xs
xsm
sm
md
lg

ร้องกกต."ยิ่งลักษณ์"หาเสียงแฝง ต้องแจกใบแดง-ยุบพรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวลา 14.00 น. วานนี้ (25ธ.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้อง และพยานหลักฐาน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ให้สอบสวน และเอาผิด นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ฝ่าฝืนกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 181 (4) ที่มีข้อห้ามไว้ชัดเจนว่า ภายหลังจากยุบสภาแล้ว นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด คือ ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้าม ตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
แต่ปรากฏว่า นางยิ่งลักษณ์ ได้ตระเวนเดินสายพบปะประชาชน และผู้สนับสนุนในต่างจังหวัด หลายจังหวัด โดยอ้างว่าเป็นการตรวจราชการ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการเดินทางหนีมวลมหาประชาชน ที่ชุมนุมประท้วงอยู่ในกรุงเทพฯ เสียมากกว่า และได้ถือโอกาสไป“หาเสียงล่วงหน้า” โดยใช้เงินงบประมาณของทางราชการ และพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นจำนวนมาก ในการเดินทางไปในแต่ละพื้นที่ ในแต่ละจังหวัด
โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.56 ที่ จ.ร้อยเอ็ด มีมวลชนมาชูป้ายสนับสนุน นางยิ่งลักษณ์ และให้เลือกพรรคเพื่อไทยโดยชัดแจ้ง อันเป็นการแอบแฝงการหาเสียงโดยชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 181 (4) ประกอบมาตรา 103 และมาตรา 106 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ.พรรคการเมือง 2550 และเป็นการขัดต่อระเบียบและข้อกำหนดของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยชัดแจ้งอีกด้วย
การกระทำดังกล่าวน่าจะมีผลทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นไปโดยไม่สุจริต และไม่เที่ยงธรรม และเป็นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ตามมาตรา 103 และ หรือมาตรา 106 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 และหรือมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะผู้ควบคุมกฎ จะต้องสอบสวนเรื่องดังกล่าว และวินิจฉัยความผิดผู้ฝ่าฝืนโดยการให้ “ใบแดง”ล่วงหน้าได้ทันที ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และหากสอบสวนแล้วพบว่า พรรคการเมืองใดร่วมสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว ก็สามารถที่จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ “ยุบพรรค”การเมืองดังกล่าวด้วยต่อไป
**"มาร์ค"ชี้"ยิ่งลักษณ์"พฤติกรรมหมิ่นเหม่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกตรวจราชการต่างจังหวัดในลักษณะหาเสียงแฝง โดยใช้เวลา และงบ ของทางราชการว่า การที่รัฐบาลหรือผู้มีตำแหน่งนั้น ใช้เวลาลงพื้นที่ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ถือว่าหมิ่นเหม่มาก ต่อการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ดูเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความสะทกสะท้าน เกรงกลัว กลับใช้เวลาในช่วงนี้เดินหน้าอย่างเดียว
" ในอดีต เมื่อมีการยุบสภา หรือมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว คนที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ และครม. นอกจากที่จะมีกฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ค่อนข้างชัดว่า ทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งแล้ว ก็จะมีกฎ กติกา มารยาทอีกหลายอย่าง ซึ่งก็ยึดถือปฏิบัติกันมา ผมไม่แน่ใจว่าการไปตรวจราชการ จะมีผลในเชิงบริหารแก้ไขปัญหาบ้านเมืองมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากไปภาคเหนือ มีความเดือดร้อนของชาวไร่ข้าวโพดก็ไม่มีการไปแก้ไข แต่ปัญหาความไม่สงบภาคใต้ ที่สะเดา ที่ต้องติดตามว่า เหตุใดมีข้อตกลงกับกลุ่มบีอาร์เอ็นแล้ว ทำไมจึงยังยุติความรุนแรงไม่ได้ และทำไมจึงเกิดเหตุในพื้นที่ สะเดา ซึ่งปกติไม่มีเหตุรุนแรงหากยังดำเนินการเช่นนี้ จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างนายกรัฐมนตรี กับประชาชนจำนวนมากจนเหมือนอยู่คนละโลก ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ " นายอภิสิทธิ์ กล่าว

