xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“แม้ว”แก้เกม ชู“ปาหี่ปฏิรูป" ชิงเปรียบ กปปส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อ 12 ธ.ค. เชิญชวนทุกฝ่ายเข้าร่วมหารือเพื่อหาทางออกประเทศในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ถึงแม้ จนขณะนี้ มวลมหาประชาชนที่รวมตัวกันในนาม “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือ กปปส.ยังไม่สามารถเอาชนะรัฐบาลหุ่นเชิดของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ในเชิงของการได้อำนาจรัฐ

แต่ในแง่ความชอบธรรมแล้ว ถือว่า กปปส.ได้ชัยชนะอย่างท่วมท้น นั่นเพราะประเด็น “การปฏิรูปประเทศ”ที่ กปปส.ชูเป็นธงนำนั้น ได้รับการสนับสนุนจากคนทั้งประเทศ

มวลชนที่ออกสู่ท้องถนนกรุงเทพฯ นับล้านคนเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ย่อมพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้ เอือมระอาเต็มทีกับสารพันปัญหาที่หมักหมมมาช้านานอันเกิดจากความฉ้อฉลของนักการเมืองที่เข้าไปใช้อำนาจรัฐ และควรถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปใหญ่เสียที

แม้แต่คนเสื้อแดงมวลชนของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่อาจปฏิเสธการปฏิรูป นั่นเพราะหากทำสำเร็จคนไทยทุกคนจะได้รับประโยชน์อย่างถ้วนทั่วกัน

รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเครือข่ายบริวาร นช.ทักษิณอาจจะเถียงคอเป็นเอ็นว่า ข้อเสนอเรื่องการตั้ง “สภาประชาชน”เพื่อทำการปฏิรูปนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับ

รวมทั้ง ยืนกระต่ายสามขาว่าจะไม่ให้มีการใช้ช่องทางมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญตั้งนายกฯ และคณะรัฐมนตรีขึ้นมาบริหารประเทศชั่วคราวในช่วงการทำพิมพ์เขียวปฏิรูป โดยอ้างว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง และเมื่อยุบสภาแล้วก็ต้องรักษาการในตำแหน่งเดิมต่อ

แต่ความจำเป็นของการปฏิรูปนั้น รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเครือข่ายบริวารของ นช.ทักษิณ ไม่อาจปฏิเสธกระแสความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เครือข่าย นช.ทักษิณพยายามชิงความได้เปรียบด้วยการชูประเด็นการปฏิรูปประเทศบ้าง ซึ่งก็สอดรับกับการตั้งสภาปฏิรูปที่เคยพยายามจัดตั้งมาลดกระแสหลังจากเพลี่ยงพล้ำกรณีการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก่อนหน้านี้

วันที่ 3 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เชิญชวนให้นักวิชาการ นักธุรกิจ และกลุ่มบุคคลทุกสาขาอาชีพ ตลอดจนผู้ชุมนุมทางการเมือง ร่วมกันเปิดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อหาคำตอบ และนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอ้างว่าเป็นการหารือที่เปิดกว้าง ให้ทุกความเห็นได้แสดงออก ระดมความคิดเพื่อให้ได้คำตอบที่ตกผลึก และดีที่สุดสำหรับอนาคตประเทศ

วันต่อมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.แถลงโต้ทันทีว่า การเสนอเปิดเวทีระดมความเห็นปฏิรูปการเมืองนั้นไม่เชื่อว่านายกฯ จะจริงใจ เพราะนายกฯ โกหกประชาชนตลอดเวลา การเปิดเจรจาจึงเป็นเพียงกลลวง เล่นละครตบตาเพื่อยื้อเวลารักษาอำนาจของตัวเอง

กปปส.จึงยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมาย การตั้งสภาประชาชนเพื่อทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ใช่สภาปฏิรูปปาหี่ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่

วันที่ 8 ธ.ค.เครือข่าย นช.ทักษิณพยายามแก้เกมด้วยการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาแถลงถึงข้อเสนอให้มีการทำประชามติว่าควรจะตั้งสภาประชาชน หรือตั้งนายกฯ รักษาการตามช่องทางมาตรา 7 ดังข้อเสนอของ กปปส.หรือไม่ ซึ่งก็ไม่ทันการณ์ เพราะ “กำนันสุเทพ” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นัดมวลมหาประชาชนออกมาแสดงพลังครั้งใหญ่ ในวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เมื่อมีประชาชนเดินเท้าไปจากทั่วสารทิศมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล แม้ นช.ทักษิณจะสั่งน้องสาวให้ประกาศยุบสภาในตอนสายวันเดียวกัน ก็ไม่อาจยับยั้งความตั้งใจของมวลมหาประชาชนได้

