มวลมหาประชาชน ต้องสู้ต่อไปๆๆ จนกว่าจะได้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
ถึงแม้นายกรัฐมนตรี จะลาออกไปแล้ว แต่ยังคงเป็นรัฐบาลรักษาการ เราขอย้ำว่าสภาพการณ์หรือสภาวการณ์ที่แท้จริงทางการเมืองไทยเป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา อันเป็นผลผลิตของขบวนการลัทธิรัฐธรรมนูญโดยคณะราษฎรได้สถาปนาขึ้นเมือ24 มิถุนายน 2475
ผ่านมายาวนานกว่า 81 ปี ซึ่งลัทธิรัฐธรรมนูญนี้ เกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดของคณะผู้ปกครอง (ทั้งสองพรรคใหญ่) เข้าใจผิดอย่างร้ายแรงว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย โดยเข้าใจและยึดเอารูปการปกครอง (ระบบรัฐสภา) และวิธีการปกครอง (รัฐธรรมนูญ) และวิธีการเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ดุจดังเปลือกหอยที่ตายแล้วว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย นี่คือการบิดเบือนหรือเป็นความโง่เขลา เห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด ปกครองผิดของคณะผู้ปกครองไทยอันยาวนาน ที่สืบทอดกันมาอย่างผิดๆ ทำผิดๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้ประเทศไทยล้าหลัง กระทั่งล้าหลังกว่าประเทศเกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เป็นไปแล้ว เช่น มาเลเซีย เกาหลี เป็นต้น และกำลังจะล้าหลังกว่าลาว เวียดนาม เขมร ในท้ายที่สุด และเป็นประเทศที่ผู้ปกครองกดขี่ ขูดรีดหนักหน่วงที่สุด
เราจะแสดงให้เห็นว่าสัมพันธภาพลักษณะการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ดังนี้
การปฏิวัติโดยมวลมหาประชาชน คือการมีปัญญาที่จะเปลี่ยนแนวทางเผด็จการรัฐธรรมนูญ ไปสู่แนวทางที่ถูกต้องโดยธรรม
เปรียบเทียบกับสัมพันธภาพการปกครองแบบธรรมาธิปไตยหรือประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แท้จริง ดังนี้
ขอถามคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และผู้เข้าร่วมชุมนุม ปัญญาชน จะเลือกสัมพันธภาพแบบไหนระหว่างเผด็จการรัฐธรรมนูญอันยาวนานกับสัมพันธภาพแบบธรรมาธิปไตยคือประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แท้
แต่รัฐบาลทุกรัฐบาล และรัฐบาลนางปูนิ่ม ยังคงรักษาการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญ และก็ทุกรัฐบาล ทุกพรรคการเมืองหลอกลวงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย พวกผู้ปกครองนั่นแหละบิดเบือนโง่เขลาเบาปัญญาเรื่องการเมืองการปกครอง สักวันพวกเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่
การปกครองแบบเผด็จการทุกชนิดเป็นอันตรายต่อชาติและประชาชน เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว สามารถหลอกได้ละเอียด ยากที่ใครๆ จะจับได้ หรือแม้แต่สถาบันหลักๆ ของชาติก็ยังเข้าใจผิดและยังคงสนับสนุนการปกครองแบบเผด็จการนี้อยู่หรือไม่
ทุกรัฐบาลต่างก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งแล้วว่า ล้วนยังคงรักษาระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้ไว้อย่างเหนียวแน่นทั้งสิ้น
ผลของการปกครองแบบเผด็จการไม่ต้องดูอื่นไกล ดูได้จากรัฐบาลทักษิณ ดูได้จากรัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐบาลนางปูนิ่ม ยิ่งปกครองยิ่งเสื่อม ยิ่งปกครองยิ่งกู้ กู้มีแต่กู้กับกู้ ยิ่งปกครองยิ่งคอร์รัปชัน ยิ่งปกครองยิ่งเสียศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของชาติ ยิ่งปกครองยิ่งแตกแยก
ปัญหาที่ควรจะแก้ไข ก็ไม่คิดจะแก้ไข รัฐบาลนางปูนิ่มมัวแต่ไปแก้ปัญหาปลายเหตุทั้งสิ้น แก้ปัญหาให้พี่ชาย ลองรัฐบาลเสนอนโยบาย เสนอหลักการปกครองโดยธรรม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ปวงชนไทยทุกคน และจะทำให้ทั้งประชาชนและนักการเมืองทุกพรรค ทุกฝ่ายมีความรู้เข้าใจในหลักการเมืองการปกครองเดียวกัน ปัญหาความแตกแยกของชนในชาติก็จะหมดสิ้นไป
ขอย้ำว่าทุกรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ ทุกรัฐบาลจะบริหารประเทศแบบบริหารเทศบาล ไม่มีสถาบันหลักของชาติสนับสนุนแต่กองทัพแห่งชาติยังได้สนับสนุนการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นนี้อยู่อีก ขอถาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าเป็นทารกทางการเมืองอยู่เลย
