xs
xsm
sm
md
lg

‘เบี้ยในกระดาน’

เผยแพร่:   โดย: คำนูณ สิทธิสมาน

ยอมเป็นเบี้ย ในกระดาน อย่างหาญกล้า
ดีกว่าเป็น เรือโคนม้า ให้กังฉิน
เบี้ยอย่างเรา เป็นตัวแปร โปรดได้ยิน
มวลเบี้ยจง หลอมรวมสิ้น เพื่อถิ่นไทย

ไม่ยอมเป็น แค่เบี้ยล่าง ระหว่างขา
แต่เป็นเบี้ย แสนสง่า ไม่หวั่นไหว
ยอมเป็นเบี้ย ให้ขุนนำ เพื่อกำชัย
ล้มกระดาน พวกม้าใช้ ให้เลื่องลือ


คุณวีณา ศรีประชัย ลิมบริค เพื่อนใน facebook ของผมคนหนึ่งจากนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ส่งกลอน 2 บทนี้มาให้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ที่โดนใจเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะครั้งหนึ่งช่วงสั้น ๆ ผมเคยใช้นามปากกาในการเขียนหนังสือว่า “เบี้ยนอกกระดาน” คล้าย ๆ แต่ไม่เหมือนกับชื่อบทกวีนี้

สาเหตุที่ตั้งนามปากกาเช่นนั้น เพื่อสะท้อนตัวตนในขณะนั้นว่าแม้จะเป็นคนเล็ก ๆ ประกอบวิชาชีพเกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและนักการเมืองที่ต้องรู้เท่าทันการเมืองและนักการเมือง ก็เพียงเพื่อนำมาบอกกล่าวกับประชาชน ไม่คิดจะเข้าไปลงสนามโดยตรง หรือแม้กระทั่งเข้าไปร่วมส่วนเคลื่อนไหวต่อสู้โดยตรงเพื่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เพราะจากชีวิตที่ผ่านความขัดแย้งระดับใหญ่ของประเทศนี้มาตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มาจนถึงพฤษภาคม 2535 เห็นว่ามีแต่ชนชั้นนำเท่านั้นที่ได้ประโยชน์หลังการบาดเจ็บล้มตายของพี่น้องประชาชนที่เข้าไปร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้ เพราะโดยพื้นฐานมันเสมือนเป็นสงครามของชนชั้นนำต่างกลุ่ม พี่น้องประชาชนอาจจะได้ประโยชน์บ้าง แต่ก็เป็นเพียงกระพี้ ประเทศนี้มีวีรชนมาหลายรุ่นเกินไปแล้ว อีกประการหนึ่งการให้ข้อมูลที่ถูกต้องก็ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะยังให้เกิดความถูกต้องขึ้นในบ้านในเมืองเข้าสักวันหนึ่ง เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นเบี้ยก็ขอเป็นเบี้ยนอกกระดาน ไม่ขอไปอยู่ในกระดานอีกต่อไป

แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต หลังปี 2548 – 2549 เมื่อเกิดปรากฏการณ์สนธิ ลิ้มทองกุลก็ต้องกลับเข้ามาอยู่ในกระดานอีกครั้ง

การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นมีเจตนาบริสุทธิ์ สะอาด และยิ่งใหญ่ ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้หลุดพ้นจากระบอบเผด็จการรัฐสภาของกลุ่มทุนเจ้าของพรรคการเมืองที่ซ่อนตัวมาในนามของระบอบประชาธิปไตยแบบบ้านเรา แล้วดำเนินการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ การขับไล่รัฐบาลและ/หรือระบอบทักษิณเป็นเพียงเป้าหมายเฉพาะหน้าส่วนหนึ่งเท่านั้น เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากยิ่งเพราะรัฐบาลและ/หรือระบอบทักษิณมีทุกสิ่งทุกอย่าง และคนที่เข้ามาร่วมต่อสู้โดยเฉพาะชนชั้นต่างกลุ่มกับรัฐบาลและ/หรือระบอบทักษิณก็ไม่ได้มีเป้าหมายปลายทางสุดท้ายเช่นเดียวกับเราทั้งหมด และแม้การต่อสู้จะประสบชัยชนะในระดับหนึ่งจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึง 2 ครั้ง 2 ครา 2 รูปแบบในปี 2549 และ 2551 ชนชั้นนำต่างกลุ่มที่ขึ้นไปครองบัลลังก์บริหารประเทศแทนเครือข่ายระบอบทักษิณก็ไม่ได้ดำเนินการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ส่งผลให้ระบอบทักษิณยิ่งเติบโตและกลับคืนสู่บัลลังก์บริหารประเทศอีกครั้งและอีกครั้ง

