xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"อ้างไม่ยึดติดเก้าอี้แต่ลาออกไม่ได้ คนตจว.อ้อนนายกฯอย่าทิ้งประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 12.30 น. วานนี้ (25ธ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ดอนเมือง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมครม. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ เป็นตัวแทนครม. กล่าวอวยพรปีใหม่นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสการประชุมครม.เป็นครั้งสุดท้ายประจำปี 56 ก่อนกลับมาประชุมอีกครั้งในปี 57 โดยนายสุรพงษ์ กล่าวอวยพรให้นายกฯ สุขภาพแข็งแรง จิตใจเบิกบาน อดทนอดกลั้น ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองหลังจากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่เหลือ แต่ขอให้นายกฯ ปกครองประเทศ นำพาประชาชนไปข้างหน้า ได้รับการยอมรับจากสังคมโลกในเรื่องความอดทนอดกลั้น ทุกประเทศชื่นชมที่นายกฯ เสียสละ ไม่ยึดติดตำแหน่ง โดยมี 50 ประเทศสะท้อนผ่านมายัง นายสุรพงษ์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สุดท้ายนายสุรพงษ์ ยังได้อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยให้ปกป้องนายกฯ ให้มีความสุขความเจริญและเป็นนายกฯอันเป็นที่รักของคนไทยตลอดไป
ขณะที่นายกฯ กล่าวตอบว่า มีความสุขที่ได้กลับมาในที่ประชุมครม.ในวันนี้ และได้รับคำอวยพรที่ดี รู้สึกดีใจที่เห็นทุกคนแสดงเจตนารมย์ปกป้องระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ปกป้องตน เอง ที่ผ่านมาไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น และไม่เคยยึดติดต่อตำแหน่ง แต่ไม่สามารถทิ้งประชาชน เพราะได้เห็นสายตาประชาชนขณะเดินทางไปต่างจังหวัดซึ่งพูดว่านายกฯ อย่าทิ้งประชาชนที่เลือกมา ทำให้ต้องละทิ้งความรู้สึกส่วนตัว ดังนั้น ขอให้ครม.ทุกคนร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคนำพาประเทศชาติ ให้เดินไปข้างหน้า ไม่ทราบว่าถ้าเราอ่อนแอวันไหนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศชาติ
“ขณะนี้ตัวดิฉันเองเหมือนนักกีฬาที่ขึ้นชกอยู่บนสังเวียน รอให้กรรมการมาตัดสิน โดยใช้กติกาที่ถูกต้องแต่ถ้ากรรมการเลือกที่จะไม่ตัดสิน ดิฉันคงต้องยอมถูกชกจนตัวตาย แล้วให้คนดูเป็นผู้เลือกตัดสินใจ วันนี้จะไม่ขอให้ใครมาช่วยเหลือตัวดิฉัน และรัฐบาล แต่จะขอให้มาช่วยเหลือประเทศชาติ ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนเลือกที่จะทำและร่วมกันคิดว่าอยากให้ประเทศไทยเดินไปอย่างไร ตัวดิฉันไม่ยื้อกับตำแหน่งและอำนาจ แต่ต้องการยื้อกับความยุติธรรม ที่ถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกขยี้แล้วขยี้อีก ทำให้คนที่ตั้งใจทำดีถูกทำลาย วันปีใหม่ที่จะถึงนี้ขอให้ครม. และคนไทยทั้งประเทศ มีความสุข และได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ อย่าให้ได้รับความทุกข์อย่างที่ตัวดิฉันและครอบครัวได้รับอีกเลย” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
จากนั้นนายสุรพงษ์ เป็นตัวแทนครม. มอบกระเช้าดอกไม้แก่นายกรัฐมนตรี และครม.พากันกลุกยืนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีขอให้นายกฯ ต่อสู้กับปัญหาด้วยความอดทน
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัติ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมครม.วานนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. ได้เข้ารายงานสถานการณ์การชุมนุมได้รับทราบ และแจ้งว่าวันนี้ (26ธ.ค.) กปปส. ประกาศนำมวลชนไปบุกบ้านพักนายกรัฐมนตรี ที่ ซอยโยธินพัฒนา 3 โดยครม.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เป็นการคุกคามการทำหน้าที่แม่ของนายกฯ เพราะไม่ใช่สถานที่ที่จะไปยื่นข้อเสนอเรียกร้องทางการเมือง เพราะไม่ใช่สถานที่ทำงาน หากกลุ่มผู้ชุมนุมทำแบบนี้ต่อไป จะเป็นบรรทัดฐานว่า ต่อไปถ้าผู้หญิงคนไหนออกไปทำงานนอกบ้านแล้วมีคนไม่พอใจการทำหน้าที่ ก็จะถูกคุกคามทั้งตัวเองและครอบครัว จะมีผู้หญิงคนไหนกล้าออกมามีบทบาทในสังคม นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ จึงขอให้แกนนำ กปปส. โดยเฉพาะที่เป็นผู้หญิงซึ่งน่าจะมีสัญชาติญาณความเป็นแม่ทบทวนในเรื่องนี้ เพื่อให้”น้องไปป์” เติบโตอย่างมีความมั่นคงปลอดภัยเหมือนเด็กคนอื่นๆ
