xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“กำนันสุเทพ” ต้องเลิกเกรงใจ นายพลถั่งเช่าของเจ้ามูลเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ปิดฉากและแทงบัญชีสาบสูญได้แล้วสำหรับท่าทีของ “ผบ.เหล่าทัพ” ที่ประกาศเจตจำนงออกมาชัดเจนแล้วว่า มิได้เป็นแค่ “THE LAST ไทยเฉย” เสียแล้ว หากแต่ถึงขั้นเปลี่ยนม็อตโต้หรือคำขวัญหน้ากรมกองกันใหม่เป็น “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และเจ้ามูลเมือง” เลยทีเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทายาทคนสุดท้องของตระกูลชินถัดจากพานทองแท้ พิณทองทา แพทองธารที่มีชื่อว่า “พัทธ์ทองเล็ก” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าจะแปลกใจอะไรกับท่าทีที่เกิดขึ้น เพราะเป็นที่รับรู้กันมาก่อนหน้านี้แล้วว่าการขึ้นมารับตำแหน่งนี้ของ พัทธ์ทองเล็กมิได้ต่างอะไรจาก “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ผู้บัญชาการการตำรวจนครบาล ผู้มีวันนี้เพราะพี่ให้

แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว การประกาศสนับสนุนรัฐบาลเต็มสูบของ พล.อ.นิพัทธ์ก็มิได้มีความหมายสักเท่าไหร่ เพราะแม้จะได้ชื่อว่าเป็นปลัดแต่ก็มิได้มีกำลังพลอยู่ในมือ เป็นตำแหน่งปลอบใจหลังจากถูกเขี่ยพ้นจาก “5 เสือ ทบ.” ให้มานั่งตบยุงเดินไปเดินมาก่อนเกษียณอายุราชการก็เท่านั้น

กระนั้นก็ดี เมื่อย้อนกลับไปตรวจสอบคำพูดทุกคำพูด ประโยคทุกประโยคจากทหารผู้มีอำนาจตัวจริงก็พบว่า แม้จะไม่ได้ชัดแจ้งว่าตกอยู่ในสภาพทาสในเรือนเบี้ยเหมือนเหล่าผู้มีวันนี้เพราะพี่ให้ แต่การวางตัวในลักษณะของไทยเฉยก็ทำให้มิอาจมองเป็นอย่างอื่นได้เช่นกันว่า ผู้นำเหล่าทัพกำลังเล่นบท “แทงกั๊ก” ด้วยความสำราญบานใจ...ใช่หรือไม่

ทั้ง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก

ทั้ง พล.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ

ทั้ง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ

แม้กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จะพยายามช่วยเหลือด้วยการรักษาภาพพจน์ที่ดีให้กับผู้นำเหล่าทัพสักเพียงใด แต่ถึงชั่วโมงนี้ดูเหมือนว่า ไม่มีใครรับลูกกับแนวทางของกำนันสุเทพที่ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “ต้องปฏิรูปประเทศก่อนจัดให้มีการเลือกตั้ง” เลยแม้แต่น้อย

ความเป็นไทยเฉยของผู้นำเหล่าทัพในยุคนี้ถึงขนาดทำให้ “ทหารแก่” ทนไม่ไหว ต้องเปิดหน้าออกโรงมาเตือนน้องๆ เพราะรับไม่ได้กับสิ่งเกิดขึ้น

แน่นอน ทหารแก่ที่ว่านั้น ย่อมไม่ใช่ทหารแก่กลุ่ม เสธ.อ้าย-พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่มีใครฟัง หากแต่เป็นทหารแก่ที่เคยดำรงตำแหน่งสูงสุดของทั้ง 3 เหล่าทัพที่ประกอบไปด้วย

พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีตผู้บัญชาการทหารบก

พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ

และ พล.ร.อ.วิเชษฐ การุณยวนิช อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ

อดีตผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพทั้ง 3 คนได้และร่วมลงนามในหนังสือแถลงการณ์ในฐานะกลุ่มนายทหารนอกประจำการที่ภักดีต่อสถาบันฯ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพฯ ประกอบไปด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ,ผู้บัญชาการทหารบก ,ผู้บัญชาการทหารเรือ ,ผู้บัญชาการทหารอากาศ, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียนเสนอให้ปฏิบัติการเพื่อให้การปฏิรูประเทศไทย โดยประชาชนเป็นไปด้วยความสงบและเรียบร้อย

