รายงานการเมือง
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นที่จับตามองทั้งในส่วนของการล้างไพ่เกลี่ยตำแหน่งในฝ่ายบริหารพรรคกันใหม่ หลังจากครบวาระ 2 ปี และแนวทางการปฏิรูปพรรค
รวมไปถึงการแสดงจุดยืนต่อการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ว่าจะบอยคอตหรือไม่อย่างไร
โดยในการจัดวางขุมกำลังใหม่ของฝ่ายบริหารนั้นที่ได้ “เดอะมาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคสมัยที่ 3 แบบไร้คู่แข่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการโยนชื่อแคนดิเดตออกมาเขย่าบัลลังค์หลายคน ทั้งคนในพรรคเองมีชื่อ “อู๊ดด้า-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ที่โชว์ฟอร์มในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านตลอด 2 ปีที่ผ่านมาอย่างโดดเด่น หรือชื่อคนประชาธิปัตย์ที่โลดแล่นในเวทีระดับโลกอย่าง “สุรินทร์ พิศสุวรรณ” อดีตเลขาฯอาเซียน แม้แต่ชื่อของ “ศุภชัย พานิชภักดิ์” เลขาฯ อังค์ถัดคนปัจจุบัน ก็ถูกดึงมาพูดถึง
นอกจาก “หัวหน้ามาร์ค” แล้วส่วนอื่นๆ ก็เข้าอีหรอบ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม จะมีก็แต่เพียงแกนนำสายของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นแกนนำผู้ชุมนุมในนาม กปปส.ถูกลดบทบาทลงอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะรายของ “แม่เลี้ยงติ๊ก-ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู” ที่ประกาศตัวลงชิงรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ก็ถูกล็อบบี้ในวินาทีสุดท้ายให้ถอนตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยลงออกจากตำแหน่งเพื่อไปร่วมเป็นแกนนำในการชุมนุมกับ “ม็อบกำนัน” ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคเกรงว่าอาจจะกระทบต่อสถานะของพรรคในอนาคต ส่งผลให้ “อัศวิน วิภูศิริ” เข้าวินในตำแหน่งนี้แทน
ที่แสดงความผิดหวังอย่างชัดเจนคือ “เสี่ยจ้อน-อลงกรณ์” เจ้าของตำรับปฏิรูปพรรค ที่โดดลงแข่งในตำแหน่งรองภาคกลางก็พ่ายให้กับ “สาธิต ปิตุเตชะ” จากระยอง ทำเอาเจ้าตัวทวีตห้วนๆ ว่า “แพ้ครับ” สะท้อนให้เห็นถึงอาการคนอกหักอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เท่านั้นในการประชุมพิจารณาข้อบังคับใหม่ของพรรคที่มีการถกเถียงกันนานร่วมชั่วโมง “อลงกรณ์” ก็ยังถูกหักหน้าอย่างแรง เมื่อเสนอให้บรรจุตัวแทนสาขาพรรคในคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามแนวทางปฏิรูปที่ต้องการให้สาขาพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอบุคคล ซึ่งก็ถูกเบรกจนล้อปัดโดย “ชวน หลีกภัย” ที่ถึงกับออกปากว่าเรื่องนี้เลอะเทอะ เอาเวลาไปตัดสินใจเรื่องอื่นที่สำคัญดีกว่า
เมื่อผิดหวังอกหักซ้ำซากทำให้มีข่าวซุบซิบกันทันทีว่า “เสี่ยจ้อน” น่าจะเลือกเดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แล้วไปตั้งพรรคใหม่ โดยมีแนวร่วมในส่วนของ ส.ส.สายปฏิรูป และพรรคพวก ส.ส.ภาคกลาง ที่มีสัญญาณเตรียมหอบผ้าหอบผ่อนชิ่งหนีตั้งแต่ที่ “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาฯพรรคก่อนการประชุมใหญ่ไม่กี่วัน โดยมี “เสี่ยไก่-จุติ ไกรฤกษ์” ที่มารับหน้าเสื่อ “แม่บ้านพรรค” ต่อ
ขณะที่ “รองหัวหน้าวีไอพี” ที่เพิ่มขึ้นมาตามข้อบังคับพรรคฉบับใหม่นั้น “เดอะมาร์ค” วางตัว “สายตรง” ของตัวเองไว้เสร็จสรรพ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-อภิรักษ์ โกษะโยธิน-สุขุมพันธุ์ บริพัตร-เกียรติ สิทธีอมร-ชำนิ ศักดิเศรษฐ์”
