ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยวางระเบิด 3 จุดอ.สะเดา จ.สงขลา เครือข่ายเดียวกันกับที่ยิงชาวบ้าน 5 ศพที่จ.ปัตตานี พร้อมขโมยรถมาประกอบคาร์บอมบ์ ด้านจ.ภูเก็ต ระทึกหลังรถกระบะพร้อมถังแก๊สประกอบเป็นคาร์บอมบ์ จอดทิ้งสภ.เมือง "อีโอดี"พบตั้งเวลาด้วยนาฬิกาปลุก 1 ส.ค. 14.45 น. วันเดียวกับที่ถล่มอบจ.ภูเก็ต พบเจ้าของรถถูกสังหารที่จ.สงขลา ก่อนขโมยรถมาซุกถังแก๊ส 16 กก. 2 ถัง ต่อชนวนแล้ว โชคดีไม่ทำงาน ผกก.สภ.เมือง ระบุมาจอดตั้งแต่เดือนตุลาคม กว่าจะรู้ปาเข้าไป 22 ธ.ค. โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้คล้ายระเบิดลีการ์เดน หาดใหญ่
วานนี้ (23 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนขยายผล เหตุระเบิด 3 จุดในอ.สะเดา จ.สงขลา ประกอบด้วยสภ.ปาดังเบซาร์ สภ.สะเดา และโรงแรมโอลิเวอร์ บ้านด่านนอก ชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 27 คน ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ประเมินว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกับที่ยิงชาวบ้าน 5 ศพในต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เนื่องจากรถยนต์กระบะคาร์บอมบ์ข้างโรงแรมโอลิเวอร์ เป็นรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บม 5164 นครศรีธรรมราช คันเดียวกับที่ถูกขโมยไปหลังก่อเหตุ
โดยพุ่งเป้าไปที่ 3 แกนนำหลักใน 4 อำเภอชายแดนสงขลา คือ นายเสรี แวมามุ นายรุสลัน ใบหมะ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ และนายอับดุลตอเละ กาสอ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดร้านน้ำชา อ.นาทวี โดยผู้ก่อเหตุระเบิดทั้ง 3 จุดในอ.สะเดา คาดว่ามีอย่างน้อย 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามแกะรอยจากกล้องวงจรปิดเพื่อดูพฤติกรรมและหาตัวผู้ต้องสงสัย ทั้งผู้ที่ขับรถมาจอด ขับรถมาดูลาดเลา ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ตั้งเวลาด้วยนาฬิกา
ส่วนเป้าหมายการก่อเหตุตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ พยายามขยายพื้นที่ก่อเหตุให้อ.สะเดา อยู่ในพื้นที่ความมั่นคงตามข้อเรียกร้องก่อนหน้านี้ รวมทั้งตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่ได้ตัดท่อน้ำเลี้ยง โดยเฉพาะการค้าน้ำมันเถื่อน
ด้านความคืบหน้ากรณีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พบรถกระบะอีซูซุตอนครึ่ง สีเทาดำ ทะเบียน บท 4840 นนทบุรี ถูกจอดทิ้งไว้ลานจอดรถหน้าสภ.เมือง แค็ปหลังมีถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม 2 ถังตั้งอยู่ มีสายไฟสีแดงพ่วง 2 ถัง ซึ่งตำรวจได้ลากรถมาจอดไว้บริเวณก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ใกล้กับวัดสีลสุภาราม หรือวัดหลวงปู่สุภา ต.ฉลอง
เมื่อเวลา 07.00 น. ชุดเก็บกู้วัตถุและทำลายระเบิด(อีโอดี) จ.ปัตตานี ร่วมกับอีโอดีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เข้าเก็บกู้ถังแก๊สที่คาดว่าจะบรรจุเชื้อปะทุระเบิดออกจากตัวรถ ซึ่งใช้เประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นนำนำไปวางในหลุมขนาดใหญ่ เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่าวัเป็นระเบิดหรือไม่ เพราะเป็นถังขนาด 16 กิโลกรัม สีเขียวของปตท. แต่ชั่งน้ำหนักได้ถังละ 90 กิโลกรัม และยังพบนาฬิกาตั้งเวลาทำงานไว้ที่ 14.45 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2556 เบื้องต้นคาดเป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยชุดอีโอดีจ.ปัตตานี ได้นำถังแก๊สพร้อมอุปกรณ์กลับไปเพื่อตรวจสอบ
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า รถคันดังกล่าวจอดอยู่ใต้ต้นไม้หน้าตู้เอทีเอ็ม สภ.เมือง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นของชาวบ้าน จนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลคริสมาสต์-ปีใหม่ จึงให้จ้าของรถมาแสดงตัว ยกเว้นรถคันดังกล่าวไม่มีผู้มาเคลื่อนย้าย จึงใช้รถยกไปไว้หลังสภ.เมือง จนวันที่ 22 ธันวาคม ยังไม่มีใครมาแสดงตัว จึงได้ตรวจสอบข้อมูลจากป้ายทะเบียน แต่พบว่าเป็นป้ายทะเบียนของรถคันอื่น
จึงได้ตรวจสอบเลขเครื่องยนต์ พบว่าเป็นของนายวิธาน ยาชำนาญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/3 ถนนชัยเพชรมงคล ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา และคนร้ายขโมยรถมาสวมทะเบียนปลอม จึงได้ตรวจสอบภายในรถจนพบว่ามีถังแก๊งซุกอยู่ 2 ถัง