ทั้งนี้ ในหนังสือดังกล่าว ระบุว่า เนื่องด้วยสถานการณ์บ้านเมือง ที่ไม่ปกติตามที่ทราบดีแล้วนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกมาประกาศไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารนั้น เป็นเหตุและเงื่อนไขสร้างความสับสนและความวุ่นวายอย่างกว้างขวางต่อประชาชนชาวไทย รวมทั้งมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์หลายครั้ง โดยไม่มีการจัดการกวดขันปราบปรามผู้จาบจ้วงจากหน่วยงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงตามกฎหมายส่งผลให้มีการลุกฮือของประชาชนขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล เป็นจำนวนหลายล้านคน และทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าว ที่นับวันจะล่อแหลม ที่จะเกิดความรุนแรง

ดังนั้น จึงมีความเห็นร่วมกันว่าผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพฯ ในปัจจุบันในฐานะทหารของสถาบันพระมหากษัตริย์และทหารของประชาชนถึงวาระที่จะต้องออกมาประกาศอยู่เคียงข้างสถาบัน และประชาชน โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกกระทรวงลาออกจากตำแหน่งรักษาการ โดยให้ภาคเอกชน ข้าราชการ นักวิชาการ และประชาชนจัดการปฏิรูปประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำพาประเทศไทย ก้าวพ้นวิกฤตการณ์ให้จงได้ ซึ่งจะเป็นการปฏิรูปของประชาชน ทุกหมู่เหล่าอย่างแท้จริง โดยที่ทหารไม่จำเป็นต้องทำปฏิวัติ แต่จำเป็นต้องออกมาประกาศจุดยืนอยู่เคียงข้างประชาชน

นี่คือ เสียงของอดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 3 เหล่าทัพที่สมควรคารวะและให้การยกย่องเป็นอย่างยิ่งในความจงรักภักดี และความรักชาติบ้านเมือง แม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่หัวใจที่รักชาติยังพุ่งพล่านอยู่ในสายเลือด

ที่สำคัญคือเหตุผลที่แสดงเอาไว้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลตรงไปตรงมาและไม่ได้ยากเย็นจนเกินกว่าที่จะปฏิบัติไม่ได้

ด้วยเหตุดังกล่าว ถึงเวลาแล้วที่กำนันสุเทพจะต้องเลิกเป็นพวก “โลกสวย” และเลิกเข้าข้างทหารเสียที เพราะนับตั้งแต่กำนันสุเทพตัดสินใจก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมวลชน ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่กำนันสุเทพจะกล่าวโจมตีทหารให้น้อยเนื้อต่ำใจ มีแต่ใช้คำหวาน มีแต่ใช้มธุรสวาจา มีแต่สร้างภาพให้ผู้ชุมนุม เข้าใจว่า ทหารเคียงข้างประชาชน

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง นับแต่เกิดเหตุฉาวโฉ่กรณี “คลิปถั่งเช่า” เรื่อยมาจนถึงปฏิกิริยาล่าสุด แสดงให้เห็นว่า ผู้นำเหล่าทัพเลือกที่จะมีชีวิตสุขสบายในบั้นปลายก่อนเกษียณอายุราชการ เกินกว่าเอายศถาบรรดาศักดิ์มาสุ่มเสี่ยงกับกำนันที่ยังไม่สามารถจัดการกับระบอบทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

จริงอยู่กำนันสุเทพจะมีสายสัมพันธ์กับทหารใกล้ชิดไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะ “บูรพาพยัคฆ์” ที่มีบิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นพี่ใหญ่ และมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันเป็นผู้กุมอำนาจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้นำเหล่าทัพได้เลือกทางเดินของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความจริงจะทำให้การกำหนดยุทธศาสตร์ดำเนินไปอย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือจะทำให้ประชาชนได้ยอมรับความจริง และตัดสินใจเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ด้วยมือของตัวเอง เป็นการปฏิวัติประชาชนที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่สายเกินไป เนื่องจากเชื่อว่า ไม่ว่าจะมีการนัดชุมนุมใหญ่อีกกี่ครั้ง ประชาชนก็พร้อมจะออกมาต่อสู้ร่วมกับกำนันสุเทพ

