เบื้องหลังเกมพักรบชั่วคราว “แจ๊ด” สั่ง ตร.หยุดยิงแก๊สน้ำตาเปิดทางมวลชนเข้า บช.น.

ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เจาะเบื้องหลัง ผบช.น.สั่งตำรวจหยุดยิงแก๊สน้ำตาปะทะมวลชนที่พยายามบุกฝ่าแนวแท่งแบริเออร์เข้ามายัง บช.น.พร้อมระบุยินดีต้อนรับหากจะเข้ามาเชื่อไม่เผาสถานที่ราชการ หลัง “แจ๊ด” เข้าปฏิบัติราชการพิเศษ เปิดทางถอยคนละก้าว เกมนี้ยังไม่มีใครชนะ!

ย้อนเหตุการณ์การชุมนุมตลอด 4 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. - 3 ธ.ค. หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศนำมวลชนเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาลระบอบทักษิณให้สิ้นซาก พร้อมกับตั้งคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.ขึ้น โดยประกาศให้วันที่ 1 ธ.ค.เป็นวันชัยชนะของประชาชนนั้น

สถานการณ์การชุมนุมตั้งแต่ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 30 พ.ย.เป็นต้นมา แกนนำบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้ประกาศเชิญชาวพี่น้องประชาชนคนไทยให้ออกมาร่วมชุมนุมด้วยแผนปฏิบัติการการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลตามที่นายสุเทพได้ประกาศไว้ด้วยการเคลื่อนมวลชนประชาชนให้ดาวกระจายยึดสถานที่ราชการทั่วทประเทศ โดยที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ให้มวลชนขยายพื้นที่เข้ายึดที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และแคทเทเลคอม ซึ่งถือว่าสถานการณ์ภายในวันที่ 30 พ.ย.มีความวุ่นวายเป็นอย่างมากเนื่องจากตั้งแต่ช่วงสายได้มีการสร้างสถานการณ์ว่ามวลชนได้เข้าไปตัดไฟที่ กสท บางรัก อันเป็นสถานที่เก็บเซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์ต่างๆ ในประเทศไทย รวมถึงเว็บไซต์ www.manager.co.th ด้วย จากการกระทำดังกล่าวเป็นผลให้เว็บไซต์ manager และเว็บไซต์ไทยรายอื่นๆ ไม่สามารถใช้การได้เป็นปกตินานหลายชั่วโมง

สถานการณ์ความวุ่นวายเป็นไปโดยตลอดต่อเนื่อง เข้าสู่เช้าวันอาทิตย์ที่ 1 ธ.ค. วันแห่งชัยชนะของประชาชนตามที่นายสุเทพได้ประกาศไว้ แกนนำได้เคลื่อนไหวนำมวลชนเข้าปิดล้อมยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และทำเนียบรัฐบาล โดยรอบตั้งแต่ช่วงเช้า ตำรวจมีการตั้งแนวแท่งเเบริเออร์สกัดกั้นมวลชนไว้รอบด้าน พร้อมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบจราจลคอยยิงแก๊สน้ำตาและน้ำยาเคมีใส่ผุ้ชุมนุมที่พยายามฝ่าแนวกั้นแท่งแบริเออร์เข้ามาตลอดทั้งวันจวบจนเวลาพลบค่ำ แกนนำได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมถอยกลับเข้าที่ตั้ง เนื่องจากหวั่นเกรงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้กับมวลชน

เช้าวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาประชุมสั่งการ ศอ.รส.ด้วยตนเอง ซึ่งในวันดังกล่าวตำรวจเริ่มยกระดับความเข้มข้นในการตอบโต้ผู้ชุมนุมด้วยการระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน สถานการณ์ในวันนี้เริ่มรุนแรงผู้ชุมนุมเริ่มได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน ถูกกระสุนจริงเข้าใส่จนได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ ศอ.รส.ออกมาแถลงโกหกคำโตว่าไม่มีการใช้กระสุนจริงกับผู้ชุมนุมแต่อย่างใด เหตุการณ์วันดังกล่าวมีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บด้วย

ช่วงบ่าย 4 โมงเย็น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมอย่างหนัก มีรายงานว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ต้องเดินทางเข้าไปยังวังสวนกุหลาบ ซึ่งอยู่ตรงข้าม บช.น.เพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษ โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด

ช่วงเย็นต่อเนื่องถึงเวลา 24.00 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมในหลายจุด ซึ่งต่อมาช่วงดึกได้มีเหตุการณ์ลอบเผารถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 คันได้รับความเสียหาย จนเหตุการณ์เริ่มสงบลง

เข้าสู่เช้าวันใหม่ วันอังคารที่ 3 ธ.ค. ผู้ชุมนุมเริ่มรวมตัวกันอย่างหนาแน่นอีกครั้ง เตรียมที่จะฝ่าพังแนวแท่งเเบริเออร์บุกเข้า บช.น.และทำเนียบรัฐบาลอีกระลอกหนึ่ง

แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันโดยไม่มีใครคาดการณ์มาก่อน

