xs
xsm
sm
md
lg

๙ ความสำเร็จในการต่อสู้ของประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนกับระบอบทักษิณซึ่งเป็นเผด็จการทุนนิยมสามานย์อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จที่สำคัญหลายประการ รุกไล่จนระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดเกิดความระส่ำระสายอย่างหนักหน่วง และจวนเจียนจะล่มสลายเต็มที

ความสำเร็จประการแรกคือการหยุดยั้งพฤติกรรมลุแก่อำนาจในกรณี ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมล้างความผิดแก่ผู้ทุจริตและผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง อาจกล่าวได้ว่ากรณีนี้เป็นชัยชนะครั้งแรกของภาคประชาชนที่มีต่อระบอบทักษิณในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผลแห่งชัยชนะทำให้โอกาสที่นักโทษชายทักษิณและนักการเมืองที่ถูกลงโทษในคดีทุจริตซึ่งหนีไปอยู่ต่างประเทศยากที่จะกลับมาประเทศไทยได้อีก รวมทั้งทำให้ผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ความสำเร็จประการที่สองคือ การหยุดยั้งแผนการผูกขาดอำนาจของกลุ่มทุนสามานย์ลงไปได้ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกฝ่ายรัฐบาลเป็นการละเมิด ฝ่าฝืน และขัดแย้งกับหลักนิติธรรม หลักการขัดกันของผลประโยชน์ และทำให้ได้อำนาจมาด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จนทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องตกไป แม้ว่ารัฐบาลหุ่นเชิดจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม

หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านผลการตัดสินสิ่งที่ตามมาคือ ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา รัฐมนตรี ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณะว่าไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ การกระทำเยี่ยงนี้เป็นการแสดงเจตนาแห่งการเป็นกบฎและประสงค์จะล้มล้างรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน เพราะว่าอำนาจศาลนั้นเป็นอำนาจอธิปไตยหลักของระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีผลผูกพันกับองค์กรของรัฐทุกองค์กร ดังนั้นการไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญก็เท่ากับว่าเป็นการไม่ยอมรับกฎหมายสูงสุดของประเทศและหลักนิติธรรมอันเป็นหลักการที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย

ความสำเร็จประการที่สามคือการขยายและยกระดับสำนึกและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนออกไปอย่างกว้างขวาง การต่อสู้ของภาคประชาชนซึ่งนำโดยกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ(กปท.) เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยฯ (กปปส.)ได้ร่วมกันเปิดเวทีชุมนุมหลายเวทีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความเลวร้ายของระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดได้แพร่กระจายออกไปสู่สังคมในวงกว้าง ส่งผลให้ผู้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกิดความตระหนักถึงมหันตรายร้ายแรงของระบอบทักษิณ พวกเขาจึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองในหลายหลายรูปแบบตั้งแต่การช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านกลไกสื่อทางสังคม เช่น Facebook, Line เป็นต้น การเข้าร่วมการชุมนุม และการร่วมใช้มาตรการอารยะขัดขืน และการทำกิจกรรมต่างๆที่แกนนำการชุมนุมจัดขึ้นมา

ยิ่งประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้พวกเขามีการรับรู้กว้างไกลและความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองจึงเป็นการยกระดับจิตสำนึกทางการเมืองและกระชับความผูกพันระหว่างตัวตนในฐานะที่เป็นพลเมืองกับผลประโยชน์ส่วนร่วมของประเทศได้มากขึ้น

ความสำเร็จประการที่สี่คือ การขยายพื้นที่การสื่อสารในฟรีทีวี โดยปกติฟรีทีวีมักจะไม่ให้ความสนใจกับการต่อสู้ของภาคประชาชน นำเสนอข่าวสารเพียงเล็กน้อย และมีความโน้มเอียงเจือปนด้วยอคติเชิงลบต่อการชุมนุม ทั้งนี้เพราะฟรีทีวีตกอยู่ภายใต้การครอบงำของอำนาจรัฐและระบบบริโภคนิยม แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้หลังวันที่ 24 พ.ย. 2556 ฟรีทีวีก็มีแนวโน้มเสนอข่าวการชุมนุมมากขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ 2 และ 3 ธันวาคม 2556 ฟรีทีวีส่วนใหญ่ได้ถ่ายทอดสดแถลงการณ์ของ กปปส. ที่อ่านโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำภาคประชาชน เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนไทย จึงนับได้ว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญของการต่อสู้ของภาคประชาชน

ความสำเร็จประการที่ห้าคือการทวงพื้นที่คืนจากรัฐบาล   ยุทธวิธีสำคัญประการหนึ่งของการต่อสู้ของภาคประชาชนในครั้งนี้คือ การทวงพื้นที่คืนจากรัฐบาล   ประชาชนได้ขอพื้นที่หน่วยงานราชการคืนจากรัฐบาลสำเร็จอย่างสงบสันติหลายแห่ง เช่น กระทรวงการคลังศูนย์ราชการ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ส่วนบางแห่ง เช่นทำเนียบรัฐบาล และ บชน. กว่าจะประสบความสำเร็จต้องต่อสู้กับกองกำลังตำรวจอย่างดุเดือด ตำรวจได้ใช้ความรุนแรงโดยระดมยิงก๊าซน้ำตา ฉีดน้ำผสมสารเคมี ยิงกระสุนยาง และกระสุนจริง ทำร้ายประชาชนที่พยายามเข้าไปขอพื้นที่คืนอย่างสันติและปราศจากอาวุธใดๆ

