ASTVผู้จัดการรายวัน – “อิออนกรุ๊ป” เร่งรุกขยายธุรกิจใหม่ๆในไทยเพิ่ม ทั้งอิออนมอลล์ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อิออนซีเนม่าโรงหนัง และอิออนเพ็ทโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง
นายฮิโรทากะ ฟุคุโมริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน แฟนตาซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อิออนกรุ๊ปญี่ปุ่นมีแผนที่จะขยายธุรกิจในไทยมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมพร้อมว่าจะนำธุรกิจอะไรเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้จะสามารถสรุปแนวทางการลงทุนในไทยได้
รวมทั้งจะใช้ไทยเป็นฐานในการขยายธุรกิจบางอย่างในประเทศเพื่อนบ้านนี้ด้วย
อีกทั้งบริษัทฯแม่ยังพิจารณาด้วยว่าหากประเทศไทยมีศักยภาพและมีความเหมาะสมมากพอก็อาจจะตั้งสำนักงานที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกแห่งก็ได้ จากเดิมที่ปัจจุบันนี้ธุรกิจในไทยขึ้นกับที่ญี่ปุ่นโดยตรง ขณะที่สำนักงานในต่างประเทศนอกจากที่ญี่ปุ่นแล้วก็มีการตั้งที่ จีน มาเลเซีย
โดยกลุ่มธุรกิจที่เตรียมจะเข้ามาในไทยคือ อิออนมอลล์ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกแบบศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อิออนซีเนม่า เป็นธุรกิจโรงภาพยนตร์ระบบซีนีเพล็กซ์ อิออนเพ็ท ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง โดยมีแนวโน้มว่าธุรกิจแรกที่จะเข้ามาก่อนคืออิออนเพ็ทเนื่องจากการลงทุนนค่อนข้างต่ำและใช้พื้นที่ไม่มากการแข่งขันยังไม่รุ่นแรง ส่วนธุรกิจโรงหนังกับอิออนมอลล์นั้นลงทุนสูงและต้องใช้พื้นที่ในการทำธุกริจค่อนข้างมากและการแข่งขันก็รุนแรงด้วย
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธุรกิจในเครือได้เข้ามาลงทุนในไทยบ้างแล้วหลายกลุ่มคือ อิออนธนสินทรัพย์ อิออนรีเทล (แม็กซ์แวลูทันใจ) สไว(ธุรกิจหาคู่) ท็อปแวลู (ธุรกิจผลิตสินค้า) อิออนแฟนตาซี (ธุรกิจสวนสนุก) ที่เพิ่งเข้ามาในไทยล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่อีกหลายธุรกิจที่ยังไม่เข้ามาแต่คาดว่าคงจะยังไม่มีแนวโน้มจะเข้ามาในไทยในระยะนี้เช่น อิออนแบงก์ มินิสต๊อปธุกรกิจคอนวีเนียนสโตร์และอิออนดีไลท์ ธุรกิจเกี่ยวกับบริการและดูแลอาคาร
“จริงๆแล้วอิออนกรุ๊ปที่ญี่ปุ่นมีธุรกิจในเคตรือข่ายครอบคลุมหลากหลายมากถึง 180 ธุรกิจ แต่ก็มีการแบ่งกลุ่มกันดูแล โดยมีรายได้รวมต่อปีประมาณ 2 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ปีนี้อิออนที่ญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโตมากถึง 18-20% เนื่องจากมีการควบรวมกิจการห้างค้าปลีกอันดับที่สามของญี่ปุ่นคือ ไดเอ เข้ามาอยู่ในเครือด้วย จึงทำให้เติบโตมาก”
ทั้งนี้ตัวเลขจากข้อมูลทางการเงินของอิออนกรุ๊ปกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเมื่อปี 2011 มีรายได้รวม 64 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ มีรายได้สุทธิรวม 830 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ”
ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีเสน่ห์ มีศักยภาพในการลงทุนธุรกิจต่างๆได้ดี ประชากรก็มีกำลังซื้อดี กรุงเทพฯและไทยมีความพร้อมทุกอย่าง และไทยเองก็มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วย แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองบ้างแต่ก็เป็นระยะสั้น ซึ่งธุรกิจทั้งกลุ่มของอิออนในไทยเติบโตทุกกลุ่ม โดยเฉลี่ยแล้วภาพรวมเติบโต 25-30% ต่อปี
ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญเป็นอันดับสองรองจากมาเลเซีย ที่อิออนให้ความสนใจในตลาดอาเซียน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันหรือช่วงหลังมานี้ ประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯจะมีการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นบ่อยครั้งนั้น ทางอิออนกรุ๊ปก็ยังมีความเชื่อมั่นประเทศไทยในระยะยาว แต่เราก็ยังมีแนวทางในการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจขยายธุกรกิจออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการสร้างรรายได้ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกต่างๆ เช่น อิออนธนสินทรัพย์หรือแม็กซ์แวลู
ส่วนตลาดในอาเซียนที่อิออนสนใจอีกก็เช่น เวียดนาม กัมพูชา ที่ปีหน้ามีแผนที่จะนำธุรกิจอิออนมอลล์ อิออนแฟนตาซี และอิออนรีเทลคือจัสโก้เข้าไปลงทุนด้วย ส่วนที่อินโดนีเซียและมาเลเซียก็มีแผนที่จะนำธุรกิจอิอออนมอลล์เข้าไปเปิดบริการเช่นกัน