แน่นอน นี่ไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย แต่พิสูจน์ได้จากคำพูด ตลอดรวมถึงปฏิกิริยาที่ผู้นำเหล่าทัพแสดงต่อว่าติดใจในรสชาติของถั่งเช่าจนยากที่จะบำบัดให้หายขาด เพราะเสพติดจนถึงขั้นลงแดงกันเลยทีเดียว

จริงอยู่แม้จะมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า ก่อนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภา ทหารมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้น แต่ก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า ทหารพอใจและหยุดอยู่แค่การยุบสภาและการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เท่านั้น มิได้เกินเลยไปถึงการปฏิรูปและการตั้งสภาประชาชนตามแนวคิดของกำนันสุเทพเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในช่วงที่ผ่านมาระหว่างการพบปะกันระหว่างกำนันสุเทพและผู้นำเหล่าทัพนำโดย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งเลื่อนจากตารางเวลานัดเดิมเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2556 เป็นวันที่ 14 ธันวาคม 2556 ผลที่ออกมาก็มิได้ต่างจากสิ่งที่สังคมคาดเดาเอาไว้แต่ประการใด

กล่าวคือ “เวิ่นเว้อ” เสียเวลา และหาสาระสำคัญอันใดที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชนในการเคลื่อนไหวอันใดไม่

พล.อ.ธนะศักดิ์แถลงในนามผู้บัญชาการกองทัพไทยยาวเหยียดโดยที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ได้พูดอะไรสักแอะ นั่งนิ่งเป็นพระอันดับบวชใหม่ที่ยังไม่สามารถท่องกุศลาธัมมาได้

“เป็นไปได้ไหมที่เราจะเลือกตั้งเพราะมีพระราชกฤษฎีกาออกมาแล้ว กำหนดวันเลือกตั้งออกมาแล้ว หากพี่สุเทพกลัวว่าจะไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมก็ให้ทำสัญญาอะไรกันก็ได้หรือให้มีคณะกรรมการอะไรขึ้นมา ที่เอาคนที่ทุกฝ่ายไว้วางใจมาดูแลให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม มีการให้ความรู้ประชาชนให้การเลือกตั้ง”พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวในการเสวนา และตบท้ายด้วยประโยคเด็ดในการแถลงข่าวหลังการเสวนาจบสิ้นลงว่า “วันนี้ ผบ.ทบ.นั่งอยู่ข้างผมใช่ไหม ถ้า ผบ.ทบ.เข้าข้างคุณสุเทพ ก็ต้องไปนั่งข้างคุณสุเทพแล้ว”

แน่นอน ไม่น่าแปลกใจอะไรที่บทสรุปจะเป็นเช่นนั้น เพราะการพบปะกันครั้งนี้เกิดขึ้นแบบเสียไม่ได้

และที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ ถัดจากนั้นเพียงแค่วันเดียว ในการจัดเวทีปฏิรูปปาหี่นำโดย “ธงธง” นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หนึ่งในสายเลือดตระกูลวันนี้เพราะพี่ให้คนล่าสุดคือ “พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก” ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือเป็นทหารสายตรงของนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ได้รวบหัวรวบหางประกาศราวกับเป็นตัวแทนของทหารทั้งประเทศว่า ทหารสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

ขณะที่ปฏิกิริยาของผู้นำเหล่าทัพก็มิได้แสดงออกอย่างขึงขังว่า ไม่พอใจต่อคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.นิพัทธ์ แบบถึงลูกถึงคน ทำแค่เพียง “เหนียมๆ” ด้วยการส่ง “นายทหารคนสนิท” ของ พล.อ.ธนะศักดิ์ออกมาตำหนิการให้สัมภาษณ์แทนกองทัพของ พล.อ.นิพัทธ์ ซึ่งก็มองได้ 2 ทางคือไม่พอใจจริงๆ หรือไม่พอใจพอเป็นพิธี