ชวนมาดูแนวทางที่ถูกต้องกันดีกว่า คือ พิจารณาสัมพันธภาพที่หนึ่ง หลักการปกครองหรือระบอบ ย่อมมีเหตุปัจจัยต่อประชาชน เมื่อประชาชนเข้าใจถึงหลักการปกครองดีแล้ว ต่อไปก็สร้างสัมพันธภาพที่สอง หลักการปกครองเป็นเหตุปัจจัยต่อรัฐธรรมนูญ หรือหลักการปกครองต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยผลของหลักการปกครอง นี่คือสัมพันธภาพที่ถูกต้อง ดังรูป
มวลมหาประชาชนเหล่าพสกนิกรผู้จงรักภักดีทั้งหลาย พวกเราควรจะจงรักภักดีด้วยปัญญาหรือพุทธจริตเพราะนั่นไม่ใช่เป็นการจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง
ปัญญาชนและปัญญาอันยิ่งใหญ่สู่การปฏิวัติประเทศ ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาสัมพันธภาพอื่นๆ ดังต่อไปนี้ อันเป็นหนึ่งเดียวกันกับสภาวะกฎธรรมชาติ ในลักษณะ 3 มิติ 5 ลักษณะ
- สัมพันธภาพระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์
- สัมพันธภาพระหว่างนิวเคลียสกับโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน
- สัมพันธภาพระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระอรหันตสาวก ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ชาวพุทธทั้งมวล
- สัมพันธภาพระหว่างนิพพานกับ 84,000 พระธรรมขันธ์
- สัมพันธภาพระหว่างชาติกับประชาชน - พระรัตนตรัยกับพุทธบริษัท 4
- สัมพันธภาพระหว่างพระมหากษัตริย์กับปวงพสกนิกร- พระมหากษัตริย์กับหลักการปกครอง (ระบอบ)
- สัมพันธภาพระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับประชาชน (ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด) ดังรูป
- สัมพันธภาพระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับวิธีการปกครอง (รัฐธรรมนูญ)
- สัมพันธภาพระหว่างพระมหากษัตริย์กับองค์กรอำนาจอธิปไตย (นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ)
- สัมพันธภาพระหว่างนายกรัฐมนตรีกับคณะรัฐมนตรี
- สัมพันธภาพระหว่างรัฐมนตรีกับข้าราชการในกระทรวง
- สัมพันธภาพระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอ
- สัมพันธภาพระหว่างนายอำเภอกับกำนัน
- สัมพันธภาพระหว่างกำนันกับผู้ใหญ่บ้าน
- สัมพันธภาพระหว่างผู้ใหญ่บ้านกับลูกบ้าน
- สัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่กับบุตร-หลาน
- สัมพันธภาพระหว่างอธิการบดีกับครู-อาจารย์-เจ้าหน้าที่ นักศึกษา
- สัมพันธภาพระหว่างครูใหญ่กับครู-อาจารย์ นักเรียน
- สัมพันธภาพระหว่างบริษัทกับพนักงาน ฯลฯ
ประเทศเอกราชการปฏิวัติ (Revolution) โดยธรรม เป็นพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ เพื่อการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ทรงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือทรงนำการปฏิวัติทางการเมืองโดยธรรมอย่างสันติยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแผ่นดิน
ขอย้ำว่าการปฏิวัติ คือการเปลี่ยนเนื้อหาจากไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม เป็นการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (หลักการปกครอง (ระบอบ) ธรรมาธิปไตย9) ดุจดังสร้างวัดพระแก้ว ก่อนสร้างวิธีการไปวัดพระแก้ว (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) เปลี่ยนการเมืองของคณะบุคคลของนักการเมือง นายทุนเพียงหยิบมือเดียว มาเป็นการเมืองของปวงชนไทย
นี่คือสาระสำคัญโดยย่นย่อที่สุดของการปฏิวัติสันติอันเป็นพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชนอันเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องตามแนวทางสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ดังความตอนหนึ่งอันเป็นพระราชบันทึกความตอนหนึ่งว่า... “ข้าพเจ้าก็ได้พยายามตักเตือนและได้โต้เถียงกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลาว่าควรถือหลัก “Democracy” อันแท้จริงจึงจะถูก ถ้ามิฉะนั้นจะเกิดทำให้มีความไม่พอใจขึ้นแก่ประชาชนซึ่งส่วนมากต้องการให้มีการปกครองแบบ “Democracy” อันแท้มิฉะนั้นก็จะเป็นการเสียเวลาและเป็นการเสี่ยงภัยให้แก่ประเทศโดยใช่ที่...