นายฮิโรทากะ ฟุคุโมริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน แฟนตาซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อิออนกรุ๊ปญี่ปุ่นมีแผนที่จะขยายธุรกิจในไทยมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมพร้อมว่าจะนำธุรกิจอะไรเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้จะสามารถสรุปแนวทางการลงทุนในไทยได้
รวมทั้งจะใช้ไทยเป็นฐานในการขยายธุรกิจบางอย่างในประเทศเพื่อนบ้านนี้ด้วย
อีกทั้งบริษัทฯแม่ยังพิจารณาด้วยว่าหากประเทศไทยมีศักยภาพและมีความเหมาะสมมากพอก็อาจจะตั้งสำนักงานที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกแห่งก็ได้ จากเดิมที่ปัจจุบันนี้ธุรกิจในไทยขึ้นกับที่ญี่ปุ่นโดยตรง ขณะที่สำนักงานในต่างประเทศนอกจากที่ญี่ปุ่นแล้วก็มีการตั้งที่ จีน มาเลเซีย
โดยกลุ่มธุรกิจที่เตรียมจะเข้ามาในไทยคือ อิออนมอลล์ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกแบบศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อิออนซีเนม่า เป็นธุรกิจโรงภาพยนตร์ระบบซีนีเพล็กซ์ อิออนเพ็ท ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง โดยมีแนวโน้มว่าธุรกิจแรกที่จะเข้ามาก่อนคืออิออนเพ็ทเนื่องจากการลงทุนนค่อนข้างต่ำและใช้พื้นที่ไม่มากการแข่งขันยังไม่รุ่นแรง ส่วนธุรกิจโรงหนังกับอิออนมอลล์นั้นลงทุนสูงและต้องใช้พื้นที่ในการทำธุกริจค่อนข้างมากและการแข่งขันก็รุนแรงด้วย
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธุรกิจในเครือได้เข้ามาลงทุนในไทยบ้างแล้วหลายกลุ่มคือ อิออนธนสินทรัพย์ อิออนรีเทล (แม็กซ์แวลูทันใจ) สไว(ธุรกิจหาคู่) ท็อปแวลู (ธุรกิจผลิตสินค้า) อิออนแฟนตาซี (ธุรกิจสวนสนุก) ที่เพิ่งเข้ามาในไทยล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่อีกหลายธุรกิจที่ยังไม่เข้ามาแต่คาดว่าคงจะยังไม่มีแนวโน้มจะเข้ามาในไทยในระยะนี้เช่น อิออนแบงก์ มินิสต๊อปธุกรกิจคอนวีเนียนสโตร์และอิออนดีไลท์ ธุรกิจเกี่ยวกับบริการและดูแลอาคาร
“จริงๆแล้วอิออนกรุ๊ปที่ญี่ปุ่นมีธุรกิจในเคตรือข่ายครอบคลุมหลากหลายมากถึง 180 ธุรกิจ แต่ก็มีการแบ่งกลุ่มกันดูแล โดยมีรายได้รวมต่อปีประมาณ 2 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ปีนี้อิออนที่ญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโตมากถึง 18-20% เนื่องจากมีการควบรวมกิจการห้างค้าปลีกอันดับที่สามของญี่ปุ่นคือ ไดเอ เข้ามาอยู่ในเครือด้วย จึงทำให้เติบโตมาก”
ทั้งนี้ตัวเลขจากข้อมูลทางการเงินของอิออนกรุ๊ปกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเมื่อปี 2011 มีรายได้รวม 64 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ มีรายได้สุทธิรวม 830 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ”
ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีเสน่ห์ มีศักยภาพในการลงทุนธุรกิจต่างๆได้ดี ประชากรก็มีกำลังซื้อดี กรุงเทพฯและไทยมีความพร้อมทุกอย่าง และไทยเองก็มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วย แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองบ้างแต่ก็เป็นระยะสั้น ซึ่งธุรกิจทั้งกลุ่มของอิออนในไทยเติบโตทุกกลุ่ม โดยเฉลี่ยแล้วภาพรวมเติบโต 25-30% ต่อปี
ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญเป็นอันดับสองรองจากมาเลเซีย ที่อิออนให้ความสนใจในตลาดอาเซียน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันหรือช่วงหลังมานี้ ประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯจะมีการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นบ่อยครั้งนั้น ทางอิออนกรุ๊ปก็ยังมีความเชื่อมั่นประเทศไทยในระยะยาว แต่เราก็ยังมีแนวทางในการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจขยายธุกรกิจออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการสร้างรรายได้ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกต่างๆ เช่น อิออนธนสินทรัพย์หรือแม็กซ์แวลู
ส่วนตลาดในอาเซียนที่อิออนสนใจอีกก็เช่น เวียดนาม กัมพูชา ที่ปีหน้ามีแผนที่จะนำธุรกิจอิออนมอลล์ อิออนแฟนตาซี และอิออนรีเทลคือจัสโก้เข้าไปลงทุนด้วย ส่วนที่อินโดนีเซียและมาเลเซียก็มีแผนที่จะนำธุรกิจอิอออนมอลล์เข้าไปเปิดบริการเช่นกัน