กัลยาณมิตรที่ร่วมต่อสู้กันมาตั้งแต่เจ็ดแปดปีก่อนในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงไม่ได้ก่อการเคลื่อนไหวโดยตรงอีก ไม่ใช่เพราะท้อถอย ไม่ใช่เพราะเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ แต่เพราะเห็นว่าตราบใดมวลชนยังไม่พร้อมที่จะก้าวพ้นกรอบการต่อสู้เพียงเพื่อเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเท่านั้น ความสูญเสียใด ๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่คุ้มค่า การรณรงค์ทางปัญญาเป็นภารกิจเฉพาะในช่วงเวลานี้

และการที่ไม่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำการเคลื่อนไหว อาจเกิดผลดี ตรงที่ทำให้มวลชนกลุ่มอื่นที่อาจจะมีศักยภาพกว่าได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายค้านในระบอบการเมืองปัจจุบันที่ครองใจประชาชนได้ครึ่งประเทศ

การที่กัลยาณมิตรเดิมไม่ได้มีส่วนเข้าไปร่วมก่อการและนำขบวนต่อสู้รอบนี้ที่จะมาถึงจุดชี้ขาดในวันนี้พรุ่งนี้โดยตรง ทำให้ผมสามารถเลือกที่จะเป็นเบี้ยนอกกระดาน เพียงแต่เฝ้ามอง สังเกตการณ์ และวิเคราะห์วิจารณ์ได้

แต่ก็ถามตัวเองมาโดยตลอดว่าเท่านั้นพอละหรือ ?

คำตอบคือไม่พอ !

เหตุผลของคำตอบยากที่อรรถาธิบายได้หมด มันเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกของความสำนึกที่ก่อเป็นตัวตนมาจนถึงทุกวันนี้

นาทีนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถกกันว่าเป้าหมายของการเคลื่อนไหวที่นำโดยกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณจะสำเร็จหรือไม่ สำเร็จอย่างไรโดยรูปแบบไหน ยุทธวิธีถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ คณะผู้บริหารประเทศใหม่หากการต่อสู้สัมฤทธิผลจะเป็นใคร เพราะมีเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่างที่เราไม่รู้

แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าเงื่อนไขปัจจัยสำคัญที่สุดอยู่ที่...

ประชาชน !

และอย่างน้อยที่สุดเป้าหมายของการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไปไกลเกินกว่าการเปลี่ยนขั้วการเมืองธรรมดา ก้าวพ้นพรรคการเมือง ก้าวพ้นระบอบการเมืองเดิม แม้จะยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับสภาประชาชนและรัฐบาลประชาชน แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงที่สุดแล้วกับเป้าหมายที่กัลยาณมิตรของผมในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยต่อสู้ จนกระทั่งสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อไปจำนวนหนึ่ง

จะปล่อยให้จำนวนประชาชนลดลงไปคนหนึ่งเพียงเพราะเราไม่ได้คำตอบทั้งหมดเท่านั้นหรือ

จะปล่อยให้การต่อสู้ที่ถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายที่เราเคยต่อสู้มามากที่สุดเสี่ยงต่อการล้มเหลวเพราะมีประชาชนออกมาแสดงตนน้อยไปคนหนึ่งละหรือ

จะอยู่โดยตอบคำถามตัวเองอย่างไรในวันหน้าว่าเหตุไฉนในวันนี้เราจึงตัดสินใจไม่เข้าร่วม

ดังนั้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2556 จึงได้ตัดสินใจออกไปร่วมแสดงตัวเป็นหนึ่งในพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน และก่อนหน้านั้นหลายวันก็ได้ออกไปเดินร่วมกับคณะศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือไปยังที่ชุมนุมประชาชนถนนสีลม

วันนี้ - วันที่ 9 ธันวาคม 2556 – จะเป็นวันประวัติศาสตร์แห่งการเคลื่อนไหวประชาชนครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ขอเป็นอีกหนึ่งคนที่ออกไปร่วมแสดงตนต้องการการเปลี่ยนแปลงประเทศกับพี่น้องประชาชน

ขอเป็นเบี้ยในกระดาน


ยอมเป็นเบี้ย ในกระดาน อย่างหาญกล้า
ดีกว่าเป็น เรือโคนม้า ให้กังฉิน
เบี้ยอย่างเรา เป็นตัวแปร โปรดได้ยิน
มวลเบี้ยจง หลอมรวมสิ้น เพื่อถิ่นไทย

ไม่ยอมเป็น แค่เบี้ยล่าง ระหว่างขา
แต่เป็นเบี้ย แสนสง่า ไม่หวั่นไหว
ยอมเป็นเบี้ย ให้ขุนนำ เพื่อกำชัย
ล้มกระดาน พวกม้าใช้ ให้เลื่องลือ


คุณวีณา ศรีประชัย ลิมบริค
กำลังโหลดความคิดเห็น