มวลมหาประชาชนหลายล้านคน เราต้องทำให้มวลมหาประชาชนมีเป้าหมายเดียวกัน หรือมีจุดหมายเดียวกัน หรือมียุทธศาสตร์เดียวกันให้ได้เสียก่อน เพื่อให้มวลชนมีเอกภาพ (แตกต่างหลากหลาย ต่างมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน หากทำได้ชัยชนะก็จะต้องเป็นของปวงชนในทันที)
1. แกนนำต้องรู้สภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศ
จากสภาพของการเมืองในปัจจุบัน มันคือผลของการปกครองด้วยลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อผิดๆ อย่างร้ายแรงว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย อยากได้ระบอบประชาธิปไตย ต้องเรียกร้อง ต้องแก้ไข ต้องร่างใหม่ จึงจะได้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงที่ครอบงำชาติและประชาชนไทยเรามายาวนาน 81 ปี
ท่านทั้งหลายจึงเห็นว่า ปู ยิ่งลักษณ์ มีความเห็นผิดอย่างร้ายแรงว่าเขารักษาการนายกฯ เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย แท้จริงเธอกำลังพิทักษ์รักษาระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญหรือระบอบทักษิณอย่างสุดแรงเกิด
นี่ก็อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติอันเป็นทายาทอสูรคณะราษฎรฝ่ายปรีดี พนมยงค์ “สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย” โดยพวงทอง ภวัครพันธุ์, นิธิ เอียวศรีวงศ์, ปิยบุตร แสงกนกกุล, วาด รวี, เกษียร เตชะพีระ, คำ ผกา, สมชัย ภัทรธนานันท์, บก.ลายจุด, จิตรา คชเดช, ยุกติ มุกดาวิจิตร, ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ, วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ประจักษ์ ก้องกีรติ และพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
พวกเขาเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติแท้จริงกำลังปกป้องระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ คือการเอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาเป็นระบอบประชาธิปไตยซึ่งโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ท่านปัญญาชนทั้งหลาย ต่างก็รู้ว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลัก (Principle of Law) ไม่ใช่กฎหมายสูงสุด (Supreme Law) คือกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เช่น เกี่ยวกับ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และหลักการปกครองโดยธรรมของชาติ
อัตลักษณ์ของกฎหมาย หรือตัวกฎหมาย หรือหน้าที่ของกฎหมาย คือเป็นเครื่องมือหรือเป็นวิธีการที่จะนำไปสู่จุดหมายร่วมของปวงชนในชาติ กฎหมายตัวมันเองจึงไม่สามารถทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ได้
กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่สามารถเป็นจุดหมายของการปกครองใดๆ ได้
กฎหมายไม่สามารถเป็นหลักการปกครองได้ หลักการปกครองเป็นอย่างไร ระบอบก็เป็นเช่นนั้น
กฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเป็นระบอบประชาธิปไตยได้
กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นจึงเป็นเพียงวิธีการอันหลากหลายที่จะไปสู่จุดหมายหรือหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบฯ
จึงอุปมาได้ว่า วัดพระแก้ว เกิดก่อนแล้ว มีอยู่ก่อนแล้ว วิธีการไปวัดพระแก้วอันหลากหลายมาภายหลัง เช่น เดิน วิ่ง ขี่ม้า ขี่เกวียน รถยนต์ ฯลฯ ฉันใด
จุดหมาย หรือหลักการปกครองฯ หรือ ระบอบฯ ต้องมาก่อน กฎหมายรัฐธรรมนูญฉันนั้น
ดังนั้น หนทางย่อมรักษาจุดหมาย ฉันใด หน้าที่ของกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกอย่างหนึ่งคือ บังคับ หรือคุ้มครอง หรือปกป้องจุดหมายร่วมหรือปกป้องหลักการปกครอง หรือปกป้องระบอบฯ ฉันนั้น ดุจดังเปลือกหอยปกป้อง ป้องกันตัวหอย
ท่านทั้งหลาย จึงเห็นการบิดเบือน ความเข้าใจผิดว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย มายาวนานเข้าสู่ปีที่ 81 หรือจะเขียนเสียใหม่ว่า หนทางนี่แหละคือวัดพระแก้ว หรือจะเขียนว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญนี่แหละคือจุดหมายนี่คือมหาอมตะนิรันดร์กาลของความเห็นผิดและบิดเบือนทางการเมือง