แต่เมื่อดูจากถ้อยคำทุกบรรทัดของนายทหารคนสนิทแล้ว ก็มิได้มีนัยให้ต้องถอดรหัสแต่ประการใด

เพราะถ้าไม่พอใจจริงๆ ทำไมผู้นำเหล่าทัพถึงไม่เปิดหน้าออกมาชนด้วยตนเอง จะมัวมาเหนียมอาจอยู่ทำพระแสงของ้าวอะไร

ที่สำคัญคือมีข้อมูลจาก “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวสายทหารยืนวันว่า พล.อ.นิพัทธ์นั้นได้ปรึกษาหารือแนวทางในการแก้ปัญหาหาทางออกกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพตลอด แต่ก็ต้องเล่นกันคนละบทบาท คนละเวที ทั้งนี้ จะเห็นว่า ในการเสวนาที่จัดโดยรัฐบาลนำโดยนายธงทอง จันทรางศุ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ส่งตัวแทนมาร่วมด้วย ทั้งรอง ผบ.สส. เสธ.ทบ. เสธ.ทร.และผช.ผบ.ทอ.

นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ในวันที่ 16 ธันวาคม 2557 ก็ได้เกิดความสับสนต่อท่าทีของกองทัพขึ้นมาอีก โดยในช่วงเช้า พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหมได้ออกมาย้ำตามที่ พล.อ.นิพัทธ์ยืนยันในเวทีเสวนาเรื่องประเทศไทยจะไปทางไหนว่า กองทัพสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

“เวทีเสวนาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ปลัดกลาโหมได้ชี้แจงใน 3 เรื่องคือ 1.จุดยืนคือจะพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ 2.จะคิดและปฏิบัติในกรอบของรัฐธรรมนูญเท่านั้น 3.กองทัพสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งและพร้อมจัดกำลังพลดูแลให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ถูกต้อง ยุติธรรม”พ.อ.ธนาธิปตอกย้ำ

ต่อมาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงจุดยืนผ่านโฆษกกองทัพบกว่า ต้องหาข้อยุติให้ได้ด้วยสันติวิธี หลักการคือทุกฝ่ายควรพอใจและยอมรับในกติกาหรือตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ ไม่ควรละเมิดหรือกล่าวโทษกันไปมาจนหาข้อยุติไม่ได้ เพราะหากระบบและกติกาถูกทำลายจนเสียหายหมดจะไม่มีอะไรให้ยึดถือและสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศในที่สุด

“ไม่ว่าจะถูกตำหนิติเตียนหรือได้รับคำแนะนำอย่างไร กองทัพไม่สามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาตัดสินใจกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดนอกเหนือจากกฎกติกาหรือกรอบกฎหมายได้”แถลงการณ์ระบุ

คงไม่ต้องขยายความเพิ่มเติม ก็คงสามารถเข้าใจได้ว่า ท่าทีของผู้นำเหล่าทัพเป็นเช่นไร เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่

18 ธันวาคม 2557

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุว่า ผบ.เหล่าทัพ สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 ว่า เดี๋ยวก็เจอกันในการประชุมสภากลาโหม ในวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค.นี้ แต่ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กัน ทุกคนเป็นผู้ใหญ่ ก็มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น งานก็เป็นงานของเขา จุดยืนของกองทัพก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย ส่วนใครจะรักใครชอบใครก็ทำไป ถึงเวลางานก็ต้องไปทำ ในส่วนปลัดกระทรวงกลาโหม อาจจะเป็นนโยบายของท่านที่ต้องสนับสนุนการเลือกตั้ง ท่านก็ดูในเรื่องกติกาอยู่ ท่านเป็นระดับนโยบายของกระทรวงกลาโหม

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า วันนั้นในเวทีเสวนากองทัพไทย เราคุยกันและบอกไว้แล้วว่าจะไม่มีข้อสรุป การเลือกตั้งทำได้ก็ดี ถามว่าถ้าตนสั่งว่าต้องมีการเลือกตั้ง สั่งได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ แต่กฎหมายมีอยู่แล้วตามกติกา ใครพอใจไม่พอใจ ก็มาคุย ถ้าคุยได้ก็ไปได้ดี คือ วิน วิน ได้ประโยชน์ วันนั้นคำพูดตนเป็นแบบนี้