“ฝากให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อ่านด้วยเถิด”
ถึงแม้นายกรัฐมนตรี จะลาออกไปแล้ว แต่ยังคงเป็นรัฐบาลรักษาการ เราขอย้ำว่าสภาพการณ์หรือสภาวการณ์ที่แท้จริงทางการเมืองไทยเป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา อันเป็นผลผลิตของขบวนการลัทธิรัฐธรรมนูญโดยคณะราษฎรได้สถาปนาขึ้นเมือ24 มิถุนายน 2475
ผ่านมายาวนานกว่า 81 ปี ซึ่งลัทธิรัฐธรรมนูญนี้ เกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดของคณะผู้ปกครอง (ทั้งสองพรรคใหญ่) เข้าใจผิดอย่างร้ายแรงว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย โดยเข้าใจและยึดเอารูปการปกครอง (ระบบรัฐสภา) และวิธีการปกครอง (รัฐธรรมนูญ) และวิธีการเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ดุจดังเปลือกหอยที่ตายแล้วว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย นี่คือการบิดเบือนหรือเป็นความโง่เขลา เห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด ปกครองผิดของคณะผู้ปกครองไทยอันยาวนาน ที่สืบทอดกันมาอย่างผิดๆ ทำผิดๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้ประเทศไทยล้าหลัง กระทั่งล้าหลังกว่าประเทศเกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เป็นไปแล้ว เช่น มาเลเซีย เกาหลี เป็นต้น และกำลังจะล้าหลังกว่าลาว เวียดนาม เขมร ในท้ายที่สุด และเป็นประเทศที่ผู้ปกครองกดขี่ ขูดรีดหนักหน่วงที่สุด
เราจะแสดงให้เห็นว่าสัมพันธภาพลักษณะการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ดังนี้
การปฏิวัติโดยมวลมหาประชาชน คือการมีปัญญาที่จะเปลี่ยนแนวทางเผด็จการรัฐธรรมนูญ ไปสู่แนวทางที่ถูกต้องโดยธรรม
เปรียบเทียบกับสัมพันธภาพการปกครองแบบธรรมาธิปไตยหรือประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แท้จริง ดังนี้
ขอถามคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และผู้เข้าร่วมชุมนุม ปัญญาชน จะเลือกสัมพันธภาพแบบไหนระหว่างเผด็จการรัฐธรรมนูญอันยาวนานกับสัมพันธภาพแบบธรรมาธิปไตยคือประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แท้
แต่รัฐบาลทุกรัฐบาล และรัฐบาลนางปูนิ่ม ยังคงรักษาการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญ และก็ทุกรัฐบาล ทุกพรรคการเมืองหลอกลวงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย พวกผู้ปกครองนั่นแหละบิดเบือนโง่เขลาเบาปัญญาเรื่องการเมืองการปกครอง สักวันพวกเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่
การปกครองแบบเผด็จการทุกชนิดเป็นอันตรายต่อชาติและประชาชน เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว สามารถหลอกได้ละเอียด ยากที่ใครๆ จะจับได้ หรือแม้แต่สถาบันหลักๆ ของชาติก็ยังเข้าใจผิดและยังคงสนับสนุนการปกครองแบบเผด็จการนี้อยู่หรือไม่
ทุกรัฐบาลต่างก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งแล้วว่า ล้วนยังคงรักษาระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้ไว้อย่างเหนียวแน่นทั้งสิ้น
ผลของการปกครองแบบเผด็จการไม่ต้องดูอื่นไกล ดูได้จากรัฐบาลทักษิณ ดูได้จากรัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐบาลนางปูนิ่ม ยิ่งปกครองยิ่งเสื่อม ยิ่งปกครองยิ่งกู้ กู้มีแต่กู้กับกู้ ยิ่งปกครองยิ่งคอร์รัปชัน ยิ่งปกครองยิ่งเสียศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของชาติ ยิ่งปกครองยิ่งแตกแยก
ปัญหาที่ควรจะแก้ไข ก็ไม่คิดจะแก้ไข รัฐบาลนางปูนิ่มมัวแต่ไปแก้ปัญหาปลายเหตุทั้งสิ้น แก้ปัญหาให้พี่ชาย ลองรัฐบาลเสนอนโยบาย เสนอหลักการปกครองโดยธรรม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ปวงชนไทยทุกคน และจะทำให้ทั้งประชาชนและนักการเมืองทุกพรรค ทุกฝ่ายมีความรู้เข้าใจในหลักการเมืองการปกครองเดียวกัน ปัญหาความแตกแยกของชนในชาติก็จะหมดสิ้นไป
ขอย้ำว่าทุกรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ ทุกรัฐบาลจะบริหารประเทศแบบบริหารเทศบาล ไม่มีสถาบันหลักของชาติสนับสนุนแต่กองทัพแห่งชาติยังได้สนับสนุนการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นนี้อยู่อีก ขอถาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าเป็นทารกทางการเมืองอยู่เลย