** จวกพท.จัดปาร์ตี้ลิสต์ท้าทายประชาชน

ขณะที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การจัดบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 ว่า เห็นได้ชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้สำนึกว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดปัญหาในบ้านเมือง แต่ยังจัดบัญชีท้าทายข้อเรียกร้องของประชาชน ทั้งที่ตลอด 2 ปี ของการบริหารที่ผ่านมามีการคอร์รัปชัน ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ บริหารแผ่นดินเพื่อตัวเองและพวกพ้อง มากกว่าประโยชน์ประชาชน และเป็นการบริหารที่มีพฤติกรรมตระบัดสัตย์หลายครั้ง แต่การจัดบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย กลับไม่คำนึงถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของรัฐบาลแต่อย่างใด ยังให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่อันดับ 1 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เครือญาตินายกฯ อยู่อันดับที่ 2 ซึ่งเห็นชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลัง เพื่อรักษาเครือข่ายครอบครัว ให้เป็นผู้กุมอำนาจในบ้านเมืองต่อไป
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย ยังให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย มีการปูนบำเน็จให้กับคนที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายประยุทธ์ ศิริพานิช ก็อยู่ในอันดับที่ปลอดภัยในบัญชีรายชื่อของพรรค และยังมีคนเสื้อแดงจำนวนมากอยู่ด้วย แสดงว่า รัฐบาลต้องการกำลังคนเสื้อแดง มาปกป้องรัฐบาล ทั้งในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และการกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
กระบวนการเช่นนี้ แสดงว่ารัฐบาลไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อการก่อให้เกิดวิกฤตในบ้านเมือง แต่ยังเป็นการท้าทายประชาชนจำนวนหนึ่งด้วย เพราะจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งมากกว่าที่จะลดความขัดแย้ง

นายณัฐ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเดินทางไปต่างจังหวัดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงวันที่ 23-24 ธ.ค.ที่ จ.เลย และ จ.เพชรบูรณ์ มีภาพการลงพื้นที่ตรวจราชการ แต่เทียบไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงขึ้นที่ จ.สงขลา จากการคาร์บอมบ์ 3 จุด มีผู้บาดเจ็บ 27 ราย สาหัส 3 คน แต่ในวันที่ 23 ธ.ค. 56 นายกฯ กลับอยู่ จ.เลย จึงคิดว่าหากนายกฯ จะตรวจราชการต่างจังหวัด ก็ควรจะไปรับผิดชอบในพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรงมากกว่าการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือตรวจเยี่ยมสถานที่ที่ไม่มีปัญหา
นอกจากนี้ การที่พรรคเพื่อไทย ยังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 1 สะท้อนการบริหารแบบบริษัท แบบเครือญาติ ลูกหลานต้องขึ้นมาบริหารอยู่ดี เพราะเป็นเจ้าของบริษัท จึงเห็นว่าพรรคเพื่อไทยควรกลับไปทบทวนบัญชีรายชื่อของตัวเอง ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่จะให้คนที่ไม่เคยสนใจใยดีปัญหาบ้านเมือง กลับมาบริหารประเทศอีก
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างทัวร์อีสานว่า สงสารคนกทม. ที่เดือดร้อนจากการชุมนุมว่า ขอให้ส่องกระจกดูตัวเอง และสงสารคนทั้งประเทศไทย เนื่องจาก 2 ปีกว่าที่ผ่านมา คนไทยทั้งประเทศน่าสงสารมาก ทั้งจากการทุจริตจำนำข้าว ราคายางพาราตกต่ำ มีการทุจริตเงินบริจาคน้ำท่วม เตรียมสร้างหนี้ให้คนไทย 50 ปี จากการออกกฎหมายพิเศษ กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท กระทั่งนายกฯ เรียกชื่อจังหวัด อำเภอ ผิด คนไทยน่าสงสาร ที่มีนายกฯ มีความสามารถเพียงเท่านี้ นายกฯ จึงต้องไปส่องกระจกดูตัวเองว่าพัฒนาขึ้นหรือยัง แต่วันนี้ยังมีหน้าอาสาที่จะบริหารประเทศไทยอีก อยากให้กลับไปทบทวนใหม่ เพราะกกต.ยังไม่ได้จับเบอร์
ด้านน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงหลักฐานเป็นภาพถ่ายการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ระหว่างการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสาน ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีป้ายหาเสียงพรรคเพื่อไทย และป้ายชี้ชวนให้เลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ท่ามกลางมวลชนที่มาต้อนรับ แม้ว่าจะยังไม่มีเบอร์ก็ตาม โดยมีข้าราชการระดับสูงอยู่ในสถานที่ดังกล่าวด้วย เช่น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ปปส. ดังนั้นจึงขอเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลต้องถอยแล้วกลับมาพิจารณาใหม่ เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เนื่องจากไม่สามารถทำให้เกิดความบริสุทธิยุติธรรม โดยจะส่งหลักฐานให้ กกต. ภายใน 2-3 วันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น