xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

5 เดือนพิสูจน์แล้ว ปฏิรูปฉบับ“ปู”แค่“ผายลม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐบาลจัดเวทีหาทางออกประเทศที่ถูกมองว่าเป็นเพียงเวทีปาหี่ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากพรรคประชาธิปัตย์เริ่มนำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยลบล้างความผิดให้ทุกฝ่ายรวมทั้ง นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังหนีคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ออกมาแถลงละล่ำละลักผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมา เพื่อจัดเวทีพูดคุยทุกๆ ฝ่ายหาทางออกให้ประเทศ

หลังจากนั้นก็ได้มอบหมายให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเชิญบุคคลฝ่ายต่างๆ มาเป็นคณะกรรมการปฏิรูป ซึ่งก็ได้พวกเดียวกันเอง อย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มาเป็นหัวเรือใหญ่ เพราะคนอื่นปฏิเสธหมด ไม่อยากมาเป็นตรายางประทับรับรองความชอบธรรมให้รัฐบาล และมองออกว่า นี่เป็นเพียงปาหี่ที่รัฐบาลจัดขึ้นมาเพื่อเบนความสนใจจากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเท่านั้น

เวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือน คณะกรรมการปฏิรูปที่ถูกสื่อมวลชนบางแห่งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น“ปฏิลวง” ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันออกมา จนกระทั่งสถานการณ์การเมืองเขม็งเกรียวยิ่งขึ้น เมื่อมวลมหาประชาชนยกระดับการเคลื่อนไหวจากการต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาเป็นการล้มระบอบทักษิณ และผลักดันการปฏิรูปประเทศ

ทันทีที่ประกาศขับเคลื่อนการปฏิรูป มวลมหาประชาชนภายใต้ชื่อ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการ ก็สามารถเสนอแนวทางเปลี่ยนแปลงประเทศที่เป็นรูปธรรมออกมาหลายประการ อาทิ

การกำหนดให้คดีทุจริตไม่หมดอายุความ ให้ประชาชนสามารถเป็นผู้ฟ้องในคดีทุจริตได้ด้วยตัวเอง ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรงเพื่อป้องกันการซื้อขายตำแหน่ง ให้ตำรวจอยู่ภายใต้ผู้ว่าราชการจังหวัดและมีกรรมการตำรวจที่มาจากประชาชนพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อไม่ให้ตำรวจเป็นเครื่องมือของนักการเมือง กำหนดโทษจำคุกนักการเมืองที่ทุจริตการเลือกตั้ง เป็นต้น

ขณะที่เวทีพูดคุยของรัฐบาลได้่ผ่านการพิสูจน์ชัดว่าเป็นเวทีปาหี่ เพราะยังไม่มีการเสนอแนวทางการปฏิรูปประเทศออกมาแม้แต่เรื่องเดียว

ขณะเดียวกันกลับถูกรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในวันที่ 2 ก.พ.2557 หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่มวลมหาประชาชนเคลื่อนทัพล้อมทำเนียบ

เวทีพูดคุยเพื่อหาทางออกประเทศ จึงเปลี่ยนไปเป็นเวทีโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนเห็นด้วยกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ปีหน้าให้ได้

ส่วนเรื่องการปฏิรูปประเทศที่เคยแถลงไว้ว่าจะทำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็กระโดดไปห้อยโหน นพ.ประเวศ วะสี อดีตประธานสมัชชาปฏิรูปประเทศที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่งตั้งขึ้น ว่าตนเองเห็นด้วยกับแนวทางของ นพ.ประเวศ ที่บอกว่าสังคมยังมีความเหลื่อมล้ำ ต้องสร้างความเป็นธรรมขึ้นในประเทศ ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาล และไม่ใช่การทะเลาะกัน แต่ต้องหันหน้าพูดคุยกัน

นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตกรรมการสมัชชาปฏิรูปที่มี นพ.ประเวศเป็นประธาน จึงออกมาตีแสกหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ทันทีว่า เป็นการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะในบทความชื่อ จากคัดค้านนิรโทษกรรม สู่การสร้างพลังพลเมืองเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่หมอประเวศ เขียน ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน มีข้อเสนอ 5 ข้อ โดยในข้อ 5 ได้เสนอว่าไม่ควรมุ่งล้มรัฐบาล แต่มีข้อตกลงร่วมกัน 4 ข้อ ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับไปดำเนินการแม้แต่ข้อเดียว เช่น รัฐบาลต้องสัญญาว่าจะป้องกันปราบปรามคอร์รัปชันอย่างจริงจัง และยินดีให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเข้ามาตรวจสอบ เป็นต้น

นอกจากนั้น นพ.ชูชัยยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้นางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้เกียรตินำหนังสือของนายแพทย์ประเวศ วะสี ในฐานะประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปที่เสนอสรุปผลมติสมัชชาปฏิรูปครั้งที่สอง 6 มติเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบหรือพิจารณา แต่มาบัดนี้กลับมาอ้างราษฎรอาวุโสว่าอย่าเปลี่ยนรัฐบาลและเชิญชวนให้ทุกฝ่ายยอมรับการปฏิรูปและหันมาร่วมมือกันปฏิรูป

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2556 หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงว่าจะเปิดเวทีพุดคุยเพื่อหาแนวทางปฏิรูปไม่นาน นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาปฏิรูป ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หากรัฐบาลต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมให้มาร่วมกันปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง ควรเริ่มต้นด้วยการนำข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานและข้อเสนอของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ที่มี ศ.นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน ที่ได้เสนอรัฐบาลไว้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2554 มาดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปที่สำคัญ คือ การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ เพื่อคืนอำนาจหรือกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนท้องถิ่น ให้ชุมชน ท้องถิ่น และจังหวัดจัดการตนเอง นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอในการสร้างความเป็นธรรมในระบบงบประมาณเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งมีวิธีการดำเนินการอย่างครบถ้วนสามารถนำไปปฏิบัติได้เลย

นพ.ชูชัยยังบอกอีกว่า นพ.ประเวศเคยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เสนอให้คณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบแนวทางการปฏิรูปที่ได้มาจากการทำสมัชชาทั่วประเทศ และขอให้ส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ แต่ไม่มีการนำเข้าคณะรัฐมนตรีแม้เพียงเพื่อรับทราบ ทั้งๆ ที่คณะกรรมการติดตามดำเนินงานตามมติสมัชชาปฏิรูป มีผู้แทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้แทนสภาพัฒน์ฯ ร่วมอยู่ด้วย ทางคณะกรรมการติดตามฯ จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาจัดทำร่างกฎหมาย 4 ฉบับ เพื่อให้เป็นไปตามมติสมัชชาปฏิรูป คือ ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน โฉนดชุมชน ภาษีที่ดิน และกองทุนยุติธรรม เพื่อการจัดสรรทรัพยากรที่ดินอย่างเป็นธรรมและคืนความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนในกรณีถูกจับกุมคุมขังด้วยข้อหาบุกรุกที่ดินทำกินของตนเอง ต่อมาภาคประชาสังคมนำไปขับเคลื่อนโดยเรียกว่ากฎหมายเพื่อคนจน หรือ 4 Laws for the Poor เพื่อให้มีผู้สนับสนุน 1 ล้านรายชื่อ

นั่นแสดงว่า แนวทางปฏิรูปประเทศของสมัชชาปฏิรูป ที่มี นพ.ประเวศ เป็นประธานั้น มีข้อสรุปออกมาเป็นรูปธรรมแล้ว ตั้งแต่กลางปี 2556 หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เห็นด้วยกับแนวทางของหมอประเวศตามที่ปากพูด ก็ควรจะหยิบเอาไปทำตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาห้อยโหนเพื่อเอาตัวรอด ตอนที่ตัวเองถูกรุกจนตรอก

การแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2556 ที่ว่าจะเปิดเวทีระดมความคิดจากทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกและนำไปสู่ปฏิรูปประเทศนั้น จึงไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง


กำลังโหลดความคิดเห็น