“ชวนนท์” แถลง กก.บริหาร ปชป. คัดผู้สมัครลงเลือกตั้ง 8 เขตแล้ว มอบ หน.ปชป.ตัดสินก่อน 6 ธ.ค.ส่งลงหรือไม่ บี้นายกฯ รับผิดชอบ ปัดสภา ปชช. ถือว่าไม่มีทางออกให้ชาติ มิคสัญญีรามฯ ผู้ชุมนุมที่ชมัยฯ ถูกกระสุนจริง สารเคมีที่ผสมแก๊สน้ำตา ปล่อยปะโกง ฉะทำชาติดิ่งเหว เปิดพิมพ์เขียวปฏิรูป 9 ข้อ สอดคล้อง ปชช.เสนอ รับยุบสภาจริง ปชป.ก็ต้องทำหน้าที่ ปธ.วิปค้าน ซัดมุกเก่าตั้งวงปาหี่ซื้อเวลา
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมว่า วันนี้ที่ประชุม มีการหารือเรื่องการส่งผู้สมัคร เลือกตั้งซ่อมทั้ง 8 เขต วันนี้คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครได้พิจารณาบุคคลที่จะลงสมัครเสร็จแล้วทั้ง 8 เขต แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคเห็นว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่แน่นอนยังคงมีแนวโน้วความขัดแย้งสูง ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้มอบให้อำนาจหัวหน้าพรรคพิจารณาก่อนถึงวันที่ 6 ธ.ค.ว่าจะตัดสินใจส่งผู้สมัครหรือไม่
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการผลักดันกฏหมายล้างผิดนิรโทษกรรม โดยสรุป 5 ข้อ คือ 1. การออกมาปฎิเสธข้อเสนอการตั้งสภาประชาชนของคณะกรรมการ กปปส.ว่า เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ถือว่านายกรัฐมนตรีไม่มีทางออกให้ประเทศไทย ถือว่าเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ เพราะต้องป็นผู้หาทางออกให้ประเทศว่าจะปลดล็อกความขัดแย้งครั้งนี้อย่างไร 2. ต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง บริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดี เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจจริงให้เร็วที่สุด โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง และรัฐบาลต้องมีส่วนรู้เห็นในเรื่อดังกล่าว
นายชวนนท์กล่าวว่า 3. เหตุการณ์ความรุนแรงที่สะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งมีเหตุให้ประชาชน 2 รายถูกยิงด้วยกระสุนจริง ซึ่งถูกยิงมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ ดังนั้น ชัดเจนว่าตำรวจที่อ้างว่ามีเพียงแก๊สน้ำตากับกระบองยาง นั้นไม่เป็นความจริง เพราะจากภาพข่าวหลายสำนักปรากฏภาพตำรวจถือปืนเล็งมายังกลุ่มผู้ชุมนุม ย่อมเป็นการที่เข้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธกับประชาชนที่มุมนุมมือเปล่าอย่างเท้จริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องนำความจริงออกมาเผยแพร่ต่อประชาชนและต้องขอโทษกับประชาชนว่าเรื่องนี้ เกิดได้อย่างไร
นายชวนนท์กล่าวว่า 4.การใช้แก๊สน้ำตาและการใช้สารซัลฟิริคผสมกับน้ำใช้ฉีดใส่ผู้ชุมนุม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดอนุสัญญาว่าด้วยการใช้อาวุธเคมี ของสหประชาชาติว่า ก่อนที่จะใช้น้ำผสมเคมี ไม่ว่าจะผสมเคมีชนิดใดเพิ่มเติมที่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอันตราย เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเปิดเผยส่วนผสมหรือสูตรส่วนผสมของน้ำชนิดนั้นให้ผู้ชมนุมได้รับทราบก่อน แต่กลับไม่มีการแจ้งเตือน และ 5. กรณีการทุจริต แตกไปทุกหัวระแหง โดยเฉพาะประเด็นโครงการรับจำนำข้าว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมายืนยันว่าการซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง สะท้อนว่ารัฐบาลปล่อยให้มีการคอรัปชั่นโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีท่าทีป้องปราม และป้องกัน ซึ่งเห็นกันทั้งประเทศว่ามีการทุจริตกันปีหนึ่ง นับแสนล้าน กลับปล่อยให้โครงการอย่างนี้เดินหน้า โดยไม่มีการป้องกันรัดกุมมากขึ้น จนผลสะท้อนจากการตรวจสอบขององค์กรระดับโลกถึงของดัชนีการคอรัปชั่นของประเทศไทยที่ปีนี้ตกมาถึง 14 อันดับ ซึ่งเป็นการตกต่ำสุดในประวัติศาสตร์ประเทศ
