xs
xsm
sm
md
lg

ชี้เป็นชี้ตาย "ม็อบกำนัน" ปชป.ไม่เอาด้วยก็พัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย กับการตัดสินใจครั้งสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ในการลงสนามเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 โดยภายหลังจากการประชุมใหญ่ประจำปี เมื่อสองวันก่อน ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมาว่าจะมีพรรคการเมืองอันดับ 2 ของประเทศลงแข่งหรือไม่
เพราะเอาเวลาไปตบตี ถกเถียง กันเรื่องการปฏิรูปพรรค ที่ก็ไร้รูปธรรมใดๆ ออกมา รวมทั้งการล้างไพ่ เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 35 ตำแหน่ง จากเดิม 25 ตำแหน่ง ก็กินเวลาไปจนดึกดื่น
เห็นหน้าค่าตากันไปแล้ว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีอะไรใหม่
แต่เมื่อมองลึกๆ ลงไปในรายชื่อบอร์ดใหม่ ต้องยอมรับว่า “เดอะมาร์ค –อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”หัวหน้าพรรค สมัยที่ 3 สยายปีกคุมพรรคเบ็ดเสร็จมากขึ้น หลังจากการก้าวออกไปเป็นแกนนำม็อบเต็มตัวของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”
แม้อาจจะมองได้ว่า ร่องรอยขุมกำลังของ “กำนันเทือก”ที่พอหลงเหลืออยู่บ้าง จากเก้าอี้ของ"เสี่ยไก่" –จุติ ไกรฤกษ์ ในตำแหน่งเลขาฯพรรค ที่มีความสนิทสนมกับ สุเทพ เป็นการส่วนตัว แต่ในส่วนอื่นกลับถูกกีดกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการล็อบบี้ "แม่เลี้ยงติ๊ก" –ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และ “ศุภชัย ศรีหล้า”ให้ถอนตัว ไม่ลงชิงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในนาทีสุดท้าย โดยอ้างว่า มีบทบาทกับการชุมนุมของ กปปส. มากเกินไป เกรงว่าสุดท้ายอาจส่งผลกระทบกับพรรคได้
หรือรายของ“กรณ์ จาติกวณิช”ที่ถอนตัวไม่ขอรับตำแหน่งนั้น แม้จะมีความขัดแย้งกับ“ม็อบกำนัน”ในช่วงหลัง แต่อย่าลืมว่า สุเทพ เคยมีแนวคิดในการชู “หนุ่มโย่ง”ขึ้นทาบรัศมี “มาร์ค” ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาก่อน
การขาดหายรายชื่อคนเหล่านี้จากบอร์ดค่ายสีฟ้า ก็เท่ากับมือไม้ของ“กำนันสุเทพ”ในพรรคลดน้อยลงไปโข ซึ่งย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจว่า จะส่งหรือไม่ส่งคนลงเลือกตั้งพอสมควร
คำถามมีว่า เมื่อเห็นโฉมหน้าของกรรมการบริหารพรรคใน “ยุคมาร์ค 3”แล้วแนวทางพรรคต่อการเลือกตั้ง จะเป็นไปในทิศทางใด จะงัดมาตรการ “บอยคอต”เลือกตั้งเหมือน ปี 2549 อีกหรือไม่
โดย “ค่ายสีฟ้า”นัดหมายคุยกันวงใหญ่ ทั้งกรรมการบริหารพรรค และอดีต ส.ส. ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ ก่อนหน้าการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพียง 2 วัน เรียกว่า เป็นการตัดสินใจในนาทีสุดท้ายก็ว่าได้
**สาเหตุที่เลือกเคาะกันในวันที่ 21 ธ.ค. ก็ถือเป็นการสอดรับกับการเคลื่อนไหวของ กปปส. ที่ "สุเทพ " ประกาศระดมมวลชนใหญ่อีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ โดยจะพาเหรดมวลชนในวันที่ 19-21 ธ.ค. รอบ กทม. เป็นการวอร์มอัพก่อน นัยหนึ่งก็เพื่อปล่อยขบวนชักชวนประชาชนออกมาร่วมม็อบ ในวันดีเดย์ 22 ธ.ค.ให้มากๆ
พรรคประชาธิปัตย์เองก็คงรอประเมินฟีดแบ็ก 2 วันดังกล่าวก่อน จึงจะตัดสินใจในวันที่ 21 ธ.ค. ว่าจะเอายังไง
แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เลือกที่จะดึงการตัดสินใจให้ล่าช้าออกไป ก็ต้องรับมือกับแรงกดดันที่ถาโถม ทั้งภายในและภายนอกให้ได้โดยภายนอกพรรค แน่นอนว่าเสียงเชียร์จาก "ม็อบนกหวีด" ย่อมตราตรึงอยู่ในใจของคนประชาธิปัตย์ ที่เคยไปสัมผัสบรรยากาศที่เวทีการชุมนุม โดยเฉพาะ "อภิสิทธิ์" ที่ไปร่วมหัวจมท้ายอยุ่พักใหญ่ ก่อนจะเฟดตัวออกมา