แหล่งข่าวจากชุดตรวจสอบรถยนต์ เปิดเผยว่า ถังแก๊ส 2 ถังต่อสายชนวนระเบิดเชื่อมต่อกัน จุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุก ตั้งวัน-เวลระเบิดวันที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 14.45 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คนร้ายวางระเบิดลานจอดรถองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ภูเก็ต ซึ่งจุดชนวนระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก เวลา 14.02 น. ทำให้รถยนต์และอาคารของอบจ.เสียหาย ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ว่าใครนำรถมาจอดไว้ เบื้องต้นเชื่อว่าผู้ประกอบระเบิดเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่โชคดีที่ชนวนระเบิดไม่ทำงาน
เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงกรณีวางระเบืดที่อ.สะเดา จ.สงขลา ว่าที่เสียหายมาก คือ ด่านนอก ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญ เห็นได้ว่าคนร้ายไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน และเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐาน และประเมินว่าจะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์หรือไม่ หรืออาจต้องการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และระบบเศรษฐกิจ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการทุกหน่วยเฉพาะกิจเตรียมรับมือเทศกาลขึ้นปีใหม่ ซึ่งมีชาวไทยและต่างประเทศมาท่องเที่ยวจำนวนมาก
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่พบรถยนต์ซุกถังแก๊สที่จ.ภูเก็ต ลักษณะการประกอบระเบิดคล้ายกับเหตุระเบิดที่โรงแรมลีการ์เดน หาดใหญ่ ส่วนกลุ่มคนร้ายยังไม่อาจทราบแน่ชัด เพราะรถถูกจอดทิ้งไว้ค่อนข้างนาน
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า ข้อมูลด้านการข่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามที่จะก่อเหตุช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะเขตชุมชนเศรษฐกิจ ได้แก่ อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ อ.เมือง จ.นราธิวาส อ.เบตง อ.เมือง จ.ยะลา อ.เมือง จ.ปัตตานี และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ .กำชับให้เข้มงวดกวดขัน พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนควบคู่กันไป ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเทศกาลปีใหม่ จึงขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นวัตถุต้องสงสัย หรือพฤติกรรมใดผิดปกติ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด
วานนี้ (23 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนขยายผล เหตุระเบิด 3 จุดในอ.สะเดา จ.สงขลา ประกอบด้วยสภ.ปาดังเบซาร์ สภ.สะเดา และโรงแรมโอลิเวอร์ บ้านด่านนอก ชายแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 27 คน ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ประเมินว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกับที่ยิงชาวบ้าน 5 ศพในต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เนื่องจากรถยนต์กระบะคาร์บอมบ์ข้างโรงแรมโอลิเวอร์ เป็นรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บม 5164 นครศรีธรรมราช คันเดียวกับที่ถูกขโมยไปหลังก่อเหตุ
โดยพุ่งเป้าไปที่ 3 แกนนำหลักใน 4 อำเภอชายแดนสงขลา คือ นายเสรี แวมามุ นายรุสลัน ใบหมะ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ และนายอับดุลตอเละ กาสอ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดร้านน้ำชา อ.นาทวี โดยผู้ก่อเหตุระเบิดทั้ง 3 จุดในอ.สะเดา คาดว่ามีอย่างน้อย 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามแกะรอยจากกล้องวงจรปิดเพื่อดูพฤติกรรมและหาตัวผู้ต้องสงสัย ทั้งผู้ที่ขับรถมาจอด ขับรถมาดูลาดเลา ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ตั้งเวลาด้วยนาฬิกา
ส่วนเป้าหมายการก่อเหตุตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ พยายามขยายพื้นที่ก่อเหตุให้อ.สะเดา อยู่ในพื้นที่ความมั่นคงตามข้อเรียกร้องก่อนหน้านี้ รวมทั้งตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่ได้ตัดท่อน้ำเลี้ยง โดยเฉพาะการค้าน้ำมันเถื่อน
ด้านความคืบหน้ากรณีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พบรถกระบะอีซูซุตอนครึ่ง สีเทาดำ ทะเบียน บท 4840 นนทบุรี ถูกจอดทิ้งไว้ลานจอดรถหน้าสภ.เมือง แค็ปหลังมีถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม 2 ถังตั้งอยู่ มีสายไฟสีแดงพ่วง 2 ถัง ซึ่งตำรวจได้ลากรถมาจอดไว้บริเวณก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ใกล้กับวัดสีลสุภาราม หรือวัดหลวงปู่สุภา ต.ฉลอง