“ต้องจารึกรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไว้ว่า เป็นผู้ที่ทำให้ประเทศตกต่ำที่สุดในแง่จำนวนการทุจริตคอร์รัปชัน สิ่งเหล่านี้นอกจากแสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบแล้ว ยังจงใจสร้างความเสียหายให้ประเทศ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องออกมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้ว่าจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขและจะรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร”
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันอีกครั้งว่า พร้อมทำงานการเมืองตามระบอบรัฐสภา โดยได้หารือถึงเรื่องแนวทางการปฏิรูปประเทศไทย ของสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย(FIT) ที่มีการนำเสนอข้อเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศทั้งหมด 9 ข้อ เพื่อนำประเทศให้พ้นความขัดแย้งอาทิปฎิรูปการเมือง การปฏิรูปเรื่องการตรวจสอบเพื่อต่อต้านคอร์รัปชัน การปฎิรูประบบราชการและการกระจายอำนาจ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูประบบสวัสดิการและคุณภาพชีวิต ให้มีการแข้งขันทางเศรษฐกิจโปร่งใสเป็นธรรม การปฏิรูปสื่อสารมวลชน และการปฎิรูประบบยุติธรรม
นายชวนนท์กล่าวว่า รายละเอียดทั้งหมดสอดคล้องกับข้อเสนอของประชาชนขณะนี้ เช่น การปฏิรูปการกระจายอำนาจ จะมีข้อเสนอการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด การโอนอำนาจส่วนกลาง ให้อยู่ภายใต้ของจังหวัดและท้องถิ่นอย่างแท้จริง การปฏิรูประบบตำรวจ การปฏิรูประบบการศึกษาให้เด็กเข้าถึงการศึกษาร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์จะใช้เป็นแม่แบบพิมพ์เขียวในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างประเทศไทยโฉมหน้าใหม่ โดยสิ่งเหล่านี้สามารถตอบสนองความต้องการผ่านระบบรัฐสภาได้ เพราะเรายึดมั่นว่าการแก้ไขปัญหาประเทศนั้นจำเป็นต้องผ่านกลไลตามระบอบรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ทางออกที่ดีที่สุดของประเทศขณะนี้คือการให้นายกรัฐมนตรียุบสภาลาออกใช่หรือไม่ เพราะถ้าหาคนกลางเข้ามาเป็นผู้นำ ทุกฝ่ายจะไม่ยอมรับ นายชวนนท์กล่าวว่า การยุบสภาเป็นอำนาจของนายกฯ ดังนั้นพรรคจะไม่พูดว่าควรจะยุบสภาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องตัดสินใจเองว่าถ้าจะแสดงความรับผิดชอบต้องทำอย่างไร ซึ่งยุบสภาก็เป็นทางออกทางหนึ่งทางการเมือง แต่ว่าจะปลดความขัดแย้งได้ทั้งหมดหรือไม่ตนบอกไม่ได้ แต่เมื่อมีการยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง
ส่วนทางออกที่ กปปส.เสนอให้เดินไปถึงมาตรา 7 นายชวนนท์กล่าวว่า คิดว่าคงเป็นทางออก และคำตอบของประชาชน ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองก็ต้องปฎิบัติตาม แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องรับฟังข้อเสนอของประชาชนด้วย จึงเป็นที่มา ของการเสนอแนวทางการปฎิรูปประเทศทั้ง 9 แนวทาง
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆไปร่วมเวทีปฏิรูปที่รัฐบาลจะจัดขึ้นนั้น เป็นแค่มุกเก่าซื้อเวลายืดอายุรัฐบาล ซึ่งไม่คิดว่าจะมีใครหลงเชื่อเสียเวลาไปร่วมกระบวนการด้วย เพราะรู้ทัน น.ส.ยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณกันหมดแล้วว่าไม่ได้จริงใจ กับเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาก็เห็นชัดแล้วว่าคิดเรื่องเวทีปฏิรูปขึ้นมาก็เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นให้คนหันเหความสนใจจากการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปให้ความสนใจการปฏิรูปการเมืองแทนเท่านั้น แต่ไม่สำเร็จ จึงไปงัดเอามุกเก่ามาเล่าใหม่อีกรอบ ทางออกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์วันนี้จึงไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เป็นเรื่องที่จะต้องตัดสินใจ อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็วก่อนที่จะสายเกินแก้ และต้องตัดสินใจบนพื้นฐานให้ประเทศรอดไม่ใช่รัฐบาลรอดลูกเดียว เพราะในสถานการณ์ขณะนี้ยากที่รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อยต่อไปได้แล้ว