ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เหตุก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา พบเป็น จยย.บอมบ์ 2 จุด ที่ สภ.สะเดา และ สภ.ปาดังเบซาร์ และคาร์บอมบ์อีก 1 จุด ที่โรงแรมโอลิเวอร์ มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 27 ราย และอาคาร รวมทั้งทรัพย์สินใกล้จุดคาร์บอมบ์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ส่วนสาเหตุ จนท.คาด กลุ่มแนวร่วมล้างแค้นถูกปิดเส้นทางขนถ่ายน้ำมันเถื่อน ท่อน้ำเลี้ยงโจรใต้ แต่ไม่ได้ตัดทิ้งประเด็นของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่เกี่ยวกับธุรกิจมืด
สรุปสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ทั้ง 3 จุด ของวันนี้ (22 ธ.ค.) เริ่มจุดแรกเมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.สงขลา รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ และจักรยานยนต์บอมบ์ในเวลาไล่เลี่ยกัน 3 จุด โดยจุดแรกเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ป้อมจุดตรวจหน้า สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียนไปจอดไว้ข้างจุดตรวจ ก่อนจุดชนวนระเบิดรถจักรยานแหลกทั้งคัน ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ไม่ได้รับความเสียหาย
จุดที่ 2 เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ภายใน สภ.สะเดา เขตเทศบาลเมืองสะเดา โดยคนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง ไปจอดไว้ แรงระเบิดทำให้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างเคียงเสียหาย 3 คัน และรถยนต์กระบะอีก 1 คัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนจุดที่ 3 ซึ่งเป็นจุดที่หนักที่สุด ได้เกิดคาร์บอมบ์ขึ้นที่โรงแรมโอลิเวอร์ เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยว บ้านด่านนอก ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยคนร้ายได้นำรถยนต์กระบะเข้าไปจอดไว้ด้านข้างของโรงแรม ก่อนที่จะชุดชนวนระเบิด ส่งผลให้โรงแรมเสียหายอย่างหนัก กระจกทั้ง 8 ชั้นแตก ล็อบบี้โรงแรมเสียหาย รวมทั้งร้านค้าสถานบริการและสถานบันเทิงที่อยู่รอบๆ โรงแรมเสียหายกว่า 20 แห่ง โดยเฉพาะสถานบันเทิงพารากอน ถูกไฟไหม้บริเวณด้านหน้าเสียหาย รวมทั้งรถยนต์อีก 9 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน รถซาเล้ง 2 คัน ซึ่งจอดอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ถูกไฟไหม้ และแรงอัดระเบิดเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงเข้ามาควบคุมไฟ
นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งถูกแรงอัด และเศษกระจกบาดถูกนำส่งโรงพยาบาลสะเดา และโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ ซึ่งเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นได้สร้างความแตกตื่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และผู้คนที่พากันวิ่งหนีตายกันอลหม่านออกจากโรงแรม และปั่นป่วนไปทั้งเมือง โดยเฉพาะการเข้าออกพรมแดนไทย-มาเลเซีย รถติดยาวเหยียด
และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงแรม เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดแล้ว โดยกล้องวงจรปิดของโรงแรมสามารถบันทึกภาพ ขณะคนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ตอนเดียว หลังคาไฟเบอร์กลาส ที่กระโปรงรถ และฝากระบะท้ายคาดสีดำ เข้ามาจอดข้างโรงแรมเวลาประมาณ 07.00 น. วันเดียวกัน ก่อนที่ชาย 2 คนสวมหมวกแก๊ปอำพรางใบหน้าจะลงจากรถ และมีคนร้ายอีกคนขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีขาว มารับออกไป ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้นในเวลาประมาณ 12.00 น. สำหรับระเบิดทั้ง 3 จุดนั้น เป็นระเบิดแสวงเครื่อง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่ารถกระบะคาร์บอมบ์ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ น่าจะเป็นรถยนต์กระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บม 5164 นครศรีธรรมราช คันเดียวกับที่คนร้ายก่อเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 5 ศพ ในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่คาดว่าคนร้ายได้นำไปสวมหลังคาไฟเบอร์กลาส และทาสีดำคาดบนฝากระโปรง และฝาท้ายเพื่ออำพราง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบในรายละเอียดของรถคันนี้ ส่วนยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่โรงแรมโอลิเวอร์ มีทั้งหมด 27 คน แต่ยังไม่มีรายงานของผู้เสียชีวิต
ต่อมา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุระเบิดทั้ง 3 จุด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเปิดเผยว่า เหตุระเบิดทั้ง 3 จุด เป็นการก่อกวนของกลุ่มอาร์เคเค โดยเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดทิ้งไปในเรื่องของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่เกี่ยวกับธุรกิจมืด
ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า เหตุระเบิดทั้ง 3 จุด เป็นฝีมือของกลุ่มอาร์เคเค เพื่อสร้างสถานการณ์ แต่อาจจะมีการเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายการค้าของเถื่อน โดยเฉพาะธุรกิจน้ำมันเถื่อน ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาได้สั่งกวาดล้าง และปิดกั้นเส้นทางขนถ่ายในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อาจจะทำให้กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนไม่พอใจ เนื่องจากเครือข่ายการค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ชายแดนใต้ล้วนเชื่อมโยง และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้แก่กลุ่มก่อความไม่สงบ