ก็เพียงคิดง่ายๆ ถาม เด็ก ป. ๖ เขาก็ตอบได้ถูกต้องว่า “จุดหมาย ย่อมเกิดขึ้นในใจก่อน จากนั้นเราจึงเลือกวิธีการไปสู่จุดหมาย ฉันใด ดังนั้นหลักการปกครอง (จุดหมายร่วมของปวงชนหรือระบอบฯ) ย่อมเกิดก่อน มีก่อน สำเร็จก่อน กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น”
มาถึงตรงนี้ เราเห็นแนวคิดอันถูกต้องยิ่งใหญ่ของ “สมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7” ถูกต้อง ส่วนแนวคิดของคณะราษฎร ผิดซ้ำซากมาแล้วด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ยาวนาน 81 ปี การที่เราเห็นพรรคเพื่อไทย (จัญไรของชาติ) กำลังคิดจะร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่พวกมันจึงหลอกประชาชนอย่างอุบาทว์ชาติชั่ว เป็นฉบับที่ 19 อย่างนั้นหรือ
พวกลัทธิเผด็จการฝ่ายหนึ่งรักษากฎหมายรัฐธรรมนูญ อีกฝ่ายหนึ่งคิดจะร่างใหม่ว่าไปแล้วมันก็จัญไรพอๆ กัน เพราะเห็นผิดทั้งสองฝ่าย และทำลายชาติและประชาชนมาแล้วอย่างแสนสาหัส
ความขัดแย้ง คือผลของการปกครองเผด็จการทุกชนิด เพราะการปกครองระบอบเผด็จการทุกชนิด มันจะไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม แสดงให้เห็น มันมีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญล้วนๆ เอาไว้หลอกชาวบ้าน ความขัดแย้งภายใต้ระบอบเผด็จการขยายความได้ ดังนี้
1. ความขัดแย้งหลัก เป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับทุกรัฐบาล
1.1 ความขัดแย้งทางการเมือง คู่ขัดแย้งคือ ผู้ปกครองด้วยกันเอง ส่วนประชาชนตกเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ไพร่กับอำมาตย์ อันเป็นวาทกรรมลวงโลก
2. ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ คู่ขัดแย้ง คือ นายทุนข้ามชาติ นายทุนผูกขาดฝ่ายหนึ่งกับนายทุนชาติ นายทุนกับกรรมกร เพราะรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ มันเป็นรัฐบาลของนายทุนทั้งสาม ดังกล่าว เช่น นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายทุนต่างชาติ นายทุนผูกขาด ได้ประโยชน์เต็ม ส่วนนายทุนชาติล่มจม
ดังที่ได้กล่าวมานี้ แกนนำได้มองเห็นว่าเป็นระบอบทักษิณ แต่แท้ที่จริง สภาพการณ์แห่งความเป็นจริง เหตุแห่งความจัญไรทั้งปวงคือ ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและรัฐบาลและคณะเพียงหยิบมือเดียว เมื่อเหตุเลวร้าย เราจึงเห็นผลเลวร้ายตามมาคือ 1) เผด็จการรัฐสภา 2) ระบอบทักษิณ
ดังกล่าวนี้ หากใครๆ คิดจะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ก็ต้องสืบสาวไปหาเหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวงของชาติและประชาชน คือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันเป็นระบอบฯ ของนักการเมืองและรัฐบาลนั้นๆ เพียงหยิบมือเดียว จึงเรียกว่าระบอบเผด็จการแล้วจะไปเลือกตั้งในระบอบเผด็จการกันทำไม
ดังนั้นการโค่นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันมีพรรคการเมือง นักการเมือง รัฐบาล และทุนสามานย์สนับสนุน เป็นศูนย์กลางของการบังคับบัญชาในการปกครองอย่างกดขี่ ขูดรีด จึงเป็นเรื่องง่ายเพียงนิดเดียว
ก็เปลี่ยนจุดศูนย์กลางของการปกครองจากเหล่าพรรคการเมืองดังกล่าว ด้วยการเชิดชูหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ง่ายๆ เพียงเท่านี้เอง
เปลี่ยนศูนย์การนำจากนักการเมืองมาเป็นประชาชนภายใต้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือให้ทำตามนี้
ถามว่า หาก กปปส. ประกาศ เชิดชู ทำซ้ำๆ ถามว่ามีใครไม่เอาด้วย เว้นแต่แกนนำยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ถามว่าหากมีการประกาศเชิดชูหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ดังนี้แล้ว มีไหมทหารคนใดจะไม่เอาด้วยเขาจะเอาด้วย ร่วมมือด้วยทุกกรม กอง ข้าราชการจะยอมทุกคน
