทย์ทำการผ่าตัดและให้นอนรอดูอาการเช่นกัน สำหรับชนิดของอาวุธที่ผู้บาดเจ็บถูกยิงคณะแพทย์ได้เก็บเอาไว้เพื่อรอส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้พิสูจน์ แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอาวุธชนิดใด เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการนำฟิล์มเอกซเรย์ของผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาเผยแพร่ นพ.สุพรรณ กล่าวว่า หน่วยงานราชการไม่มีสิทธินำไปเผยแพร่ โดยที่เจ้าตัวไม่อนุญาต ถ้าทำอย่างนั้นเป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย ส่วนใครที่เอาไปเผยแพร่ก็ถือเป็นข้อมูลส่วนตัว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่นิ่ง สำนักสาธารณสุขฉุกเฉินจึงให้ทีมปริมณฑลเข้ามาช่วยดูแลคือ รพ.ไทรน้อย รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี รพ.นครปฐม รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม รพ.สมุทรสาคร รพ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร รพ.สามโคก จ.ปทุมธานี รายงานตัวที่ รพ.สงฆ์ ส่วนการประสานงานยังคงใช้ตามแผนเดิม คือให้ทีมกู้ชีพมูลนิธิต่างๆ เข้าไปรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนทีม สธ.จะอยู่บริเวณชายขอบรับส่งตัวไปยังโรงพยาบาลต่างๆ

**"แจ๊ด"เด้งผู้การ 4 เซ่นม็อบบุกหน้าบ้าน"ปู"

วานนี้ ( 26 ธ.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้เซ็นคำสั่งที่ 0015.112/4488 ลงวันที่ 26 ธ.ค.56 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการแทนและรักษาราชการแทน เนื่องด้วย บช.น. มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนที่จะมอบหมายภารกิจให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย เพื่อให้การปฏิบัติราชการในสังกัด บช.น. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ ดังนั้นอาศัยอำนาจตาม ม.72,75 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติราชการของรองผบช.ในฐานะเป็นอธิบดี หรือแทนผบ.ตร. พ.ศ.2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2552 และระเบียบตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังนี้ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 ปฏิบัติราชการประจำกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เพื่อทำหน้าที่ผู้ช่วย ผบ.กกล.รส.(ฝ่ายยุทธการ) ที่บช.น. โดยขาดจากต้นสังกัด พล.ต.ต.อดุลย์ รัตนภิรมย์ ผบก.อก.บช.น. รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบก.น.4. และพ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ รองผบก.น.9 รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบก.อก.บช.น. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปมีกำหนด 30 วัน

โดยให้เหตุผลว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะมอบหมายภารกิจให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และให้การปฏิบัติราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่รายงานข่าวเชื่อว่าเป็นการโยกย้าย หลังปล่อยให้ผู้ชุมนุม กปปส.บุกถึงหน้าบ้านนายกฯยิ่งลักษณ์ ภายในซอยโยธินพัฒนา 3 ถึง 2 ครั้ง

**“เจ๊ปอง”นำกบฏดอกไม้กปปส.บุกบ้าน “ปู”


ในวันเดียวกันนี้ แกนนำ กปปส. นำโดย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นำมวลชนเดินทางถึง ปากซอยโยธินพัฒนา 3 ซึ่งภายในเป็นบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชุนุมทยอยเดินทางมารวมตัวที่บริเวณหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี เพื่อรอผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาจากเวทีการชุมนุมกลุ่ม กปปส. ถนนราชดำเนิน

ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจล ชุดกองร้อยน้ำหวาน ได้วางกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยตั้งแต่ถนนทางเข้าจนถึงบริเวณด้านหน้าบ้านพัก ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้พักรับประทานอาหาร และจับกลุ่มพูดคุยกัน โดยอยู่ไม่ห่างกับเจัาหน้าที่ที่มีการจัดแถววางกำลังตามแนวกำแพงบ้านพักนายกรัฐมนตรี ซึ่งบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า ก็ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการปิดกั้นทางเข้าซอยแต่อย่างใด

ขณะที่การจราจรบริเวณด้านหน้านายกรัฐมนตรียังสามารถใช้การได้ตามปกติ โดยแกนนำได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะนำรถขยายเสียงของแกนนำ 1 คันเข้าไปหนัาบ้านที่เหลือจะเดินเทัาเข้าไป ซึ่งมีกำหนดชุมนุมตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออก จากการทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และไม่ให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57

***"สุเทพ" ลั่นหลังปีใหม่ยึดประเทศ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. กล่าวปราศรัยบนเวทีชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่มีคนบาดเจ็บ และ เสียชีวิต ทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อยากเรียนว่า เหตุการณ์จะไม่เกิดขึ้นถ้าเจ้าหน้าที่ไม่กระทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น

