เอเยนซี - ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีโปรแกรมโม่แข้งกลางสัปดาห์วันพุธที่ 4 ธันวาคมนี้ เกมสำคัญหนีไม่พ้นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ เดวิด มอยส์ กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้เผชิญหน้ากับ เอฟเวอร์ตัน ที่เคยคุมทัพมานานร่วมทศวรรษ โดยเจ้าถิ่นจำเป็นต้องกำชัยสถานเดียว หากไม่อยากถูกจ่าฝูง อาร์เซนอล ทิ้งห่างมากกว่านี้ก่อนช่วงบ็อกซิงเดย์ แต่คงไม่ใช่งานง่าย เพราะอาคันตุกะฤดูกาลนี้ผลงานเข้าตาไม่ยอมให้ใครมาเอาชนะได้ง่ายๆ
หลังจากบุกไล่ตีเสมอ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สองครั้งสองคราเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้อันดับ แมนฯยู ยังไม่กระเตื้องเกาะที่ 8 มี 22 แต้มจาก 13 นัด ตามจ่าฝูง อาร์เซนอล 9 แต้ม ซึ่งก็ผ่านพ้นช่วง 1 ใน 3 ของฤดูกาลไปแล้ว วันพุธที่ 4 ธ.ค.นี้ “ปืนโต” มีโอกาสกำชัยสูง เพราะเล่นใน เอมิเรตส์ สเตเดียม พบ ฮัลล์ ซิตี ซึ่งหาก “ผีแดง” ไม่ชนะ เอฟเวอร์ตัน โอกาสไล่ล่าจะยากขึ้นเป็นทวีคูณ แม้ที่ผ่านมาเคยไล่กวดแซงคู่แข่งมาแล้วนักต่อนักช่วงบั้นปลาย แต่นั่นเป็นยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นอกจากนี้ยังมี เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ขวางทางอยู่ด้วย
ต้องยอมรับว่า มอยส์ ที่เข้ามาเป็นทายาทอสูรต่อจาก ท่านเซอร์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เจองานหนักตั้งแต่ 14 นัดแรก (นับรวมเกมกับ เอฟเวอร์ตัน) ซึ่งที่ผ่านมาเอาชนะ อาร์เซนอล ได้แค่ทีมเดียวคือ 1-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นก็เสมอ 2-2 กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี และ สเปอร์ส
เกมรับมือเอฟเวอร์ตัน มอยส์ มองว่าถือเป็นการเดิมพันป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก ปีนี้เลยก็ว่าได้ “เราค่อนข้างกังวล เพราะสถานการณ์ไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องการ แต่ฤดูกาลยังอีกยาวไกลและคิดว่าหลายอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยในเร็ววันนี้ โดยมีอีกหลายเกมรออยู่ช่วง 8 สัปดาห์ข้างหน้า ก็หวังว่าทีมจะลงตัวก่อน ส่วนนัดกับ สเปอร์ส ไม่ง่ายเลย พวกเขาแสดงให้เห็นถึงผลงานที่ออกมาจากความเชื่อมั่น หลังพบ เอฟเวอร์ตัน แมนฯยู จะเล่นเกมลีกในบ้าน 2 นัดรวมเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก จากนั้นต้องไปเยือนอีก ซึ่งแน่นอนว่าผลเสมอไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการแน่นอน”
นอกจาก มอยส์ ที่จะเจอกับทีมเก่า ยังมี เวย์น รูนีย์ ดาวยิง แมนฯยูไนเต็ด ที่ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 2004 ด้วยค่าตัว 26 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท) ซึ่งฟอร์มกำลังร้อนแรงลั่น 2 ประตูใส่ สเปอร์ส รวมแล้ว 10 ลูกทุกรายการ โดยจะเป็นแกนหลักต่อไป เนื่องจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี หอกดัตช์ยังบาดเจ็บ โดยกุนซือสกอตติชฝากความหวังว่า “รูนีย์ สมควรได้รับการยกย่อง เขากำลังเล่นได้ดีและยิงประตูต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็มักจะช่วยทีมได้เสมอ”
สำหรับอาการของ ฟาน เพอร์ซี แมนฯยู คงต้องเช็กความฟิตอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเจ็บน่องและเท้า อย่างไรก็ตาม มอยส์ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงลงเล่นเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เพราะยังมี ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ กับ แดนนี เวลเบ็ค ให้ใช้งาน ส่วนกองกลางตัวรับยังเป็น ฟิล โจนส์ เนื่องจาก ไมเคิล คาร์ริค เจ็บข้อเท้าต้องพักยาว
ขณะที่ฤดูกาลนี้ เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นม้ามืดตัวจริงมีลุ้นคว้าโควตา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หลังจาก เซาแธมป์ตัน กับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ผลงานรูดลงไป โดย “ทอฟฟีสีน้ำเงิน” รั้งอันดับ 5 มี 24 แต้ม ทั้งยังเป็นทีมเดียวที่แพ้น้อยสุดแค่ 1 นัดให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ล่าสุดเล่นในถิ่น กูดิสัน ปาร์ค ถล่ม สโต๊ก ซิตี 4-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ความดีความชอบต้องยกให้กุนซืออย่าง โรเบร์โต มาร์ติเนซ ทั้งที่เพิ่งเข้ามาเมื่อช่วงซัมเมอร์ หลังผละ วีแกน แอธเลติก ที่ฝากผลงานแชมป์ เอฟเอ คัพ ปีที่แล้วเอาไว้
มาร์ติเนซ ค่อนข้างมั่นใจในตัวนักเตะ เอฟเวอร์ตัน แต่กังวลเพียงอย่างเดียวคือเรื่องสภาพจิตใจจึงออกมากระตุ้นว่า “มีหลายเกมที่เราไม่คาดหวังว่าจะชนะได้ง่ายๆ แต่ถ้าต้องการประสบความสำเร็จก็ต้องงัดอะไรที่พิเศษแสดงให้เห็น โดยเฉพาะสภาพจิตใจที่มุ่งมั่น 10 ปีที่ผ่านมา ทีมไม่ชนะ อาร์เซนอล, แมนฯยู, เชลซี และ ลิเวอร์พูล ที่สนามพวกเขาเลย ดังนั้นต้องพยายามให้หนักขึ้น ดังนั้นถือเป็นสุดยอดบททดสอบและท้าทายมากในวันพุธนี้ ซึ่งส่วนตัวรวมถึงนักเตะทุกคนตื่นเต้นกันมาก”
หนสุดท้ายที่ เอฟเวอร์ตัน บุกชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้องย้อนไปปี 1992 ยุคคุมทัพของ โฮเวิรด์ เคนดัลล์ ด้วยสกอร์ 3-0 แต่ แมนฯยู ก็จะประมาทไม่ได้ เพราะปีนี้หลังอ่อนยวบ 13 นัดเสียไปถึง 17 ประตู แถม “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” มีหอกชั้นดีอย่าง โรเมลู ลูกากู ที่ยืมมาจาก เชลซี ซัดไปแล้ว 8 ประตูในลีก ส่วนแข้งเจ็บหมดสิทธิ์ลงสนามมี ดาร์รอน กิ๊บสัน (กองกลาง / เข่า) เลย์ตัน เบนส์ (แบ็กซ้าย / ข้อเท้า) และ อารูนา โคเน (กองหน้า / เข่า)