ส่วนเรงกดดันภายในพรรค ก็มีไม่น้อย แน่นอนส่วนหนึ่งมี "ฝ่ายอนุรักษ์นิยม - ผุ้อาวุโส" ที่ยึดมั่นถือมั่นกับ "หลักการ" ย่อมต้องการให้พรรคลงเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตย ขณะที่อีกฝ่าย "กลุ่มเพื่อนกำนัน" ก็มีไม่น้อย ที่อยากคว่ำการเลือกตั้งให้รู้แล้วรู้รอด
**ไม่ทันไร บรรดาอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย "เชน เทือกสุบรรณ" น้องชายกำนัน ก็ชิงแสดงจุดยืน ไม่ส่งคนลงสมัครเลือกตั้ง 2 ก.พ. กดดันก่อนแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีมติพรรคออกมา
แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ "กำนันเทพ" ที่ยังมีอยุ่ในค่ายสีฟ้า
เพราะนอกจากกลุ่มสุราษฎร์แล้ว ในพื้นที่อื่น "สุเทพ" ก็ยังมีอิทธิพลสูงอยู่ ทั้งโซนภาคเหนือของ "แม่เลี้ยงติ๊ก" หรือภาคอีสานในปีกของ "อิสระ สมชัย" แกนนำ กปปส.ในตอนนี้
ขณะที่ในภาคใต้ ฐานที่มั่นของประชาธิปัตย์ ก็มีไม่น้อย ทั้ง จ.นครศรีธรรมราช ของ "วิทยา แก้วภราดัย" จ.ชุมพร พื้นที่ "ชุมพล จุลใส" หรือ จ.สงขลา ของ "ถาวร เสนเนียม" หรือแม้แต่ใน จ.ตรัง บ้านเกิดของ "นายหัวชวน หลีกภัย" ก็ยังมีพื้นที่ของ "สาทิตย์ วงศ์หนองเตย" ที่ลาออกไปเย้วๆในฐานะแกนนำ กปปส. ด้วยอีกคน
เลยเถิดไปถึงในบางพื้นที่ที่ไม่ชัดในเรื่องอิทธิพลของ "สุเทพ" แต่ก็เริ่มมีเสียงเปรยจาก ส.ส.น้อยใหญ่ ออกมาว่า ไม่อยากผิดใจกับ "พี่เทพ" ให้ได้ยินบัางแล้ว
**ขณะนี้คนที่หนักใจที่สุดหนีไม่พ้น "อภิสิทธิ์" ที่อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
เพราะทำไปทำมา มวลมหาประชาชนของ "ม็อบกำนัน" ที่ไล่ต้อน "รัฐบาลเพื่อไทย" อยู่ดีๆ กลับกลายมาไล่ต้อนกันเองไปได้ ผสมโรงกับแรงบวกภายในพรรค ที่เห็นดีด้วยกับแนวทางของ กปปส.
ไม่เท่านั้น ยังเป็นที่รู้กันดีว่าการตัดสินใจของประชาธิปัตย์ในร่มเงาของ "หนุ่มมาร์ค" ถือว่าสำคัญยิ่งกับขบวนการปฏิรูปประเทศ
อย่าลืมว่า "อภิสิทธิ์" เป็นคนนำ ส.ส.ของพรรคแถลงลาออก “ยกพรรค”โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรม เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ก่อนที่อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะไปเดินขบวนร่วม “เป่านกหวีด”จนเป็นเหตุให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ประกาศยุบสภาในที่สุด
สถานการณ์มาถึงจุดนี้ คงต้องบอกว่า "เดิมพัน" ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ สูงกว่าการตัดสินใจเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมาเป็นเท่าตัว เพราะไม่เพียงแต่ชี้อนาคตพรรคประชาธิปัตย์
แต่ยังมีผลต่อการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในนาม กปปส. จะบูม หรือจะกร่อย ก็ขึ้นอยู่กับมติพรรคครั้งนี้
แน่นอนว่า หากออกมาในมุมเลือก “บอยคอต” ย่อมเสริมแรงให้ กปปส. อีกเป็นทวีคูณ
แต่หากตัดสินใจก้มหน้าลงเลือกตั้ง ก็เท่ากับทำลายศรัทธา กปปส. ที่สั่งสมมาจนย่อยยับว่า สุดท้ายก็หวังแค่ไล่รัฐบาล เพื่อโอกาสในการสวิงขั้วอำนาจผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น
อีกทั้งยังเป็นการรับรองความชอบธรรมของรัฐบาล ที่ "อภิสิทธิ์" เคยแถลงปฏิเสธใหญ่โตไปแล้ว ไม่เท่านั้นยังเป็นการต่อลมหายใจให้ "ระบอบทักษิณ" ผ่านสนามเลือกตั้งอีกต่างหาก
**ที่น่ากลัวคือ ท้ายที่สุดพลังของมวลมหาประชาชน จะย้อนศรมาเล่นงาน "ค่ายสีฟ้า" เสียเอง ฐานคิดคด ทรยศกับมวลชนเพราะหากไม่หนุน "ม็อบกำนัน" ก็เท่ากับตัดหางปล่อยวัดเอาตัวรอดนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น