เพราะเหตุผลดังกล่าวนี้ ช่วยกันฝากบอกลุงกำนันสุเทพ บอกความจริงแก่ประชาชนว่า นี่คือระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ต้องได้รับการเสนอ พูด อธิบายๆ ผลักดันเพื่อสู่การสถาปนาคือทรงพระราชทานพระราชกฤษฎีกาพิเศษ การเมืองจึงจะเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง เพียงเท่านี้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ระบอบทักษิณ เผด็จการรัฐสภา ก็จะสิ้นไปในทันที
เมื่อมวลมหาประชาชนยึดเอาของดี ย่อมทิ้งของเลวก็เท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนก็พร้อมหน้าแล้ว จะทำให้ยากทำไมละ
กปปส.ประกาศยุทธศาสตร์นี้เลย ผบ.เหล่าทัพไหนไม่เอา มันก็โดดเดี่ยว มันก็อยู่ไม่ได้ เพราะทหาร ข้าราชการทั่วไปจะยอมหมดทุกกรม กอง ภายใต้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
บุคคลมีใจเป็นธรรมทั่วไปไม่เคยมีใครปฏิเสธ เว้นแต่พวกไม่เอาเจ้า พรรคการเมืองและเหล่านักการเมืองชั่วๆ ทั้งหลายที่ติดยึดในลัทธิรัฐธรรมนูญ ที่เห็นกฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ณ เบื้องหน้าก็หลอกประชาชนว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย ณ เบื้องหลังก็เป็นมหาโจรปล้นชาติทุกรัฐบาล ทั้งกู้ ทั้งโกง
เมื่อมีหลักการปกครองโดยธรรม ก็ย่อมกลายเป็นการเมืองของปวงชนโดยธรรม ประชาชนก็หลุดพ้นจากการเป็นทาสทางการเมือง ที่พวกพรรคการเมืองเผด็จการมันเอาการเลือกตั้งมาหลอกว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย
เมื่อมีหลักการปกครองดีแล้วเป็นของปวงชนแล้ว ต่อไปกฎหมายรัฐธรรมนูญก็จะดีตาม และรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลที่รักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ตามกฎของเหตุและผล เมื่อเหตุดี ผลย่อมดีตาม
อีกประเด็นหนึ่ง ขอยืนยันว่าหากเป็นระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอย่างแท้จริง ประมุขแห่งรัฐใช้อำนาจอธิปไตย (รัฏฐาธิปัตย์ Sovereign) แทนปวงชน สามารถปลดนายกรัฐมนตรี (เลว) ได้ทันทีเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ดูประเทศอังกฤษเป็นตัวอย่าง
1. แกนนำต้องรู้สภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศ
จากสภาพของการเมืองในปัจจุบัน มันคือผลของการปกครองด้วยลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อผิดๆ อย่างร้ายแรงว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย อยากได้ระบอบประชาธิปไตย ต้องเรียกร้อง ต้องแก้ไข ต้องร่างใหม่ จึงจะได้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงที่ครอบงำชาติและประชาชนไทยเรามายาวนาน 81 ปี
ท่านทั้งหลายจึงเห็นว่า ปู ยิ่งลักษณ์ มีความเห็นผิดอย่างร้ายแรงว่าเขารักษาการนายกฯ เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย แท้จริงเธอกำลังพิทักษ์รักษาระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญหรือระบอบทักษิณอย่างสุดแรงเกิด
นี่ก็อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติอันเป็นทายาทอสูรคณะราษฎรฝ่ายปรีดี พนมยงค์ “สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย” โดยพวงทอง ภวัครพันธุ์, นิธิ เอียวศรีวงศ์, ปิยบุตร แสงกนกกุล, วาด รวี, เกษียร เตชะพีระ, คำ ผกา, สมชัย ภัทรธนานันท์, บก.ลายจุด, จิตรา คชเดช, ยุกติ มุกดาวิจิตร, ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ, วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ประจักษ์ ก้องกีรติ และพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
พวกเขาเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติแท้จริงกำลังปกป้องระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ คือการเอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาเป็นระบอบประชาธิปไตยซึ่งโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ท่านปัญญาชนทั้งหลาย ต่างก็รู้ว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลัก (Principle of Law) ไม่ใช่กฎหมายสูงสุด (Supreme Law) คือกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เช่น เกี่ยวกับ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และหลักการปกครองโดยธรรมของชาติ