ที่พลิกโผเล็กน้อยก็เห็นจะเป็นตำแหน่งโฆษกพรรคที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า “เสี่ยเล็ก-ศิริโชค โสภา” เจ้าของตำนานวอลเปเปอร์อาศัยกำลังภายในจับจองไว้ล่วงหน้า โดยเสนอตัวเข้ามาแทนที่เพื่อนพิธีกรร่วมรายการสายล่อฟ้า “หนุ่มอ๊อฟ-ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต” แต่ท้ายที่สุดกลับเป็น “ชวนนท์” ที่ได้ทำหน้าที่ต่ออีกสมัย ทั้งที่วันก่อนการประชุม “หนุ่มอ๊อฟ” ได้ไล่ร่ำลาสื่อมวลชนประจำพรรคเป็นกิจลักษณะไปแล้ว
แว่วว่าสาเหตุที่มีการพลิกโผในโค้งสุดท้าย เพราะ “ชวนนท์” ยังหลงเสน่ห์ไมโครโฟน และไปเปรยพร้อมบีบน้ำตาให้ “เสี่ยไก่-จุติ” ว่าที่แม่บ้านพรรคฟัง เรื่องจึงไปเข้าหู “ชวน หลีกภัย” ก่อนที่จะมีการแจ้งตรงมาให้ “อภิสิทธิ์” ได้รับทราบ เมื่อคนระดับ “นายหัวชวน” ออกปาก ทำให้ต้องมีปฏิบัติการเกลี้ยกล่อม “ศิริโชค” ให้ยอมถอย และได้ตำแหน่งรองเลขาฯพรรคเป็นการปลอบใจ
เพื่อนรักหักเหลี่ยมกันหนนี้ ทำเอาพิธีกรสายล่อฟ้ามองหน้ากันไม่ติดทีเดียว
จากที่เฝ้าติดตามการประชุมใหญ่ของค่ายสีฟ้าตลอดทั้งวัน กลับไม่มีวี่แววที่จะคุยกันเรื่องส่งตัวผู้สมัครลงเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 หรือจะ “บอยคอต” ตามเสียงเชียร์และแนวทางของ กปปส. เพราะเสียเวลาไปกับการถกเถียงของ “อภิสิทธิ์-ชวน” กับ “อลงกรณ์” ในแนวทางการปฏิรูป รวมไปถึงเสียเวลาในการไล่เรียงเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ทั้งๆ ที่มีการจัดวางตัวกันไว้ยู่แล้ว
มีการเปิดเผยในเบื้องต้นว่า ทางพรรคได้มอบหมายให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นัดประชุมเพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยจะมีการพูดคุยนัดแรกกันในวันนี้ (18 ธ.ค.) และให้บรรดาผู้อาวุโส และกรรมการบริหารพรรคชุดเก่าคอยเป็นพี่เลี้ยงร่วมประชุมด้วย
ตามสไตล์ของค่ายสีฟ้าก็เชื่อว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่จบในการประชุมนัดเดียว เพราะยังเหลือเวลาก่อนการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออีกร่วมสัปดาห์ ทำให้เชื่อว่าจะมีการนัดถกเถียงหารือเรื่องนี้ โดยประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน และจะสามารถสรุปได้อย่างเร็วก็ก่อนการเปิดรับสมัครในวันที่ 23 ธ.ค.เพียงไม่นาน
อีกทั้งขณะนี้ภายในพรรคก็มีความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่ายชัดเจน ฝ่ายหนึ่ง “สายอนุรักษนิยม” ซึ่งมีบรรดาผู้อาวุโสหนุนหลังอยู่ ก็ยังยึดมั่นถือมั่นในเรื่อง “หลักการ” ที่ต้องลงเลือกตั้งถามวิถีประชาธิปไตย ขณะที่อีกฝ่าย “ขุมข่ายกำนันเทือก” ที่ยังอยู่ในพรรค ก็เห็นว่าต้องไม่ลงเลือกตั้ง เพื่อให้เข้ากับแนวทางของมวลมหาประชาชนในนาม กปปส.
โดยกลุ่มหลังมองว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ดันทะลึ่งลงสมัครเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 จริง ก็จะเข้าทางพรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณ เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับในระบอบทรราชที่ยังครอบงำประเทศอยู่ และจะทำให้แนวทางปฏิรูปประเทศของ กปปส.จะหมดความชอบธรรมไปในทันที ทำให้ต้องเผชิญกับ “พลังโหวตโน” ของมวลมหาประชาชนอย่างแน่นอน แม้แต่ในสนามภาคใต้ก็ตาม
แต่หากบอยคอตไม่ลงสมัคร ก็จะทำให้พรรค “เสียหลัก” ในเรื่องประชาธิปไตยทันที
ดังคำที่ “จุติ” เลขาฯพรรคป้ายแดงรำพึงว่า “จะส่งลงก็ตาย ไม่ส่งลงก็พิการ”
สุดท้ายเมื่อแนวทางขัดแย้งอย่างชัดเจนขนาดนี้ กรรมการบริหารพรรคก็คงโยนภาระหนักอึ้งไปให้ “อภิสิทธิ์” ในฐานะหัวหน้าพรรค และมีพาวเวอร์ในการชี้ขาดทิศทางของพรรคได้
เรียกว่า งานนี้จะลงหรือไม่ลงก็อยู่ที่ “หัวหน้ามาร์ค” คนเดียว