ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้การภูเก็ต ย้ำตำรวจทุกสถานีเข้มตรวจสอบชาวต่างชาติแฝงตัวก่ออาชญากรรมในพื้นที่ หลังพบกระทำผิดกฎหมายไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งความผิดต่อทรัพย์ ยาเสพติด ระบุปีที่ผ่านตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. มีนักท่องเที่ยวตกเป็นผู้ต้องหาแล้วถึง 247 ราย
พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีพบชาวต่างชาติเข้ามาก่อคดีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามาก 3 อันดับแรก คือ จีน ออสเตรเลีย และรัสเซีย ขณะที่จากการสอบถามอัตราการเข้าพัก พบว่า ขณะนี้มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 80-90% จากจำนวนตัวเลขดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก และเอาเงินมาใช้จ่ายบ้านเรา ซึ่งในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องช่วยกันดูแลทั้งเรื่องของความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และเรื่องของการถูกหลอกลวงอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเที่ยว
แต่อย่างไรก็ตาม จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก ทำให้กลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติก็ถือโอกาสแฝงตัวเข้ามาด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เข้ามาอยู่นาน เมื่อก่อเหตุเสร็จก็จะเดินทางกลับออกไป ทำให้การติดตามจับกุมทำได้ลำบาก ซึ่งล่าสุดพบว่า มีชาวต่างชาติเข้ามาก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็มไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรงเป็นชาวเวียดนาม หลังก่อเหตุก็หลบหนีกลับต่างประเทศ ส่วนครั้งล่าสุด ก็เป็นชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน แต่รายนี้หนีออกไปไม่ทันทางตำรวจติดตามจับกุมตัวมาได้ และก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุชาวต่างชาติก่อเหตุลักทรัพย์ตามโรงแรมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมทั้งแก๊งปลอมบัตรเครดิต ซึ่งมีทั้งที่จับกุมได้ และตามจับไม่ได้ เนื่องจากหลังก่อเหตุจะหนีออกต่างประเทศไทยเลย
ซึ่งจากสถิติพบว่าในปี 2556 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. พบว่า มีคดีที่นักท่องเที่ยวตกเป็นผู้ต้องหามากถึง 247 ราย โดยแบ่งเป็น คดีเกี่ยวกับชีวิต และร่างกาย จำนวน 11 ราย คดีเกี่ยวกับทรัพย์ 28 ราย คดีจราจร 35 ราย คดียาเสพติด 55 ราย คดีใบอนุญาตสิ้นสุด 30 ราย ประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 67 ราย เข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 10 ราย และอื่นๆ 11 ราย เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนร้ายที่ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวฉวยโอกาสเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดย พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบชาวต่างๆ ที่เดินทางเข้ามามากขึ้น โดยเน้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย
โดยเฉพาะในการตั้งด่านตรวจขอให้ตรวจสอบในส่วนของชาวต่างชาติด้วย ไม่ใช่พอเห็นเป็นชาวต่างชาติแล้วปล่อยให้ผ่านด่านตรวจไป เพราะบางครั้งอาจจะมีคนร้ายในคราบชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามา เพราะฉะนั้น ในช่วงกลางคืนจะต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้าพบนักท่องเที่ยวพกเครื่องมือช่าง หรืออุปกรณ์อย่างอื่นที่สามารถนำไปใช้ในการกระทำความผิดได้ ก็ให้สอบถามอย่างละเอียด เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นไม่มีความจำเป็นในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของนักท่องเที่ยว
พ.ต.อ.พีรยุทธ กล่าวต่อไปว่า อย่าคิดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาทุกคนเป็นคนดีทั้งหมด ซึ่งในส่วนของนักท่องเที่ยวดีเราพร้อมที่จะต้อนรับและดูแลอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีชาวต่างชาติอีกจำนวนหนึ่งที่เข้ามาสร้างปัญหาสร้างความเสียหายให้แก่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งก็ต้องจับตามองและเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบให้มากขึ้น เพื่อไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายได้มีช่องว่าในการกระทำความผิด
พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีพบชาวต่างชาติเข้ามาก่อคดีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามาก 3 อันดับแรก คือ จีน ออสเตรเลีย และรัสเซีย ขณะที่จากการสอบถามอัตราการเข้าพัก พบว่า ขณะนี้มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 80-90% จากจำนวนตัวเลขดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก และเอาเงินมาใช้จ่ายบ้านเรา ซึ่งในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องช่วยกันดูแลทั้งเรื่องของความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และเรื่องของการถูกหลอกลวงอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเที่ยว
แต่อย่างไรก็ตาม จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก ทำให้กลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติก็ถือโอกาสแฝงตัวเข้ามาด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุในบ้านเรา ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เข้ามาอยู่นาน เมื่อก่อเหตุเสร็จก็จะเดินทางกลับออกไป ทำให้การติดตามจับกุมทำได้ลำบาก ซึ่งล่าสุดพบว่า มีชาวต่างชาติเข้ามาก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็มไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรงเป็นชาวเวียดนาม หลังก่อเหตุก็หลบหนีกลับต่างประเทศ ส่วนครั้งล่าสุด ก็เป็นชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน แต่รายนี้หนีออกไปไม่ทันทางตำรวจติดตามจับกุมตัวมาได้ และก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุชาวต่างชาติก่อเหตุลักทรัพย์ตามโรงแรมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รวมทั้งแก๊งปลอมบัตรเครดิต ซึ่งมีทั้งที่จับกุมได้ และตามจับไม่ได้ เนื่องจากหลังก่อเหตุจะหนีออกต่างประเทศไทยเลย
ซึ่งจากสถิติพบว่าในปี 2556 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. พบว่า มีคดีที่นักท่องเที่ยวตกเป็นผู้ต้องหามากถึง 247 ราย โดยแบ่งเป็น คดีเกี่ยวกับชีวิต และร่างกาย จำนวน 11 ราย คดีเกี่ยวกับทรัพย์ 28 ราย คดีจราจร 35 ราย คดียาเสพติด 55 ราย คดีใบอนุญาตสิ้นสุด 30 ราย ประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 67 ราย เข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 10 ราย และอื่นๆ 11 ราย เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนร้ายที่ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวฉวยโอกาสเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดย พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบชาวต่างๆ ที่เดินทางเข้ามามากขึ้น โดยเน้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย
โดยเฉพาะในการตั้งด่านตรวจขอให้ตรวจสอบในส่วนของชาวต่างชาติด้วย ไม่ใช่พอเห็นเป็นชาวต่างชาติแล้วปล่อยให้ผ่านด่านตรวจไป เพราะบางครั้งอาจจะมีคนร้ายในคราบชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามา เพราะฉะนั้น ในช่วงกลางคืนจะต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้าพบนักท่องเที่ยวพกเครื่องมือช่าง หรืออุปกรณ์อย่างอื่นที่สามารถนำไปใช้ในการกระทำความผิดได้ ก็ให้สอบถามอย่างละเอียด เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นไม่มีความจำเป็นในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของนักท่องเที่ยว
พ.ต.อ.พีรยุทธ กล่าวต่อไปว่า อย่าคิดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาทุกคนเป็นคนดีทั้งหมด ซึ่งในส่วนของนักท่องเที่ยวดีเราพร้อมที่จะต้อนรับและดูแลอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีชาวต่างชาติอีกจำนวนหนึ่งที่เข้ามาสร้างปัญหาสร้างความเสียหายให้แก่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งก็ต้องจับตามองและเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบให้มากขึ้น เพื่อไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายได้มีช่องว่าในการกระทำความผิด