อัตลักษณ์ของกฎหมาย หรือตัวกฎหมาย หรือหน้าที่ของกฎหมาย คือเป็นเครื่องมือหรือเป็นวิธีการที่จะนำไปสู่จุดหมายร่วมของปวงชนในชาติ กฎหมายตัวมันเองจึงไม่สามารถทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ได้
กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่สามารถเป็นจุดหมายของการปกครองใดๆ ได้
กฎหมายไม่สามารถเป็นหลักการปกครองได้ หลักการปกครองเป็นอย่างไร ระบอบก็เป็นเช่นนั้น
กฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถเป็นระบอบประชาธิปไตยได้
กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นจึงเป็นเพียงวิธีการอันหลากหลายที่จะไปสู่จุดหมายหรือหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบฯ
จึงอุปมาได้ว่า วัดพระแก้ว เกิดก่อนแล้ว มีอยู่ก่อนแล้ว วิธีการไปวัดพระแก้วอันหลากหลายมาภายหลัง เช่น เดิน วิ่ง ขี่ม้า ขี่เกวียน รถยนต์ ฯลฯ ฉันใด
จุดหมาย หรือหลักการปกครองฯ หรือ ระบอบฯ ต้องมาก่อน กฎหมายรัฐธรรมนูญฉันนั้น
ดังนั้น หนทางย่อมรักษาจุดหมาย ฉันใด หน้าที่ของกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกอย่างหนึ่งคือ บังคับ หรือคุ้มครอง หรือปกป้องจุดหมายร่วมหรือปกป้องหลักการปกครอง หรือปกป้องระบอบฯ ฉันนั้น ดุจดังเปลือกหอยปกป้อง ป้องกันตัวหอย
ท่านทั้งหลาย จึงเห็นการบิดเบือน ความเข้าใจผิดว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย มายาวนานเข้าสู่ปีที่ 81 หรือจะเขียนเสียใหม่ว่า หนทางนี่แหละคือวัดพระแก้ว หรือจะเขียนว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญนี่แหละคือจุดหมายนี่คือมหาอมตะนิรันดร์กาลของความเห็นผิดและบิดเบือนทางการเมือง
ก็เพียงคิดง่ายๆ ถาม เด็ก ป. ๖ เขาก็ตอบได้ถูกต้องว่า “จุดหมาย ย่อมเกิดขึ้นในใจก่อน จากนั้นเราจึงเลือกวิธีการไปสู่จุดหมาย ฉันใด ดังนั้นหลักการปกครอง (จุดหมายร่วมของปวงชนหรือระบอบฯ) ย่อมเกิดก่อน มีก่อน สำเร็จก่อน กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น”
มาถึงตรงนี้ เราเห็นแนวคิดอันถูกต้องยิ่งใหญ่ของ “สมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7” ถูกต้อง ส่วนแนวคิดของคณะราษฎร ผิดซ้ำซากมาแล้วด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ ยาวนาน 81 ปี การที่เราเห็นพรรคเพื่อไทย (จัญไรของชาติ) กำลังคิดจะร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่พวกมันจึงหลอกประชาชนอย่างอุบาทว์ชาติชั่ว เป็นฉบับที่ 19 อย่างนั้นหรือ
พวกลัทธิเผด็จการฝ่ายหนึ่งรักษากฎหมายรัฐธรรมนูญ อีกฝ่ายหนึ่งคิดจะร่างใหม่ว่าไปแล้วมันก็จัญไรพอๆ กัน เพราะเห็นผิดทั้งสองฝ่าย และทำลายชาติและประชาชนมาแล้วอย่างแสนสาหัส
ความขัดแย้ง คือผลของการปกครองเผด็จการทุกชนิด เพราะการปกครองระบอบเผด็จการทุกชนิด มันจะไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม แสดงให้เห็น มันมีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญล้วนๆ เอาไว้หลอกชาวบ้าน ความขัดแย้งภายใต้ระบอบเผด็จการขยายความได้ ดังนี้
1. ความขัดแย้งหลัก เป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับทุกรัฐบาล
1.1 ความขัดแย้งทางการเมือง คู่ขัดแย้งคือ ผู้ปกครองด้วยกันเอง ส่วนประชาชนตกเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ไพร่กับอำมาตย์ อันเป็นวาทกรรมลวงโลก
2. ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ คู่ขัดแย้ง คือ นายทุนข้ามชาติ นายทุนผูกขาดฝ่ายหนึ่งกับนายทุนชาติ นายทุนกับกรรมกร เพราะรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ มันเป็นรัฐบาลของนายทุนทั้งสาม ดังกล่าว เช่น นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายทุนต่างชาติ นายทุนผูกขาด ได้ประโยชน์เต็ม ส่วนนายทุนชาติล่มจม