ผมเคยพูดอะไร ใครจะหาว่า ผมพูดอะไร ซึ่งท่าทีในการเสวนา ทุกคนก็ฟัง ผมได้เสนอให้ยึดพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง โดยมีคนกลาง คณะกรรมกลางกลาง ทหารพร้อมช่วย แต่เสวนาวันนั้น ไม่ได้ข้อสรุป ผมบอกแล้วว่า กองทัพมีทหาร 4.2 แสนคน ถือ อาวุธ ถือระเบิด ถ้าไม่มีระเบียบวินัย ก็จะเป็นกองโจร ดังนั้นทหารต้องยึดกรอบกติกา”

คำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ธนะศักดิ์คือความชัดเจนว่า ทหารเลือกที่จะวางตัวเป็นกลาง

กระนั้นก็ดี ถ้ามองโลกในแง่ดี ก็ต้องบอกว่า ดีแล้วที่ทหารวางตัวอย่างนี้ เพราะจะเป็นเครื่องรับประกันว่า จะไม่เกิดเหตุรุนแรงอะไรกับการชุมนุมของมวลมหาประชาชน

แต่ถ้ามองโลกด้วยความเป็นจริง ก็ต้องบอกว่า ปฏิกิริยาของผู้นำเหล่าทัพทำให้คนอาจมองได้ว่า “กั๊ก” และปฏิเสธไม่ได้ว่า อาการกั๊กของทหารคือสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐบาลและระบอบทักษิณพอใจ เพราะหมายความว่า พวกเขาจะยังคงอยู่ในเส้นทางแห่งอำนาจต่อไปด้วยการท่องคาถาเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมทั้งเล่นเกม “โลกล้อมประเทศ” ที่ถนัดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง โดยไม่ต้องหวั่นเกรงว่า ทหารจะเข้ามาแทรงแซงแต่ประการใด
……..
ชายคนที่ 1 “ผบ.สูงสุดก็สารภาพตรงๆ กับนายกฯ ว่ายังมีอะไรบางอย่างที่ยังค้างใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ผมสนับสนุนหมดทุกเรื่อง ผมก็ชื่นใจ พา ผบ.สูงสุดมาพบกับนายกฯ ได้เรื่องนี้ด้วย

ชายคนที่ 2 - มันหูเบานะ ติดฟังเรื่องแม่ บ้าอะไร บ้าบอ

ชายคนที่ 1- ครับตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจอะไรต่างๆ ผมก็พูดกับมันตรงๆ

ชายคนที่ 1 - ผมก็บอกมันนะครับ ผบ.สูงสุด กับ ผบ.ทบ. ผมเพิ่งบอก เฮ้ยปี 57 นี่นะ อย่างอั๊วเลิกทำงานนะ อั๊วคิดว่าอั๊วทำงานเสร็จแล้ว เอาเจ้านายอั๊วกลับแล้ว คราวนี้ต้องตาลื้อบ้างสิ เพราะฉะนั้นลื้อต้องแสดงฝีมือให้ท่านเห็น ตั้งแต่วันนี้ลื้อต้องแสดงฝีมือให้ท่านเห็น แล้วพอปี 57 เอ็งจะได้มีงานทำต่อ ไม่ต้องอยู่แก่เหมือนคนอื่นเขา เพราะมันว่าผมไม่แก่ ผมบอกจะได้ทำงานอย่างนี้ต่อ มันก็แฮปปี้นะครับ มันไม่ได้บอกว่าโนเลย มันก็ เออๆ มันก็เริ่มมองเห็นว่า หลังจากเกษียณไปแล้ว มันอาจจะมีอนาคต สำคัญ

ชายคนที่ 2 - ไว้ใจ ไว้ใจไอ้ตู่มาก

จำได้หรือไม่กับส่วนหนึ่งของบทสนทนาใน “คลิปถั่งเช่า” เพราะถ้ายังจำได้ ทุกคนจะไม่แปลกใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้


ผบ.เหล่าทัพ
กำลังโหลดความคิดเห็น