ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด จ.ปัตตานี และภูธรจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบรถยนต์พร้อมถังแก๊สต้องสงสัยเป็นคาร์บอมบ์แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดของการตรวจสอบ พร้อมนำกลับไปตรวจสอบ ขณะที่รถต้องสงสัยพบมีการนำมาจอดไว้เป็นเวลานานแล้ว ตั้งเวลาด้วยนาฬิกาปลุกให้ระเบิดวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่พื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ ใกล้กับวัดสีลสุภาราม หรือวัดหลวงปู่สุภา ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกองกำกับการสืบสวน ตร.ปัตตานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบรถกระบะทะเบียน บท 4840 นนทบุรี และเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยสงสัย ซึ่งเป็นถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม จำนวน 2 ถัง ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถคันดังกล่าว ซึ่งมีพล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รองผบช.ภ.8 มาร่วมสังเกตุการณ์ พร้อมด้วยพ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนเข้าเก็บกู้เจ้าหน้าที่ได้มีการกันพื้นที่เพื่อไม่ให้ยานพาหนะของบุคคลภายนอกเข้าไปยังพื้นที่ ขณะเดียวกัน ได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และสถานีตำรวจภูธรเมืองฉลอง เพื่อออกตรวจตราบริเวณโดยรอบของอ่างเก็บน้ำ พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ใช้เส้นทางดังกล่าวให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมกันนำถังแก๊สที่คาดว่าจะบรรจุเชื้อปะทุระเบิดทั้ง 2 ถัง ออกมาจากตัวรถด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากจะต้องมีการตรวจสอบระบบการเชื่อมต่ออย่างละเอียด ซึ่งใช้เวลาในการตรวจสอบ และนำถังแก๊สออกจากตัวรถประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นนำนำไปวางในหลุมขนาดใหญ่ ก่อนทำการเก็บกู้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวเป็นระเบิดที่สามารถใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจพบถังแก๊สดังกล่าวเป็นถังขนาด 16 กิโลกรัม สีเขียว ของ ปตท. เมื่อนำถังไปชั่งน้ำหนักพบว่าถังแก๊สดังกล่าวมีน้ำหนักถังละ 90 กิโลกรัม รวม 2 ถัง ประมาณ 180 กิโลกรัม ถ่านไฟฉาย สายไฟสีแดงต่อพ่วง นอกจากนั้น ยังพบนาฬิกาตั้งเวลายี่ห้อคาซิโอ รุ่น F 200 โดยตั้งเวลาทำงานไว้ที่ 14.45 น. วันที่ 1 ส.ค.56 ในเบื้องต้นคาดเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ตั้งเวลาระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก และหลังจากมีการเก็บกู้แล้วเสร็จ ทางชุดเก็บกู้ระเบิดที่เดินทางมาจากจังหวัดปัตตานี ได้นำถังแก๊ส พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ กลับไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าวจอดบริเวณใต้ต้นไม้หน้าตู้เอทีเอ็มของ สภ.เมืองภูเก็ต เป็นเดือนมาแล้วซึ่งเจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นรถยนต์ของชาวบ้านที่มาจอดตามปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้มีการปล่อยแถวระดมกวาดล้างปัญหาอาชญากรรมในช่วงเทศกาลคริสมาสต์-เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงมีการนำรถยนต์ทั้งหมดที่อยู่บริเวณหน้า สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งรถที่จอดอยู่หลายคันมีเจ้าของรถมาแสดงตัว และเคลื่อนย้ายออกทั้งหมด ยกเว้นรถยนต์คันดังกล่าวไม่มีผู้มาเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตัดสินใจใช้รถยกไปไว้บริเวณหลัง สภ.เมืองภูเก็ต จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ยังไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้มีการตรวจเช็กข้อมูลป้ายทะเบียนรถดังกล่าวเพื่อประสานเจ้าของรถให้มานำรถกลับไป แต่จากการตรวจสอบพบว่า ป้ายทะเบียนที่ติดไว้เป็นป้ายทะเบียนของรถคันอื่น
เจ้าหน้าที่จึงได้มีการตรวจสอบตัวเลขเครื่องยนต์รถคันดังกล่าว พบว่า เป็นรถของนายวิธาน ยาชำนาญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/3 ถนนชัยเพชรมงคล ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา และเจ้าของรถถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา และคนร้ายก็ได้ขโมยรถยนต์คันดังกล่าวไปมาสวมป้ายทะเบียนปลอม ซึ่งมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ปัตตานี เมื่อทราบดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียดจนพบว่า ภายในแค็บหลังของรถมีถังแก๊งซุกอยู่จำนวน 2 ถัง จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบ และย้ายรถคันดังกล่าวไปจอดยังจุดที่ปลอดภัยห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชน
ขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียดพบถังแก๊ส จำนวน 2 ถัง มีการต่อสายชนวนระเบิดเชื่อมต่อกันทั้ง 2 ถัง มีการจุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุก ตั้งวัน-เวลา ระเบิดในวันที่ 1 ส.ค.2556 เวลา 14.45 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่มีคนร้ายวางระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่บริเวณลานจอดรถองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งครั้งนั้นมีการจุดชนวนระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก เวลา 14.02 น. ทำให้รถยนต์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต อาคารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีใครเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังว่าใครคือเป็นผู้นำรถมาจอดไว้ที่บริเวณดังกล่าว โดยเชื่อว่าผู้ประกอบระเบิดครั้งนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการระเบิด แต่โชคดีที่ชนวนระเบิดไม่ทำงาน
ด้านพล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดไหน ต้องให้ผู้ชำนาญเป็นผู้ตรวจสอบ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบทุกอย่างทั้งมูลเหตุ ลายนิ้วมือ และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเก็บกู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ได้นำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ส่วนมาตรการในการดูแลความปลอดภัยนั้น ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม จะมีการเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่
ส่วนนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า จากการสอบถามข้อมูลพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่ถูกคนร้ายขโมยมาจากพื้นที่ปัตตานี หลังมีคนร้ายยิงเจ้าของรถเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้ามาดำเนินการแล้ว ซึ่งก็ต้องนำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนมาตรการการป้องกันนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังสถานที่ราชการเพิ่มมากขึ้นแล้ว
เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่พื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ ใกล้กับวัดสีลสุภาราม หรือวัดหลวงปู่สุภา ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกองกำกับการสืบสวน ตร.ปัตตานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบรถกระบะทะเบียน บท 4840 นนทบุรี และเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยสงสัย ซึ่งเป็นถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม จำนวน 2 ถัง ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถคันดังกล่าว ซึ่งมีพล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รองผบช.ภ.8 มาร่วมสังเกตุการณ์ พร้อมด้วยพ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนเข้าเก็บกู้เจ้าหน้าที่ได้มีการกันพื้นที่เพื่อไม่ให้ยานพาหนะของบุคคลภายนอกเข้าไปยังพื้นที่ ขณะเดียวกัน ได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และสถานีตำรวจภูธรเมืองฉลอง เพื่อออกตรวจตราบริเวณโดยรอบของอ่างเก็บน้ำ พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ใช้เส้นทางดังกล่าวให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมกันนำถังแก๊สที่คาดว่าจะบรรจุเชื้อปะทุระเบิดทั้ง 2 ถัง ออกมาจากตัวรถด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากจะต้องมีการตรวจสอบระบบการเชื่อมต่ออย่างละเอียด ซึ่งใช้เวลาในการตรวจสอบ และนำถังแก๊สออกจากตัวรถประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นนำนำไปวางในหลุมขนาดใหญ่ ก่อนทำการเก็บกู้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวเป็นระเบิดที่สามารถใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจพบถังแก๊สดังกล่าวเป็นถังขนาด 16 กิโลกรัม สีเขียว ของ ปตท. เมื่อนำถังไปชั่งน้ำหนักพบว่าถังแก๊สดังกล่าวมีน้ำหนักถังละ 90 กิโลกรัม รวม 2 ถัง ประมาณ 180 กิโลกรัม ถ่านไฟฉาย สายไฟสีแดงต่อพ่วง นอกจากนั้น ยังพบนาฬิกาตั้งเวลายี่ห้อคาซิโอ รุ่น F 200 โดยตั้งเวลาทำงานไว้ที่ 14.45 น. วันที่ 1 ส.