เมื่อเวลา 07.00 น. ชุดเก็บกู้วัตถุและทำลายระเบิด(อีโอดี) จ.ปัตตานี ร่วมกับอีโอดีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เข้าเก็บกู้ถังแก๊สที่คาดว่าจะบรรจุเชื้อปะทุระเบิดออกจากตัวรถ ซึ่งใช้เประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นนำนำไปวางในหลุมขนาดใหญ่ เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่าวัเป็นระเบิดหรือไม่ เพราะเป็นถังขนาด 16 กิโลกรัม สีเขียวของปตท. แต่ชั่งน้ำหนักได้ถังละ 90 กิโลกรัม และยังพบนาฬิกาตั้งเวลาทำงานไว้ที่ 14.45 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2556 เบื้องต้นคาดเป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยชุดอีโอดีจ.ปัตตานี ได้นำถังแก๊สพร้อมอุปกรณ์กลับไปเพื่อตรวจสอบ
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า รถคันดังกล่าวจอดอยู่ใต้ต้นไม้หน้าตู้เอทีเอ็ม สภ.เมือง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นของชาวบ้าน จนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลคริสมาสต์-ปีใหม่ จึงให้จ้าของรถมาแสดงตัว ยกเว้นรถคันดังกล่าวไม่มีผู้มาเคลื่อนย้าย จึงใช้รถยกไปไว้หลังสภ.เมือง จนวันที่ 22 ธันวาคม ยังไม่มีใครมาแสดงตัว จึงได้ตรวจสอบข้อมูลจากป้ายทะเบียน แต่พบว่าเป็นป้ายทะเบียนของรถคันอื่น
จึงได้ตรวจสอบเลขเครื่องยนต์ พบว่าเป็นของนายวิธาน ยาชำนาญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/3 ถนนชัยเพชรมงคล ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา และคนร้ายขโมยรถมาสวมทะเบียนปลอม จึงได้ตรวจสอบภายในรถจนพบว่ามีถังแก๊งซุกอยู่ 2 ถัง
แหล่งข่าวจากชุดตรวจสอบรถยนต์ เปิดเผยว่า ถังแก๊ส 2 ถังต่อสายชนวนระเบิดเชื่อมต่อกัน จุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุก ตั้งวัน-เวลระเบิดวันที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 14.45 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คนร้ายวางระเบิดลานจอดรถองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ภูเก็ต ซึ่งจุดชนวนระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก เวลา 14.02 น. ทำให้รถยนต์และอาคารของอบจ.เสียหาย ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ว่าใครนำรถมาจอดไว้ เบื้องต้นเชื่อว่าผู้ประกอบระเบิดเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่โชคดีที่ชนวนระเบิดไม่ทำงาน
เวลา 13.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงกรณีวางระเบืดที่อ.สะเดา จ.สงขลา ว่าที่เสียหายมาก คือ ด่านนอก ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญ เห็นได้ว่าคนร้ายไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน และเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐาน และประเมินว่าจะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์หรือไม่ หรืออาจต้องการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และระบบเศรษฐกิจ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการทุกหน่วยเฉพาะกิจเตรียมรับมือเทศกาลขึ้นปีใหม่ ซึ่งมีชาวไทยและต่างประเทศมาท่องเที่ยวจำนวนมาก
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่พบรถยนต์ซุกถังแก๊สที่จ.ภูเก็ต ลักษณะการประกอบระเบิดคล้ายกับเหตุระเบิดที่โรงแรมลีการ์เดน หาดใหญ่ ส่วนกลุ่มคนร้ายยังไม่อาจทราบแน่ชัด เพราะรถถูกจอดทิ้งไว้ค่อนข้างนาน
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า ข้อมูลด้านการข่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามที่จะก่อเหตุช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะเขตชุมชนเศรษฐกิจ ได้แก่ อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ อ.เมือง จ.นราธิวาส อ.เบตง อ.เมือง จ.ยะลา อ.เมือง จ.ปัตตานี และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ .กำชับให้เข้มงวดกวดขัน พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนควบคู่กันไป ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเทศกาลปีใหม่ จึงขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นวัตถุต้องสงสัย หรือพฤติกรรมใดผิดปกติ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด
