xs
xsm
sm
md
lg

พท.อ้างเหตุการณ์อียิปต์มาจาก “อภิสิทธิ์โมเดล” จี้ใช้สภาปฏิรูปฯ ไปสู่ปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด (แฟ้มภาพ)
รองโฆษก พท.จิตนาการล้ำเลิศ อ้างเหตุการ์อียิปต์ มาจากต้นแบบ “อภิสิทธิ์โมเดล” ได้ทีแนะทุกฝ่ายใช้สภาปฏิรูปการเมือง นำไปสู่ความปรองดอง เสี้ยม ปชป.หลอกใช้พันธมิตรฯไล่รัฐบาล ขู่ระวังมีคดีเพิ่ม พร้อมเฉ่งโจมตีนายกฯ ผลาญงบไปนอก อ้าง “ปู” เยือนตามคำเชิญ เหน็บ “มาร์ค” อิจฉา แว้งเล่นงาน กสม.เป็นทายาทอสูร

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ว่า ขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชนชาวอียิปต์ และขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนจนเกิดความสูญเสียมากมาย อยากให้ประเทศไทยดูอียิปต์เป็นบทเรียน ว่าการรัฐประหารและการใช้อาวุธสงครามเข้าเข่นฆ่าประชาชนนั้น ส่งผลต่อสายตาที่เป็นลบของประชาคมโลกอย่างไร

แม้ว่ามีบางส่วนอาจจะมองว่าไทยและอียิปต์ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ เพราะก็เคยเกิดเหตุการณ์ทั้งรัฐประหารและการใช้อาวุธสงครามปราบปรามประชาชน หรือ เหตุการณ์สงกรานต์เลือด ปี 52 และ เหตุการณ์ช่วง มี.ค.-พ.ค.ปี 53 แทบจะเรียกได้ว่าอภิสิทธิ์โมเดล ที่อียิปต์อาจจะเอาเป็นต้นแบบหรือไม่ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง จนกลายเป็นความขัดแย้งมาจนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ขอเรียกร้องผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขออย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเลย เพื่อให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ คลี่คลายไปได้ สภาปฏิรูปการเมืองน่าจะเป็นหนทางปรองดองที่เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์อยากให้คนไทยที่เล่นกีฬาสีหรือแฟนซีไนท์ใส่หน้ากากกันอยู่ ตรวจสอบตัวเอง จะเป็นสีอะไรก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้มีกรอบ มีขอบเขต ที่ทุกฝ่ายจะไม่เดินเลยเส้นเข้าไปในพื้นที่ความรุนแรง หากมีฝ่ายใดที่พยายามสร้างสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง สังคมต้องช่วยกันฉุดดึง ช่วยกันเตือนสติ อย่ายั่วยุ

ส่วนที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์เข้าพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่น 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ในเรื่องทิศทางการต่อสู้ทางการเมืองของแต่ละฝ่ายนั้น นายอนุสรณ์กล่าวว่า การต่อสู้ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าขาดความเป็นเอกภาพ และขาดการสนับสนุนจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างเป็นทางการ มีเพียงบางส่วนที่อาจจะมีการแอบสนับสนุน แต่ก็ไม่เปิดหน้า ทำให้ไม่สามารถเรียกมวลชนได้ตามเป้าที่ต้องการ

การที่พรรคประชาธิปัตย์ลงทุนไปพูดคุยกับนายปานเทพในครั้งนี้ ชัดเจนว่าเที่ยวนี้พรรคประชาธิปัตย์เทหมดหน้าตัก เพราะที่ผ่านมาอุตส่าห์ปราศรัยหามรุ่งหามค่ำ อดหลับอดนอนเพื่อปลุกระดมมวลชนแต่ก็ทำได้เพียงหลอกชาวบ้านมาส่งสภา เปรียบเสมือนให้ผู้ปกครองมาส่งหน้าโรงเรียน ซึ่งครั้งนั้นถือว่าพรรคประชาธิปัตย์สอบตกอย่างสิ้นเชิง สำหรับการเล่นการเมืองนอกสภา ไม่มีใครเขาทอดทิ้งมวลชนไว้กลางทางแบบนั้น นี่ยังไม่เข็ดอีก เรียกว่าไม่เข็ด 2 เด้ง เด้งแรกคือมุมของพรรคประชาธิปัตย์มวลชนรู้แล้วว่าถูกพรรคประชาธิปัตย์หลอกก็ยังจะเดินหน้าเล่นการเมืองนอกสภาอยู่อีก เด้ง 2 สำหรับพันธมิตรฯ ครั้งที่แล้วจำได้หรือไม่ว่าโดนประชาธิปัตย์หลอกใช้อย่างไรบ้าง หวังว่าการพูดคุยของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ จะไม่เข้าทำนอง รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก

นายอนุสรณ์กล่าวว่า การยื่นเงื่อนไขให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะต้องลาออกทั้งหมดจึงจะออกมาร่วมด้วยนั้นก็ไม่น่าจะออกได้จริง ไม่เช่นนั้น 2 ปีที่เหลือ ในขณะที่คดีความงวดเข้ามา พวกมีคดี งานงอก เสี่ยงจะต้องเดินไปส่งกันถึงเรือนจำเป็นทิวแถวแน่ๆ

นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายโจมตีงบสร้างภาพลักษณ์ประเทศ และการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ว่า ไม่เหนือความคาดหมายที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะรุมทึ้งกับประเด็นนี้ เพราะแม้จะเป็นประเด็นเล็กๆ แต่เอื้อต่อการที่ประชาธิปัตย์จะฉกฉวยมาตีกินได้สะดวก ทั้งที่การเดินทางไปต่างประเทศในแต่ละครั้งของนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการไปตามคำเชิญของต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ เป็นโอกาสที่จะนำแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจมาปรับใช้กับประเทศรวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน หลังวิกฤติการเมืองจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สั่งกระชับพื้นที่จนประชาชนเสียชีวิต ทำให้สังคมโลกไม่ยอมรับ

ซึ่งการเลือกประเทศที่ไปเยือน ก็เน้นดูเรื่องอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อย่างน้อย 5-10 เปอร์เซ็นต์ บางประเทศก็หวังเป็นแหล่งกระจายสินค้าเกษตร อาทิ นำข้าว นำสินค้าโอทอปไปขายเป็นรัฐบาลที่หาเงินเข้าประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถหยิบจับผลงานอย่างเป็นรูปธรรมได้ทุกครั้ง วันนี้ เราอยู่เฉยไม่ได้ นี่คือโอกาสสำคัญ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คิดไม่ได้ และไม่เคยมองพ้นกระพี้ พยายามกล่าวหาว่านายกฯไปเที่ยว ทั้งที่จริงๆไม่ใช่ นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์เองคงอิจฉาที่ไม่เคยได้รับโอกาส เพราะเมื่อสมัยเป็นรัฐบาลต่างชาติเขาไม่เชิญ เนื่องจากใครๆก็รู้กันหมด ว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยะประเทศ ฉะนั้นงบประมาณที่ตั้งไว้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ประเทศ หรือการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีจึงต้องมีต่อไปและเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลนี้เน้นกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาแน่นอน

นายอนุสรณ์กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. เผยแพร่ผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติว่า รายงานดังกล่าวเหมือน กสม.เป็นทายาทอสูร ของอำนาจเผด็จการ เป็นการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจนจนเกินไป เนื่องจากวันนี้ประชาชนก็ทราบกันดีว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กระทำการที่ทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บ และเสียชีวิต เป็นพฤติกรรมการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงหรือไม่ ทำให้ประชาชนไม่อาจวางเฉยได้ต่อกรณีนี้ จะมีก็แต่ กสม.ที่ยังคงเดินหน้าต่อต้านกระแสแห่งมนุษยธรรม ทั้งๆที่วันนี้ศาลก็ได้พิพากษาแล้วว่าคดีสังหารหมู่ 6 ศพในวัดปทุมฯ เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธาน กสม.แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เช่น ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้ว่ามีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ 300 กว่าวัน ตั้งแต่ 7 เม.ย. ถึง 22 ธ.ค. ปี 2553 แล้วประชาชนจะสามารถเชื่อถือข้อมูลของ กสม.ได้อย่างไร แม้แต่ พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยังออกมาระบุเป็นเสียงข้างน้อย ไม่ได้ลงนามรับรองเห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้และย้ำรายงานฉบับนี้ไร้มาตรฐาน ถ้าเกิดความเสียหายคนเซ็นต้องรับผิดชอบหรือแม้แต่ กรณี กสม.และ หมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ แถลงข่าวเรื่องการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ออกมาแถลงเช่นนี้ เพราะเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับพยานหลักฐาน ทั้งที่ตำรวจก็ได้ยืนยันว่าทำคดี ตรงไปตรงมา บวกกับคำรับสารภาพของนายสันติภาพ เพ็งด้วง ผู้ต้องหาก็ชัดเจน

“ความห่วงใย ที่ กสม.มีต่อการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เทียบกับความห่วงใยต่อ 99 ศพ และกว่า 2,000 ชีวิตที่บาดเจ็บแล้ว ต่างกันมาก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า การทำงานของ กสม.อยู่ใต้อำนาจทางการเมืองฝ่ายใดหรือไม่ ใช้แค่จินตนาการ ไม่ใส่ใจพยานหลักฐาน ขอเรียกร้องให้ กสม. ทบทวนบทบาทหน้าที่ของตนเองอีกครั้ง ว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากน้อยเพียงใด ขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและอย่าให้ใครมาดูถูกได้ว่า กสม.ชุดนี้ล้วนเป็นทายาทอสูรจากรัฐประหาร”


กำลังโหลดความคิดเห็น