ดังที่ได้กล่าวมานี้ แกนนำได้มองเห็นว่าเป็นระบอบทักษิณ แต่แท้ที่จริง สภาพการณ์แห่งความเป็นจริง เหตุแห่งความจัญไรทั้งปวงคือ ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและรัฐบาลและคณะเพียงหยิบมือเดียว เมื่อเหตุเลวร้าย เราจึงเห็นผลเลวร้ายตามมาคือ 1) เผด็จการรัฐสภา 2) ระบอบทักษิณ
ดังกล่าวนี้ หากใครๆ คิดจะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ก็ต้องสืบสาวไปหาเหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวงของชาติและประชาชน คือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันเป็นระบอบฯ ของนักการเมืองและรัฐบาลนั้นๆ เพียงหยิบมือเดียว จึงเรียกว่าระบอบเผด็จการแล้วจะไปเลือกตั้งในระบอบเผด็จการกันทำไม
ดังนั้นการโค่นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันมีพรรคการเมือง นักการเมือง รัฐบาล และทุนสามานย์สนับสนุน เป็นศูนย์กลางของการบังคับบัญชาในการปกครองอย่างกดขี่ ขูดรีด จึงเป็นเรื่องง่ายเพียงนิดเดียว
ก็เปลี่ยนจุดศูนย์กลางของการปกครองจากเหล่าพรรคการเมืองดังกล่าว ด้วยการเชิดชูหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ง่ายๆ เพียงเท่านี้เอง
เปลี่ยนศูนย์การนำจากนักการเมืองมาเป็นประชาชนภายใต้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือให้ทำตามนี้
ถามว่า หาก กปปส. ประกาศ เชิดชู ทำซ้ำๆ ถามว่ามีใครไม่เอาด้วย เว้นแต่แกนนำยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ถามว่าหากมีการประกาศเชิดชูหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ดังนี้แล้ว มีไหมทหารคนใดจะไม่เอาด้วยเขาจะเอาด้วย ร่วมมือด้วยทุกกรม กอง ข้าราชการจะยอมทุกคน
เพราะเหตุผลดังกล่าวนี้ ช่วยกันฝากบอกลุงกำนันสุเทพ บอกความจริงแก่ประชาชนว่า นี่คือระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ต้องได้รับการเสนอ พูด อธิบายๆ ผลักดันเพื่อสู่การสถาปนาคือทรงพระราชทานพระราชกฤษฎีกาพิเศษ การเมืองจึงจะเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง เพียงเท่านี้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ระบอบทักษิณ เผด็จการรัฐสภา ก็จะสิ้นไปในทันที
เมื่อมวลมหาประชาชนยึดเอาของดี ย่อมทิ้งของเลวก็เท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนก็พร้อมหน้าแล้ว จะทำให้ยากทำไมละ
กปปส.ประกาศยุทธศาสตร์นี้เลย ผบ.เหล่าทัพไหนไม่เอา มันก็โดดเดี่ยว มันก็อยู่ไม่ได้ เพราะทหาร ข้าราชการทั่วไปจะยอมหมดทุกกรม กอง ภายใต้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
บุคคลมีใจเป็นธรรมทั่วไปไม่เคยมีใครปฏิเสธ เว้นแต่พวกไม่เอาเจ้า พรรคการเมืองและเหล่านักการเมืองชั่วๆ ทั้งหลายที่ติดยึดในลัทธิรัฐธรรมนูญ ที่เห็นกฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ณ เบื้องหน้าก็หลอกประชาชนว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย ณ เบื้องหลังก็เป็นมหาโจรปล้นชาติทุกรัฐบาล ทั้งกู้ ทั้งโกง
เมื่อมีหลักการปกครองโดยธรรม ก็ย่อมกลายเป็นการเมืองของปวงชนโดยธรรม ประชาชนก็หลุดพ้นจากการเป็นทาสทางการเมือง ที่พวกพรรคการเมืองเผด็จการมันเอาการเลือกตั้งมาหลอกว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย
เมื่อมีหลักการปกครองดีแล้วเป็นของปวงชนแล้ว ต่อไปกฎหมายรัฐธรรมนูญก็จะดีตาม และรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลที่รักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ตามกฎของเหตุและผล เมื่อเหตุดี ผลย่อมดีตาม
อีกประเด็นหนึ่ง ขอยืนยันว่าหากเป็นระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอย่างแท้จริง ประมุขแห่งรัฐใช้อำนาจอธิปไตย (รัฏฐาธิปัตย์ Sovereign) แทนปวงชน สามารถปลดนายกรัฐมนตรี (เลว) ได้ทันทีเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ดูประเทศอังกฤษเป็นตัวอย่าง