เมื่อเวลา 07.00 น. ที่กองบัญชาการตํารวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้ตรวจเยี่ยมกําลังเจ้าหน้าที่ตํารวจที่เฝ้าอยู่ในจุดแยกพล.1 แยกวัดเบญจฯ สะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมมอบเงินส่วนตัวจํานวน 2 ล้านบาทของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝากมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ส่วนหน้าแยกพล.1 และจุดอื่นๆ ด้วย เพื่อเป็นขวัญกําลัง ใจในการปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.ท.คํารณวิทย์เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ตัดสินใจใหม่เนื่องจากเมื่อวาน (2 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่พกพาอาวุธหนักเข้ามาทําให้ คิดว่าหากดึงดันต่อไปจะเกิดการบาดเจ็บล้มตายได้ ซึ่งนายกฯ ได้ต่อสายตรงถึงตนยันว่าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น วันนี้จึงจะเปิดทางเข้าทุกจุดทั้งทางแยกพล.1 สะพานชมัยมรุเชฐ แยกวัดเบญจฯ ให้ประชาชนสามารถเข้ามายัง บช.น.ได้ พร้อมกับสั่งเจ้าหน้าที่หยุดยิงแก๊สน้ำตา ไม่มีการใช้กําลัง “อยากเผาก็เผา อยากยึดก็ยึด” เพราะที่นี่คือที่ของประชาชน ตํารวจจะไม่ทําร้ายประชาชน ประชาชนจะทําร้าย ตํารวจก็ได้ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีการทําลายทรัพย์สินเพราะเมื่อครั้งที่บุกยึดกระทรวงมหาดไทย เหนือศูยน์ ราชการก็ไม่ได้มีการทําลายทรัพย์สิน ตนเชื่อว่าประชาชนเองก็คือพลเมืองดี เพียงแต่มีความคิกเห็นทาง การเมืองที่แตกต่างกัน

พล.ต.ท.คํารณวิทย์กล่าวอีกว่า ส่วนเมื่อวานนั้นที่ตนต้องรีบเข้าวังสวนกุหลาบไป เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวานทําให้มีแก๊สนํ้าตาเข้าไปในเขตพระราชฐาน ตนจึงต้องรีบเข้าไปเพื่อถวายการรายงานก่อนที่พระองค์ท่านจะเสร็จกลับจากต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ เพราะการถวายความจงรักภักดีคือหน้าที่อันสูงสุดของตน เมื่อครั้งที่เข้าเฝ้าฯ ครั้งก่อนก็ทรงบอกว่าอยากให้มีการเจรจา ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง

เมื่อถามว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามาจะสามารถยึดรัฐสภาได้ด้วยจะทําอย่างไร พล.ต.ท.คํารณวิทย์กล่าวว่า ขอไม่ตอบเรื่องสภาเพราะเป็นหน้าที่ของทหารแล้วแต่การตัดสินใจของแกนนําว่าจะบุกยึดหรือไม่ ตนยืนยันว่าจะเปิดทุกจุดตามเดิม และขอให้ตนเป็นผู้รับผิดเพียงผู้เดียว อย่าไปโกรธเกลียดตํารวจทั้งกองร้อย อยากให้ทุกอย่างจบที่ตนคนเดียว ประณามตนคนเดียว

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ทําการเปิดแนวแบริเออร์ที่แยกพล.1 แล้วเพื่อรอให้มวลชนเดินทางเข้ามาแล้วโดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ

เวลา 10.45 น. นายถาวร เสนเนียม เปิดเผยว่ามวลชนจะไม่เข้าไปยังพื้นที่ บช.น.ตามที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เปิดโอกาสให้มวลชนสามารถเข้าไปได้โดยจะไม่มีการปะทะแต่อย่างใด แต่ในเมื่อทางตำรวจยื่นขอเสนอมาก็อยากจะเชิญชวนให้ตำรวจมายืนเคียงข้างประชาชนด้วยความจริงใจ ออกมาจากพื้นที่ บช.น.แล้วร่วมกับมวลชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายใน บช.น.ได้ ดังนั้น หากจะเกิดอะไรขึ้นใน บช.น.จึงไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากมวลชนแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกระบองและโล่ลงหมดเช่นกัน โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนที่เป็นเด็กนักเรียนอาชีวะได้เข้าไปยังพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลโดยหยิบโล่และกระบองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่แกนนำได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมไม่เข้าไปในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลและหยิบสิ่งของทางราชการหรือทำลายทรัพย์สินแต่อย่างใดเพราะถือว่าได้รับชัยชนะแล้ว หากเข้าไปในพื้นที่อาจมีมือที่ 3 มาสร้างสร้างการณ์และป้ายความผิดให้มวลชนได้

ซึ่งต่อมาภาพที่ปรากฏออกมาสู่สื่อมวลชนทุกแขนงกลับกลายเป็นภาพแห่งความสมานฉันท์ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่จับมือกันด้วยความมีไมตรี พร้อมกับระบุว่าเป็นคนไทยด้วยกัน ดีใจที่เหตุการณ์จบลงด้วยดีเช่นนี้ จึงทำให้สถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศไทยเริ่มพลิกผันทุเลาเบาบาง คลายความร้อนแรงลงได้อย่างชะงัดหลังจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เข้าไปปฏิบัติราชการพิเศษในวังสวนกุหลาบ

ดังนั้นจึงต้องจับตาดูตาไม่กะพริบกับสถานการณ์ในบ้านเมืองต่อไปว่าหากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสุขของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้ร่วมเฉลิมฉลองวันพ่อ ไปแล้วสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ถือเป็นการถอยคนละก้าวทางออกดีๆ ที่ไม่ควรมีเหตุการณ์ความรุนแรงในบ้านเมืองช่วงนี้ ซึ่งทุกคนเข้าใจดี เปิดทางลงให้ตำรวจและแกนนำมวลชนได้พักรบชั่วคราว

คลายความสงสัย...ทำไม “คำรณวิทย์” ถึงต้องยอมถอย!

สอนของพ่อ สถิตในดวงใจ / รายงาน