ชวนมาดูแนวทางที่ถูกต้องกันดีกว่า คือ พิจารณาสัมพันธภาพที่หนึ่ง หลักการปกครองหรือระบอบ ย่อมมีเหตุปัจจัยต่อประชาชน เมื่อประชาชนเข้าใจถึงหลักการปกครองดีแล้ว ต่อไปก็สร้างสัมพันธภาพที่สอง หลักการปกครองเป็นเหตุปัจจัยต่อรัฐธรรมนูญ หรือหลักการปกครองต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยผลของหลักการปกครอง นี่คือสัมพันธภาพที่ถูกต้อง ดังรูป
มวลมหาประชาชนเหล่าพสกนิกรผู้จงรักภักดีทั้งหลาย พวกเราควรจะจงรักภักดีด้วยปัญญาหรือพุทธจริตเพราะนั่นไม่ใช่เป็นการจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง
ปัญญาชนและปัญญาอันยิ่งใหญ่สู่การปฏิวัติประเทศ ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาสัมพันธภาพอื่นๆ ดังต่อไปนี้ อันเป็นหนึ่งเดียวกันกับสภาวะกฎธรรมชาติ ในลักษณะ 3 มิติ 5 ลักษณะ
- สัมพันธภาพระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์
- สัมพันธภาพระหว่างนิวเคลียสกับโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน
- สัมพันธภาพระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระอรหันตสาวก ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ชาวพุทธทั้งมวล
- สัมพันธภาพระหว่างนิพพานกับ 84,000 พระธรรมขันธ์
- สัมพันธภาพระหว่างชาติกับประชาชน - พระรัตนตรัยกับพุทธบริษัท 4
- สัมพันธภาพระหว่างพระมหากษัตริย์กับปวงพสกนิกร- พระมหากษัตริย์กับหลักการปกครอง (ระบอบ)
- สัมพันธภาพระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับประชาชน (ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด) ดังรูป
- สัมพันธภาพระหว่างหลักการปกครอง (ระบอบ) กับวิธีการปกครอง (รัฐธรรมนูญ)
- สัมพันธภาพระหว่างพระมหากษัตริย์กับองค์กรอำนาจอธิปไตย (นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ)
- สัมพันธภาพระหว่างนายกรัฐมนตรีกับคณะรัฐมนตรี
- สัมพันธภาพระหว่างรัฐมนตรีกับข้าราชการในกระทรวง
- สัมพันธภาพระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอ
- สัมพันธภาพระหว่างนายอำเภอกับกำนัน
- สัมพันธภาพระหว่างกำนันกับผู้ใหญ่บ้าน
- สัมพันธภาพระหว่างผู้ใหญ่บ้านกับลูกบ้าน
- สัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่กับบุตร-หลาน
- สัมพันธภาพระหว่างอธิการบดีกับครู-อาจารย์-เจ้าหน้าที่ นักศึกษา
- สัมพันธภาพระหว่างครูใหญ่กับครู-อาจารย์ นักเรียน
- สัมพันธภาพระหว่างบริษัทกับพนักงาน ฯลฯ
ประเทศเอกราชการปฏิวัติ (Revolution) โดยธรรม เป็นพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ เพื่อการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ทรงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือทรงนำการปฏิวัติทางการเมืองโดยธรรมอย่างสันติยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแผ่นดิน
ขอย้ำว่าการปฏิวัติ คือการเปลี่ยนเนื้อหาจากไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม เป็นการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (หลักการปกครอง (ระบอบ) ธรรมาธิปไตย9) ดุจดังสร้างวัดพระแก้ว ก่อนสร้างวิธีการไปวัดพระแก้ว (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) เปลี่ยนการเมืองของคณะบุคคลของนักการเมือง นายทุนเพียงหยิบมือเดียว มาเป็นการเมืองของปวงชนไทย
นี่คือสาระสำคัญโดยย่นย่อที่สุดของการปฏิวัติสันติอันเป็นพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชนอันเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องตามแนวทางสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ดังความตอนหนึ่งอันเป็นพระราชบันทึกความตอนหนึ่งว่า... “ข้าพเจ้าก็ได้พยายามตักเตือนและได้โต้เถียงกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลาว่าควรถือหลัก “Democracy” อันแท้จริงจึงจะถูก ถ้ามิฉะนั้นจะเกิดทำให้มีความไม่พอใจขึ้นแก่ประชาชนซึ่งส่วนมากต้องการให้มีการปกครองแบบ “Democracy” อันแท้มิฉะนั้นก็จะเป็นการเสียเวลาและเป็นการเสี่ยงภัยให้แก่ประเทศโดยใช่ที่...
“ฝากให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อ่านด้วยเถิด”