แม้ว่า จำนวนประชาชนที่ออกมาชุมนุมอย่างมากมายมหาศาลจะยังไม่สามารถทำให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ยอมปล่อยอำนาจมาสู่ประชาชน ตามคำประกาศของ กปปส. แต่การที่มีประชาชนออกมาชุมนุมทางการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 เท่ากับเป็นการแสดงประชามติกลายๆ ว่า พวกเขาเห็นด้วยกับ กปปส. และนี่ก็นับเป็นชัยชนะของฝ่ายประชาชนอีกขั้นหนึ่ง

ฝ่ายเครือข่าย นช.ทักษิณยังคงดื้อดึงที่จะชิงความได้เปรียบให้ตัวเอง โดยในวันที่ 10 ธ.ค.มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ นช.ทักษิณ ในทำนองว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นนั้นมีมาในทุกรัฐบาล แต่รัฐบาลของเขาก็ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากมาย ขณะที่พรรคฝ่ายค้านคือประชาธิปัตย์ไม่มีผลงานอะไรให้ชาวบ้านจดจำ

เฟซบุ๊กลูกชาย นช.ทักษิณอ้างว่าการปฏิรูปการเมืองให้ดีขึ้น ประชาชนและทุกพรรคการเมืองเห็นด้วยทั้งนั้น แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข 3 ต้อง 2 ไม่ คือ

1. ต้องคงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และคงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญโดยไม่ตีความรัฐธรรมนูญแบบเข้าข้างตัวเองดังเช่นที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีจนทรงมีรับสั่งว่ามาตรา 7 ไม่เป็นประชาธิปไตย

2.พรรคการเมือง 2 ขั้วใหญ่ต้องเสนอตัวเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน เพื่อเข้าไปทำงานโดยยึดระบบรัฐสภาอย่าไปกลัวแพ้จนขี้ขึ้นสมอง อ้างนู่นอ้างนี่โดยไม่มีเหตุอันควร แล้วบอยคอตเลือกตั้งเหมือนที่เคยทำ

3. ต้องเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมทางการเมื่ออย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เพียง“มวลมหาประชาธิปัตย์” ฝ่ายเดียวเท่านั้น

ส่วน 2 ไม่ คือ 1.ไม่สร้างสถานการณ์โดยใช้ชีวิตและเลือดเนื้อ ของพี่น้องคนไทยเป็นเดิมพัน โดยใช้วิธีพาคนไปตาย เพื่อยั่วยุให้ทหารออกมาพาประเทศถอยหลังและเกิดสูญญากาศทางประชาธิปไตยอีกครั้ง และ 2.ไม่เกิดเหตุการณ์ที่องค์กรอิสระเจตนาหักดิบด้วยการตัดสินให้แกนนำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในเวลาที่เตี๊ยมกันเอาไว้ เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง ดังเช่นที่พรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนเคยโดนมาแล้ว

เห็นได้ชัดว่า เงื่อนการไขปฏิรูปการเมืองที่ปรากฏในเฟซบุ๊กลูกชาย นช.ทักษิณนั้น เป็นเพียงการเล่นลิ้นเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่ได้มีความจริงใจที่จะปฏิรูปทางการเมืองแต่อย่างใด นี่จึงไม่ได้ช่วยให้เครือข่าย นช.ทักษิณมีความชอบธรรมขึ้นมาแม้แต่น้อย

ซ้ำยังถูกรุกเข้าไปอีก เมื่อนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บอกเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ว่าแนวทางการตั้งสภาประชาชนนั้นสามารถทำได้ ด้วยการออกเป็นพระราชกำหนด หรือ พ.ร.ก. และย้ำว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะลาออกจากนายกฯ รักษาการ ตามข้อเรียกร้องของ กปปส.ก็สามารถทำได้

เครือข่าย นช.ทักษิณต้องแก้เกมใหม่ด้วยการให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าออกมาอ่านแถลงการณ์ ที่นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นคนร่างให้ สรุปว่า ควรมีการหารือร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายในความขัดแย้งเพื่อแสวงหาแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยก่อนที่จะมีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ปีหน้า

หลังจากนั้น วันที่ 12 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ออกมาแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ว่าจะเชิญตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมหารือทางออกตามแนวทางที่เป็นไปได้ ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556 เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีนายธงทองเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เข้าร่วมโดยอ้างว่าให้เป็นเรื่องของข้าราชการประจำเป็นผู้ดำเนินการและเป็นคนกลาง

นี่เป็นความพยายามของเครือข่าย นช.ทักษิณที่จะชิงความชอบธรรมการเป็นเจ้าภาพปฏิรูปการเมืองไว้กับตัวเอง แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าเวทีนี้ก็จะเป็นเพียงแค่ปาหี่ เหมือนหลายๆ เวทีที่พยายามจัดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เพราะคนเป็นภาพไม่ได้มีความจริงใจที่จะปฏิรูปการเมืองแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น