“องอาจ” จวก พท.จัดบัญชีรายชื่อ ส.ส.ไม่สำนึกพฤติกรรม เอาญาตินายใหญ่นำ หวังกุมอำนาจต่อ ปูนบำเหน็จขี้ข้า-แดง ท้าทาย ปชช. เตือนขัดแย้งเพิ่มรับผิดชอบ “ณัฐ” ฉะนายกฯ ทัวร์ ตจว.ไม่แวะสงขลาที่ถูกคาร์บอมบ์ ตอก พท.บริหารแบบบริษัทเครือญาติ “จุฤทธิ์” ไล่นายกฯ ดูกระจก โกงกู้ทำ ปชช.น่าสงสาร ข้องใจนำแดงก่อการร้ายเข้าบัญชีรายชื่อหวังฟอกผิด อัด “แม้ว” ส่งทายาทอสูรก้าวไม่พ้นตัวเอง “ติ่ง” งัดภาพมัดนายกฯ หยุดเนียนหาเสียง จ่อยื่น กกต.สอบ
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้สำนึกว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดปัญหาในบ้านเมือง แต่ยังจัดบัญชีท้าทายข้อเรียกร้องของประชาชน ทั้งที่ตลอดสองปีของการบริหารที่ผ่านมามีการคอร์รัปชัน ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ บริหารแผ่นดินเพื่อตัวเองและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ประชาชน และเป็นการบริหารที่มีพฤติกรรมตระบัดสัตย์หลายครั้ง แต่การจัดบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยที่เสนอตัวในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับไม่คำนึงถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของรัฐบาลแต่อย่างใด ยังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อยู่อันดับ 1 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เครือญาตินายกฯ อยู่อันดับที่ 2 เป็นการจัดอันดับที่เห็นชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังเพื่อรักษาเครือข่ายให้เป็นผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในบ้านเมืองต่อไป
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย มีการปูนบำเน็จให้กับคนที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายประยุทธ์ ก็อยู่ในอันดับที่ปลอดภัยในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และยังมีคนเสื้อแดงจำนวนมากอยู่ด้วย แสดงว่ารัฐบาลต้องการกำลังคนเสื้อแดงมาปกป้องรัฐบาลทั้งในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และการกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง กระบวนการเช่นนี้แสดงว่ารัฐบาลไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อการก่อให้เกิดวิกฤตในบ้านเมือง แต่ยังเป็นการท้าทายประชาชนจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งตนคิดว่าผู้ที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินคือ นายกฯไม่ควรปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะเป็นกระบวนการเพิ่มความขัดแย้งมากกว่าที่จะลดความขัดแย้ง หากเกิดความขัดแย้งเพิ่มเติมต้องถือว่าการจัดบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะนายกฯ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดแม้จะไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ตาม
นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางไปต่างจังหวัดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันที่ 23-24 ธ.ค.ที่จังหวัดเลย และเพชรบูรณ์ มีภาพการลงพื้นที่ตรวจราชการ แต่เทียบไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงขึ้นที่จังหวัดสงขลาจากการคาร์บอมบ์ 3 จุด มีผู้บาดเจ็บ 27 ราย สาหัส 3 คน แต่ในวันที่ 23 ธ.ค. 56 นายกฯ กลับอยู่จังหวัดเลย จึงคิดว่าหากนายกฯ จะตรวจราชการต่างจังหวัดก็ควรจะไปรับผิดชอบในพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรงมากกว่าการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือตรวจเยี่ยมสถานที่ที่ไม่มีปัญหา และการที่พรรคเพื่อไทยยังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 สะท้อนการบริหารแบบบริษัท แบบเครือญาติ ลูกหลานต้องขึ้นมาบริหารอยู่ดีเพราะเป็นเจ้าของบริษัท จึงเห็นว่าพรรคเพื่อไทยควรกลับไปทบทวนบัญชีรายชื่อของตัวเองว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะให้คนที่ไม่เคยสนใจใยดีปัญหาบ้านเมืองกลับมาบริหารประเทศอีก
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตน์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างทัวร์ติ๊ดชึ่งว่าสงสารคน กทม.ที่เดือดร้อนจากการชุมนุมว่า ขอให้ส่องกระจกดูตัวเองและสงสารคนทั้งประเทศไทย เนื่องจาก 2 ปีกว่าที่ผ่านมาคนไทยทั้งประเทศน่าสงสารมาก ทั้งจากการทุจริตจำนำข้าว ราคายางพาราตกต่ำ มีการทุจริตเงินบริจาคน้ำท่วม เตรียมสร้างหนี้ให้คนไทย 50 ปี จากการออกกฎหมายพิเศษกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท กระทั่งนายกเรียกชื่อจังหวัด อำเภอ ผิด คนไทยน่าสงสารที่มีนายกมีความสามารถเพียงเท่านี้ นายกจึงต้องไปส่อง
นายจุฤทธิ์ยังกล่าวถึงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ระบุว่าการเผาเซ็นเตอร์วันในปี 2553 นั้นเป็นการก่อการร้ายเพราะเกิดจากผู้ชุมนุม นปช.บางส่วนที่ต้องการใช้ความรุนแรง ข่มขู่เพื่อให้รัฐบาลและประชาชนหวาดกลัวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การกระทำดังกล่าวจึงเข้านิยามการก่อการร้าย แต่แกนนำที่โดนคดีก่อการร้าย 24 คน มีคำถามว่าใน 24 คนนี้มี 7 คนเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายอดิศร เพียงเกษ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายพายัพ ปั้นเกตุ และวีระกานต์ มุสิกพงศ์ จึงเกิดคำถามว่ามีเจตนาซักฟอกผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายหรือไม่ จะเป็นการรับรองความชอบธรรมที่จะนำไปสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ก่อการร้ายหรือไม่ ถามว่าใครหลอกคนเสื้อแดงคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว และการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการสืบทอดระบอบทักษิณต่อไปใช่หรือไม่เพราะลำดับหนึ่งและสองมาจากตระกูลชินวัตร ในขณะที่บอกให้ก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ก้าวข้ามตัวเอง ส่งทายาทอสูรมาสืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่คำตอบของประเทศ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถอยเพื่อรุกอีกรูปแบบหนึ่งคนไทยจะต้องรู้ทันในเรื่องนี้
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงหลักฐานเป็นภาพถ่ายการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งระหว่างการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีป้ายหาเสียงพรรคเพื่อไทยและป้ายชี้ชวนให้เลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ท่ามกลางมวลชนที่มาต้อนรับ แม้ว่าจะยังไม่มีเบอร์ก็ตาม โดยมีข้าราชการระดับสูงอยู่ในสถานที่ดังกล่าวด้วย เช่น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ดังนั้นจึงขอเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลต้องถอยแล้วกลับมาพิจารณาใหม่ เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เนื่องจากไม่สามารถทำให้เกิดความบริสุทธิยุติธรรม โดยจะส่งหลักฐานให้ กกต.ภายใน 2-3 วันนี้