**จัดระเบียบจราจรช่วง 7 วันอันตราย
ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย (มท.3) แถลงภายหลังการประชุมเตรียมความพร้อมจัดการจราจรช่วง 7 วันอันตรายในเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 56 - 2 ม.ค .57 โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานที่ประชุมว่า นายกฯได้กำชับเรื่องแผนการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วน โดยให้มีการบูรณาการทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทุกจังหวัด ให้เป็นผู้บัญชาการศูนย์ ต้องมีการเตรียมความพร้อมให้การอำนวยความสะดวกเรื่องการคมนาคมของประชาชนที่กลับภูมิลำเนา หรือไปท่องเที่ยว และใหัอยู่ในพื้นที่ เพื่อดูแลในช่วงเวลาดังกล่าว และให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมมือกับตำรวจ กระทรวงคมนาคม เพื่อดูแลเรื่องการให้ความปลอดภัยกรณีมีเหตุฉุกเฉิน โดยนายกฯ ยังได้กำชับหากมีอุบัติเหตุเร่งด่วนให้ประสานกับบริษัทประกันภัย แต่หากเป็นอุบัติเหตุเล็ก ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานเคลียร์พื้นที่ ส่วนเหตุใหญ่ ต้องมีการเตรียมพร้อมเรื่องรถยก ขณะที่กระทรวงกลาโหม จะเปิดค่ายให้เป็นที่พักรถ ดูแลเรื่องการซ่อมแซมรถ ด้านกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมรถกว่าหมื่นคัน จากมูลนิธิและภาคเอกชนประจำจุดต่างๆ เพื่อช่วยเหลือกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
นอกจากนี้ นายกฯได้กำชับว่า ไม่อยากให้มีการแจ้งข่าวการเสียชีวิต โดยอยากให้จังหวัดมีการแข่งขันกันในพื้นที่เพื่อลดการสูญเสีย และอยากให้เป็นช่วงเทศกาล ที่มีความสุข ทั้งนี้เราจะมีการแถลงข่าวในช่วง 7 วันอันตรายทุกวัน เพื่อกำชับไปยังทุกจังหวัด และจะมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาประชุมทุกวัน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ด้านพล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ภายใต้แนวคิดปีใหม่สัญจรปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ สตช. ได้ออกมาตรการหลักในการลดอุบัติเหตุ โดยสำรวจศักยภาพของพื้นที่ที่เคยเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยพบจุดเสี่ยงอันตรายทั่วประเทศ 2,317 จุด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดทำป้ายเตือน และมีสัญญาณไฟทุกจุด ทั้งนี้จุดที่เฝ้าระวังรวมถึงในกรุงเทพฯซึ่งมีจุดเคาท์ดาวใหญ่ 3 แห่ง คือ เวิล์ดเทรด เอเชียทีค และซีดีซี ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมทุกด้านแล้ว อีกส่วนหนึ่งเราตั้งจุดตรวจทั่วประเทศ 2,977 จุด และมีจุดบริการเป็นจุดพักรถ แนะนำเส้นทาง บริการน้ำดื่ม มีจุดตรวจแอลกอฮอร์ และจะเน้นหนักเรื่องเมาแล้วขับ การบังคับเรื่องการใช้ความเร็วเกินกำหนด และเรื่องการไม่สวมหมวกนิรภัย ทั้งนี้ได้เปิดสายด่วนบริการประชาชนสอบถามเส้นทางในเขตกรุงเทพฯที่เบอร์ 1197 และต่างจังหวัดที่เบอร์ 1193 สอบถามได้ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมพร้อมการดูแลกรณีเจ็บป่วยเร่งด่วน รวมถึงการลำเลียงผู้ป่วยในสายการแพทย์ทางอากาศด้วย อย่างไรก็ตามสตช.ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ 83,640 นาย

**ยกเว้นทางด่วนช่วงปีใหม่

คณะรัฐมนตรี รับทราบ การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา–ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี–สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสีย หรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2556 เวลา 00.01 นาฬิกา ถึงวันที่ 3 มกราคม 2557 เวลา 24.00 นาฬิกา คาด จะมีปริมาณจราจรที่ใช้ทางพิเศษ 1,252,768 คัน จะทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 48,857,952 บาท แต่จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ ประเมินเป็นมูลค่า 22,168,936 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น