และเมื่อประชาชนโดยการนำของ คปท.สามารถรุกคืบทลายกำแพงกั้นที่ปิดกั้นพื้นที่บางส่วนและ ยึดพื้นที่บริเวณใกล้กับทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว แกนนำ คปท.ก็ได้ตรวจตราพื้นที่โดยรอบและได้ค้นพบอุปกรณ์บางอย่างเช่น น้ำมันเชื้อเพลิงบรรถุในถัง และน้ำมันหล่อลื่นที่บรรจุในถุงจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่ทางตำรวจเตรียมไว้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง ซึ่งคงไม่ใช่เจตนาดีต่อผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน

ความสำเร็จประการที่หกคือ ความร่วมมือจากองค์กรและสถาบันต่างๆให้หยุดงาน ทั้งนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ประกาศขอความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนให้หยุดงานในวันที่ 2 ธันวามคม ซึ่งได้รับการตอบสนองจากมหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่ง ส่วนหน่วยราชการจำนวนมากแม้ว่าจะเปิดทำการแต่ข้าราชการก็ไม่อาจไปทำงานได้เพราะประชาชนได้ครอบครองพื้นที่อยู่จึงต้องหยุดงานไปโดยปริยาย

ความสำเร็จประการที่เจ็ดคือการแยกกองทัพออกจากรัฐบาล จากเดิมที่กองทัพเป็นกลไกที่เชื่อฟังคำสั่งของรัฐบาล ภาคประชาชนทำให้กองทัพต้องแยกตัวออกมาห่างจากรัฐบาลมากขึ้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของดุลย์อำนาจทางการเมือง และทำให้ฐานะของรัฐบาลหุ่นเชิดและระบอบทักษิณตกต่ำลงและต้องประสบกับความยากลำบากในการบริหารประเทศมากขึ้น รวมทั้งสถานภาพทางอำนาจของรัฐบาลก็มีสภาพอ่อนตัวลงไป ความสามารถของรัฐบาลในการใช้ความรุนแรงผ่านกลไกทางทหารจึงลดลง สำหรับกลไกความรุนแรงที่รัฐบาลหุ่นเชิดยังสามารถใช้ได้อยู่เหลือเพียง ตำรวจและกองกำลังเถื่อนเสื้อแดงแต่ชุดดำเท่านั้น

ความสำเร็จประการที่แปดคือการเสื่อมถอยของแกนนำ มวลชนเสื้อแดง และตำรวจ รัฐบาลได้สั่งการให้แกนนำเสื้อแดงและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยระดมมวลชนเสื้อแดงเพื่อจัดชุมนุมสนับสนุน แต่ทั้งจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมและสภาพจิตใจของมวลชนที่เข้าร่วมชุมนุมตกอยู่ในสภาวะเสื่อมถอยอย่างรุนแรง ความฮีกเหิมที่เคยมีเมื่อคราวชุมนุมในปี 2553 `กลายเป็นอดีตที่ยากจะหวนกลับ และเมื่อมีเหตุการณ์ที่กองกำลังเสื้อแดงของรัฐบาลใช้อาวุธปืนระดมยิงทำร้ายนักศึกษารามคำแหงในวันที่ 30 พ.ย. และ 1 ธ.ค. 2556 ยิ่งทำให้ความชอบธรรมของรัฐบาลลดลง

ภาพของเสื้อแดง ตำรวจและรัฐมนตรีที่อยู่ร่วมปลุกระดมการชุมนุมในวันนั้นตกต่ำอย่างถึงที่สุด แม้ว่าแกนนำเสื้อแดงและรัฐบาลหุ่นเชิดจะบิดเบือนข้อมูลอย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจปกปิดความจริงที่แสดงให้เห็นถึงความป่าเถื่อนโหดร้ายของกองกำลังเสื้อแดง ที่ได้รับการให้ท้ายโดยตำรวจและนักการเมือง จนในที่สุดแกนนำเสื้อแดงต้องสลายการชุมนุมทั้งที่ตอนแรกประกาศว่าจะชุมนุมอย่างต่อเนื่อง

เส้นทางสู่ชัยชนะของมวลมหาประชนกำลังจะใกล้เข้ามา เวลาของรัฐบาลเชิดและระบอบทักษิณเหลือน้อยเต็มที การปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่การมีระบอบการเมืองที่ดีและมีคุณภาพยิ่งขึ้นกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นความสำเร็จประการที่เก้า สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้และเกิดขึ้นมาได้ด้วยจิตใจที่กล้าหาญเสียสละและยืนหยัดมั่นคงในการต่อสู้ของประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น