"วานนี้ประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปแสดงเจตนารมณ์ที่ต้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่กลับปรากฎว่า เมื่อไปถึงกลับถูกถล่มด้วยแก๊สน้ำตาตั้งแต่เช้า และยิงใส่ทั้งวัน ตนได้พยายามให้คณะแกนนำไปดูแลและพาประชาชนกลับ และมีผู้ชุมนุมอีกจำนวนหนึ่งที่ตั้งใจจะไปช่วยคนที่ถูกยิงก็ถูกกระทำอีก

"มีภาพตำรวจทุบรถอาสาพยาบาลที่เข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บแต่กลับถูกทุบรถ จึงอยากถามนายสุรพงษ์ (โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ) ว่านี่ใช่การทำตามหลักสากลตามที่นายสุรพงษ์ได้แถลงหรือไม่"นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวอีกว่า วันนี้มีการปล่อยข่าว ส่งภาพออกมาเพื่อทำลายภาพพจน์การเคลื่อนไหวของมหาประชาชนว่าเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง โดยมีการเผยแพร่ภาพคนถือปืนเพื่อป้ายสี และนายสุรพงษ์ออกมาแถลงว่าประชาชนเข้าไปบุกรุก ทำลายสถานที่ราชการ พกพาอาวุธเข้าไปมี เจตนาฆ่าผู้อื่น ส่วนตัวได้ตรวจสอบแล้วพบว่าภาพนี้คือภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2551เป็นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างมวลชนพธม.กับกลุ่มเสื้อแดงที่ซอยวิภาวดี3

นอกจากนี้อาวุธที่ตำรวจนำมาใช้วันนี้ผิดไปจากหลักสากลหลายอย่าง เช่น เรื่องแก๊สน้ำตา มีการใช้ปืนยิงแก็สน้ำตาซึ่งเคยทำให้เกิดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตมาแล้วเมื่อสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมทั้งมีภาพถ่ายการเตรียมอาวุธที่จะเป็นอันตรายกับประชาชน เช่น กระสุนลูกซองที่เป็นลูกจริง

นายสุเทพกล่าวอีกว่า ต้องการให้กรณีนี้เป็นบทเรียนและต้องปรับวิธีการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้อารมณ์พาไป พี่น้องต้องไปอย่างมีระบบ จะลุกจะถอยต้องไปด้วยกัน ต้องมีศรัทธาเชื่อมั่นในตัวแกนนำ เหตุการณ์วันนี้เป็นบทเรียนในการที่จะวางระบบป้องกันไม่ให้เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอย่างรุนแรงอีกต่อไป เพราะหลังปีใหม่จะลุกขึ้นยึดอำนาจประชาชนคืนมา และจะทำพร้อมกันทั้งประเทศ

"ขอประกาศไว้ล่วงหน้าให้ประชาชนทั้งประเทศเตรียมตัวรอสัญญาณ พ้นปีใหม่ไปแล้ว ผมจะบอกวันเวลาในการลุกขึ้นยึดอำนาจประเทศไทย ขอให้เตรียมตัว จะลุกขึ้นสู้เป็น สิบๆล้านคน ยึดทั้งประเทศ ขอส่งสัญญาณไปยังคณะกรรมการ กปปส.ทุกจังหวัดให้เตรียมกำลังมวลชนให้พร้อม หลังปีใหม่ยึดอำนาจกลับมาเป็นของประชาชน เพื่อตั้งรัฐบาลประชาชน สถาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย"นายสุเทพกล่าว

ทั้งนี้การต่อสู้ที่ กรุงเทพฯคราวนี้อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ถ้าประชาชนต่างจังหวัดจะมาร่วมต่อสู้ก็ขอให้เตรียมเสบียงมาให้พร้อมถ้าใครไม่สะดวกมาก็เตรียมลุกฮือขึ้นในจังหวัดต่างๆ พี่น้องต่างจังหวัดลงมือได้ตามบทเรียนที่กรุงเทพฯทำไปแล้ว ขอให้ยึดหลักสันติไม่รุนแรง

"ผมขอเตือนไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ว่าอย่ามาอ้างเหตุเจ้าหน้าที่เสียชีวิตแล้วใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม เพระผมมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่ดินแดงไม่ใช่ฝีมือของมวลมหาประชาชน คุณยิงแก๊สน้ำตาทั้งวันกระทบคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น ไม่รู้ใครโกรธคุณบ้าง อย่าถือโอกาสนี้ยกกำลังมาสลายการชุมนุม และขอให้ตำรวจดีๆตัดสินใจมายืนข้างประชาชนได้แล้ว"นายสุเทพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น