ค.56 ในเบื้องต้นคาดเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ตั้งเวลาระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก และหลังจากมีการเก็บกู้แล้วเสร็จ ทางชุดเก็บกู้ระเบิดที่เดินทางมาจากจังหวัดปัตตานี ได้นำถังแก๊ส พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ กลับไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าวจอดบริเวณใต้ต้นไม้หน้าตู้เอทีเอ็มของ สภ.เมืองภูเก็ต เป็นเดือนมาแล้วซึ่งเจ้าหน้าที่คิดว่าเป็นรถยนต์ของชาวบ้านที่มาจอดตามปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้มีการปล่อยแถวระดมกวาดล้างปัญหาอาชญากรรมในช่วงเทศกาลคริสมาสต์-เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงมีการนำรถยนต์ทั้งหมดที่อยู่บริเวณหน้า สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งรถที่จอดอยู่หลายคันมีเจ้าของรถมาแสดงตัว และเคลื่อนย้ายออกทั้งหมด ยกเว้นรถยนต์คันดังกล่าวไม่มีผู้มาเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตัดสินใจใช้รถยกไปไว้บริเวณหลัง สภ.เมืองภูเก็ต จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ยังไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้มีการตรวจเช็กข้อมูลป้ายทะเบียนรถดังกล่าวเพื่อประสานเจ้าของรถให้มานำรถกลับไป แต่จากการตรวจสอบพบว่า ป้ายทะเบียนที่ติดไว้เป็นป้ายทะเบียนของรถคันอื่น
เจ้าหน้าที่จึงได้มีการตรวจสอบตัวเลขเครื่องยนต์รถคันดังกล่าว พบว่า เป็นรถของนายวิธาน ยาชำนาญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/3 ถนนชัยเพชรมงคล ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา และเจ้าของรถถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา และคนร้ายก็ได้ขโมยรถยนต์คันดังกล่าวไปมาสวมป้ายทะเบียนปลอม ซึ่งมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ปัตตานี เมื่อทราบดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียดจนพบว่า ภายในแค็บหลังของรถมีถังแก๊งซุกอยู่จำนวน 2 ถัง จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบ และย้ายรถคันดังกล่าวไปจอดยังจุดที่ปลอดภัยห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชน
ขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียดพบถังแก๊ส จำนวน 2 ถัง มีการต่อสายชนวนระเบิดเชื่อมต่อกันทั้ง 2 ถัง มีการจุดชนวนด้วยนาฬิกาปลุก ตั้งวัน-เวลา ระเบิดในวันที่ 1 ส.ค.2556 เวลา 14.45 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่มีคนร้ายวางระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่บริเวณลานจอดรถองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งครั้งนั้นมีการจุดชนวนระเบิดด้วยนาฬิกาปลุก เวลา 14.02 น. ทำให้รถยนต์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต อาคารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีใครเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังว่าใครคือเป็นผู้นำรถมาจอดไว้ที่บริเวณดังกล่าว โดยเชื่อว่าผู้ประกอบระเบิดครั้งนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการระเบิด แต่โชคดีที่ชนวนระเบิดไม่ทำงาน
ด้านพล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดไหน ต้องให้ผู้ชำนาญเป็นผู้ตรวจสอบ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบทุกอย่างทั้งมูลเหตุ ลายนิ้วมือ และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเก็บกู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ได้นำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ส่วนมาตรการในการดูแลความปลอดภัยนั้น ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม จะมีการเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่
ส่วนนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า จากการสอบถามข้อมูลพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่ถูกคนร้ายขโมยมาจากพื้นที่ปัตตานี หลังมีคนร้ายยิงเจ้าของรถเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้ามาดำเนินการแล้ว ซึ่งก็ต้องนำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนมาตรการการป้องกันนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังสถานที่ราชการเพิ่มมากขึ้นแล้ว