00 นาทีนี้ถือว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ต่างจากรัฐบาลโจร หมดความชอบธรรม หมดสภาพการใช้อำนาจรัฐโดยสิ้นเชิงแล้ว หมดสิ้นมาตั้งแต่ศาลรธน.วินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรธน.เกี่ยวกับที่มาส.ว. มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และนายกฯได้รวบรัดนำกม.มลทิน ขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะเดียวกันการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ที่เห็นชอบกับการแก้ไข และวิธีการแก้ไขดังกล่าว จำนวน 312 คน ได้แถลงปฏิเสธการยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรธน. ที่มีผลผูกพันทุกองค์กรตามรธน.ก็ย่อมชัดเจนแล้วว่า คนพวกนี้จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มีสภาพไม่ต่างจากกบฎ กลายสภาพเป็นรัฐบาลโจร สภาโจรไปโดยฉับพลันทันที
00 การประกาศขยายพื้นที่ความมั่นคงทั่วทั้ง กทม.นนทบุรี และปทุมธานี สมุทรปราการ บางพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าไร้ความหมาย ไม่มีใครยอมรับ เพราะคนที่ประกาศคำสั่งถือว่าไม่ได้มีตำแหน่งทางกฎหมายรองรับแล้ว ทุกอย่างเป็น "โมฆะ" ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งการประกาศดังกล่าว ยังเป็นการขัดขวางสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินความจำเป็น เป็นเพียงการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง คนในครอบครัว และเครือข่ายเท่านั้น
00 สิ่งที่เคียงคู่มากับ "ทรราช"เสมอก็คือ "ความหน้าด้าน" ไร้ยางอาย เพราะต่อให้มีปริมาณมวลชนออกมาขับไล่มากมายมหาศาลเท่าไหร่ก็ตามคนพวกนี้มันไม่มีทาง"รู้สึกรู้สา" อ้างอยู่อ้างเดียวว่า กูมาจากการเลือกตั้ง ชาวบ้านเลือกกูมาแล้ว จะทำอะไรก็ได้ หากไม่พอใจให้รอครบ 4 ปีแล้วเลือกตั้งกันใหม่ คือมันจะมั่วอย่างเดียวว่า "กูมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้" ประชาธิปไตยของพวกมัน แม้กูจะชั่วจะโกงอย่างไร มึง(ชาวบ้าน) ก็ไม่มีสิทธิ์โวย ให้นั่งดูตาปริบๆแล้วรอเลือกตั้งใหม่ และถึงตอนนั้นกูก็ซื้อเตรียมไว้หมดแล้ว พวกกูก็ชนะกลับมาอีก แต่ถึงอย่างไรคนพวกนี้จะอยู่ไม่ได้ เมื่อประชาชนรู้ทันและลุกขึ้นมาขับไล่กันแบบ "ไม่เลิก" และบทสรุปทุกครั้งคือ "ต้องเผ่นหนีออกนอกประเทศ" และทั้งโคตรกำลังจะตามไปสมทบกันที่ดูไบกับ แม้ว ในอีกไม่ช้า
00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเช่นทุกครั้งที่มีขบวนมวลมหาประชาชนออกมา เราก็จะได้เห็นกลไกที่เป็นเครื่องของรัฐบาลที่ออกมาขัดขวางสร้างความปั่นป่วนรำคาญก็คือ "ตำรวจ"นั่นเอง แต่ในที่นี้หมายถึง "เฉพาะบางคน"ที่ทำลายศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จนย่อยยับ นั่นคือการประกาศยอมรับนับถือโจร ให้โจรประดับยศ พร้อมทั้งเดินทางไปมาหาสู่ ร่วมกันปิดบังเบาะแสอยู่ตลอดเวลา ใช่แล้วกำลังพูดถึง "คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง" ที่ประกาศก้องว่า "มีวันนี้พระพี่ให้"ซึ่งพี่คนนั้นคือ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีสถานะไม่ต่างจากโจรนั่นเอง ซึ่งอยู่ในบัญชีที่มวลชนต้อง "หมายหัว"เอาไว้อยู่ในบัญชีระดับต้นๆ
00 อีกคนที่น่าจับตาไม่แพ้กันว่าจะมีชะตาชีวิตเหลืออีกเท่าไหร่ สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะพิจารณาจากคำพูด ท่าทาง ทุกอย่างเริ่มเชื่องช้า มีอาการเหมือน กำลัง "ควบคุมอวัยวะ" น้อยลงเรื่อยๆ คำพูดที่ช้าลง เหมือนคนลิ้นแข็ง ปฏิกิริยาโต้ตอบ ช้าลง นี่คงเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากอาการทางสมอง ซึ่งถ้ายังไม่ปล่อยวาง ยังไม่ยอมเลิก ไม่รู้จักพอ ยังคิดที่จะสะสมอำนาจ ยังรับใช้เป็นขี้ข้าทักษิณ ชะตากรรมเบื้องหน้าคงอยู่ไม่ไกล แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากสถิติคงเส้นคงวาเฉพาะตัวของเหลิม คือ "เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด" แต่คราวนี้ไม่น่าจะใช่หัวหน้าอย่างเดียว ตายยกแก๊งเสียมากกว่า !!
00 การประกาศขยายพื้นที่ความมั่นคงทั่วทั้ง กทม.นนทบุรี และปทุมธานี สมุทรปราการ บางพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าไร้ความหมาย ไม่มีใครยอมรับ เพราะคนที่ประกาศคำสั่งถือว่าไม่ได้มีตำแหน่งทางกฎหมายรองรับแล้ว ทุกอย่างเป็น "โมฆะ" ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งการประกาศดังกล่าว ยังเป็นการขัดขวางสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินความจำเป็น เป็นเพียงการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง คนในครอบครัว และเครือข่ายเท่านั้น
00 สิ่งที่เคียงคู่มากับ "ทรราช"เสมอก็คือ "ความหน้าด้าน" ไร้ยางอาย เพราะต่อให้มีปริมาณมวลชนออกมาขับไล่มากมายมหาศาลเท่าไหร่ก็ตามคนพวกนี้มันไม่มีทาง"รู้สึกรู้สา" อ้างอยู่อ้างเดียวว่า กูมาจากการเลือกตั้ง ชาวบ้านเลือกกูมาแล้ว จะทำอะไรก็ได้ หากไม่พอใจให้รอครบ 4 ปีแล้วเลือกตั้งกันใหม่ คือมันจะมั่วอย่างเดียวว่า "กูมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้" ประชาธิปไตยของพวกมัน แม้กูจะชั่วจะโกงอย่างไร มึง(ชาวบ้าน) ก็ไม่มีสิทธิ์โวย ให้นั่งดูตาปริบๆแล้วรอเลือกตั้งใหม่ และถึงตอนนั้นกูก็ซื้อเตรียมไว้หมดแล้ว พวกกูก็ชนะกลับมาอีก แต่ถึงอย่างไรคนพวกนี้จะอยู่ไม่ได้ เมื่อประชาชนรู้ทันและลุกขึ้นมาขับไล่กันแบบ "ไม่เลิก" และบทสรุปทุกครั้งคือ "ต้องเผ่นหนีออกนอกประเทศ" และทั้งโคตรกำลังจะตามไปสมทบกันที่ดูไบกับ แม้ว ในอีกไม่ช้า
00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเช่นทุกครั้งที่มีขบวนมวลมหาประชาชนออกมา เราก็จะได้เห็นกลไกที่เป็นเครื่องของรัฐบาลที่ออกมาขัดขวางสร้างความปั่นป่วนรำคาญก็คือ "ตำรวจ"นั่นเอง แต่ในที่นี้หมายถึง "เฉพาะบางคน"ที่ทำลายศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จนย่อยยับ นั่นคือการประกาศยอมรับนับถือโจร ให้โจรประดับยศ พร้อมทั้งเดินทางไปมาหาสู่ ร่วมกันปิดบังเบาะแสอยู่ตลอดเวลา ใช่แล้วกำลังพูดถึง "คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง" ที่ประกาศก้องว่า "มีวันนี้พระพี่ให้"ซึ่งพี่คนนั้นคือ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีสถานะไม่ต่างจากโจรนั่นเอง ซึ่งอยู่ในบัญชีที่มวลชนต้อง "หมายหัว"เอาไว้อยู่ในบัญชีระดับต้นๆ
00 อีกคนที่น่าจับตาไม่แพ้กันว่าจะมีชะตาชีวิตเหลืออีกเท่าไหร่ สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะพิจารณาจากคำพูด ท่าทาง ทุกอย่างเริ่มเชื่องช้า มีอาการเหมือน กำลัง "ควบคุมอวัยวะ" น้อยลงเรื่อยๆ คำพูดที่ช้าลง เหมือนคนลิ้นแข็ง ปฏิกิริยาโต้ตอบ ช้าลง นี่คงเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากอาการทางสมอง ซึ่งถ้ายังไม่ปล่อยวาง ยังไม่ยอมเลิก ไม่รู้จักพอ ยังคิดที่จะสะสมอำนาจ ยังรับใช้เป็นขี้ข้าทักษิณ ชะตากรรมเบื้องหน้าคงอยู่ไม่ไกล แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากสถิติคงเส้นคงวาเฉพาะตัวของเหลิม คือ "เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด" แต่คราวนี้ไม่น่าจะใช่หัวหน้าอย่างเดียว ตายยกแก๊งเสียมากกว่า !!