ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้การฯ ภูเก็ต ประชุมร่วมผู้ประกอบการร้านทอง และธนาคาร หารือแนวทางการป้องกันแก้ไขเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ ทั้งร้านทอง ธนาคาร และตู้เอทีเอ็ม หลังเกิดเหตุในพื้นที่ถี่ขึ้น พร้อมจัดสายตรวจออกลาดตระเวน รวมทั้งขอความร่วมมือติดตั้งระบบป้องกันภัย
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ์ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมมาตรการป้องกันเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ ธนาคาร ร้านทอง และตู้เอทีเอ็ม โดยมี พ.ต.อ.วันชัย ปาละวัน ผกก.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พนักงานสวบสวนสืบสวนจากสถานีต่างๆ ผู้ประกอบการร้านทอง นำโดยนายชัยยุทธ ประยูรยงค์ ประธานชมรมร้านทองจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ เข้าร่วม
พ.ต.อ.พีรยุทธ์ การะเจดีย์ รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ทั้งร้านทอง ธนาคาร หรือตู้เอทีเอ็ม ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ในปัจจุบันมีเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งการชิงทรัพย์ธนาคาร การงัดตู้เอทีเอ็ม เป็นต้น จึงจำเป็นที่ต้องมีมาตรการร่วมกันในการป้องกันเหตุต่างๆ ซึ่งในส่วนของตำรวจเองก็ตรวจตราดูแลอย่างเต็มความสามารถ นอกจากนี้ ยังตรวจตราร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการก่อเหตุได้เหมือนกัน ซึ่งก็จะพยายามดูแลให้ทั่วถึงทุกจุด แต่เนื่องด้วยปัญหาที่ทางตำรวจมีกำลังพลเพียง 1,100 นาย ทั่วจังหวัด ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดูแล
“จากการสำรวจปัจจุบัน จังหวัดภูเก็ต มีสถาบันการเงิน ประมาณ 129 แห่ง ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตรา 17 แห่ง ร้านทอง 131 แห่ง และร้านสะดวกซื้อ 326 แห่ง ยังไม่รวมตู้เอทีเอ็มที่มีอยู่ประมาณไม่ต่ำว่า 500 ตู้ทั่วจังหวัด และบางแห่งตู้เอทีเอ็มก็ตั้งอยู่ในจุดที่เปลี่ยว มีแสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้คนร้ายกระทำการได้ง่าย หรือธนาคารบางแห่งก็ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารเอง และบางครั้งบุคลากรที่ทำหน้าที่ป้องกันก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอ หรือขาดการสังเกต ทำให้เป็นเป้าหมายของคนร้ายที่จะก่อเหตุ” พ.ต.อ.พีรยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ พ.ต.อ.พีรยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงแนวทางการป้องกันแก้ไข ว่า ในส่วนของธนาคาร จะจัดให้มีการจัดสมุดสายตรวจ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหมุนเวียนตรวจความเรียบร้อย ควรจัดจ้าง รปภ.ดูแลรักษาความปลอดภัย ควรติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัยโดยมีการเชื่อมต่อกับสถานีตำรวจ การประชาสัมพันธ์ เรื่องการแต่งกายของลูกค้าเมื่อมาใช้บริการ เช่น การสวมเสื้อคลุม หมวกนิรภัย แว่นตาดำ เป็นต้น นอกจากนี้ ให้สังเกตพฤติกรรมของผู้มาติดต่อโดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติ เพราะในปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพชาวต่างชาติเดินทางปะปนเข้ามากับกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุ และควรติดตั้งกล้อง CCTV และตรวจสอบให้พร้อมการใช้งาน
ขณะที่ในส่วนของร้านทอง ควรจัดทำเครื่องกีดขวาง/กีดกั้น เช่น ลูกกรงเหล็ก เป็นต้น อีกทั้งควรติดตั้งประตูรีโมตบังคับเปิด-ปิด ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัยเชื่อมต่อกับสถานีตำรวจ ติดตั้งกล้อง CCTV ใช้กระจกที่ติดฟิล์มนิรภัย ติดตั้งกริ่ง หรือสัญญาณ ไฟหมุนวับวาบ หน้าร้าน จัดสมุดสายตรวจวางประจำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหมุนเวียนไปตรวจความเรียบร้อย
ส่วนตู้เอทีเอ็ม ก็ควรมีการติดตั้งอยู่ในย่านชุมชน ควรใช้ตู้เอทีเอ็มที่เติมเงินจากทางด้านหน้า เพิ่มแสงสว่าง และกำจัดสิ่งกีดขวางบดบังตู้ เพิ่มความมั่นคงแข็งแรงในการปิดกั้นคุ้มครองทรัพย์ ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยโดยเชื่อมต่อกับสถานีตำรวจในท้องที่ และควรติดตั้งกล้อง CCTV พ.ต.อ.พีรยุทธ์ กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนปิดการประชุม ในส่วนของผู้เข้าร่วมประชุมได้ขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของหน่วยงาน องค์กร และห้างร้านต่างๆ มาโดยตลอด ทั้งจัดสายตรวจหมุนเวียนไปตรวจตราความเรียบร้อย ซึ่งได้สร้างความอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทางธนาคาร หรือร้านทอง โดยในส่วนของร้านทอง ก็พบว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม รวมถึงในเรื่องของการจัดทำสิ่งกีดขวางด้วย รวมถึงผู้เข้าร่วมประชุมยังได้ให้ความสนใจการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัยเชื่อมต่อกับสถานีตำรวจด้วย