สน.พระอาทิตย์/สามยอด
กลายเป็นประเด็นคำถามถึงความเหมาะสมหรือไม่ กรณี “พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์”ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ทำหน้าที่เป็นตัวแทน “พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้มีสถานะเป็นนักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาที่ศาลสั่งจำคุก
นำเงินของนักโทษทักษิณมาร่วมสมทบทำบุญที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
จากที่ช่วงบ่ายวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาพล.ต.ต.องอาจ และคณะนายตำรวจอีกกว่า 20 นายอ้างเป็นตัวแทนพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมามอบเงิน 3,334,999 บาทเพื่อร่วมสมทบในการสร้างพระพุทธลีลาปางประทานพรเพื่อไว้ประดิษฐานบนยอดวิหารเทพวิทยาคม(วิหารธรรมกลางสระน้ำวัดบ้านไร่) วัดบ้านไร่
พล.ต.ต.องอาจให้สัมภาษณ์ด้วยความภาคภูมิใจบอกพ.ต.ท.ทักษิณได้มอบหมายให้ตัวเองนำเงิน 3,000,000 บาท มามอบให้วัดบ้านไร่ และคณะนายตำรวจพร้อมข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาก็ได้ร่วมสมทบเพิ่มอีกเป็น 334,999 บาท รวมกันแล้วก็เป็น 3,334,999บาท
การทำบุญทำทาน การบริจาค การส่งเสริมพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนควรปฏิบัติหรือการเป็นตัวแทน เป็นผู้แทนผู้ที่รักใคร่สร้างกุศลผลบุญไม่ใช่เรื่องแปลกแต่การที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นผู้รักษากฎหมายบ้านเมือง ใช้เวลาราชการเป็นตัวแทนนักโทษ ซึ่งอยู่ในสถานะนักโทษหนีคดีด้วยมาทำบุญแทน
นอกจากหมิ่นเหม่ในแง่กฎหมายแล้วในเรื่องความ “เหมาะสม”สังคมย่อมต้องเกิดคำถาม
ขนาดสมชายโล่สถาพรพิพิธ ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร ยังมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม!!!
“พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ต้องโทษหลบหนีคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ แต่ผู้การฯนครราชสีมา เป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งต้องตามจับโจรผู้ร้าย ไม่ใช่มาทำหน้าที่เป็นตัวแทนนักโทษหนีคดีไปมอบเงินให้วัดและเอาเวลาราชการไปทำอย่างนั้น ต้องถามกลับ พล.ต.ต.องอาจ ทำเหมาะสมแล้วหรือไม่ต้องประเมินตัวเองด้วย”
ดูจะแตกต่างหน้ามือเป็นหลังเท้ากับช่วงม็อบสหกรณ์ภาคอีสานกว่า 3,000คน ปิดถนนมิตรภาพ หน้าเรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาเพื่อเรียกร้องเรื่องหนี้สิน พล.ต.ต.องอาจประกาศจะต้องขอหมายศาลออกหมายจับแกนนำที่ทำการปิดถนน เพราะถือว่าผิดกฎหมาย พร้อมทั้งสั่งระดมกำลังตำรวจ 3 กองร้อย มาเตรียมไว้
ก่อนหน้านี้กรณีพล.ต.ท.คำรณวิทย์ธูปกระจ่าง ผบช.น.เดินทางไปให้พ.ต.ท.ทักษิณประดับยศให้ในต่างแดนก็เป็นเรื่องเป็นราวที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในเรื่องจริยธรรมและทำให้องค์กรตำรวจเสียเกียรติหรือไม่กระทั่งมีคนไปร้องต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบ
สุดท้ายทางสำนักงานตรวจการแผ่นดินเห็นว่าอาจเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและส่งต่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้นสังกัดไปดำเนินการต่อ
แม้ท่าทีสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ค่อยใส่ใจนักอันเห็นได้จากระบอกเสียงตำรวจ “พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย” โฆษกสำนักงาตำรวจแห่งชาติตอบข้อถามเรื่อง นายรักษเกชา แฉ่ฉาย”โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินบอกถึงกรณีพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ทำหนังสือแจ้งการตั้งจเรตำรวจแห่งชาติสอบจริยธรรมพล.ต.ท.คำรณวิทย์ว่า “ก็ว่าไปตามนั้น...ท่านก็พูดเองตอบเองอยู่แล้วนี่ครับ ก็เป็นไปตามนั้น”
จึงไม่แปลกใจท่าทีเมินเฉยในการตรวจสอบจริยธรรมพล.ต.ท.คำรณวิทย์ต่อการเดินทางไปให้นักโทษหนีคดีประดับยศให้ของโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะแม่ทัพใหญ่สีกากี อย่างพล.ต.อ.อดุลย์ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก
เพราะช่วงหนึ่งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็นำเงินที่อ้างว่ามาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มาโชว์สื่อ เพื่อให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสในคดีที่มีคนเข้าไปเผาเวิร์ดเทรดระหว่างการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง พล.ต.อ.อดุลย์ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่นักโทษหนีคดีเป็นผู้มอบเงินให้กับตำรวจมามอบต่อให้ผุ้แจ้งเบาะแสในคดี
มิหนำซ้ำในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผบ.ตร.-ผบช.ประจำปีที่เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆร้อนๆ ปมจริยธรรมในการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ไม่ได้ถูกหยิบยกนำมาพิจารณามิหนำซ้ำพล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังยึดตำแหน่ง “ผบช.น.”ต่อไปอีกปี
เช่นเดียวกับกรณีพล.ต.ต.องอาจ ที่อ้างเป็นตัวแทนพ.ต.ท.ทักษิณรับมอบเงินจำนวน 3 ล้านบาทมาสมทบทุนโครงการสร้างพระพุทธลีลาปางประทานพร วัดบ้านไร่ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บัญชาการ(รองผบช.)-ผู้บังคับการ(ผบก.)ทั่วประเทศประจำปี 2556 ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอกรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก.ตร.ในวันศุกร์ที่ 27 ก.ย.นี้
โผรายชื่อที่แพลมออกมาว่ากันว่าพล.ต.อ.อดุลย์จะเสนอชื่อให้ ก.ตร.พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนั้น มีชื่อ พล.ต.ต.องอาจขยับจาก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จังหวัดที่มีขนาดเล็กกกว่าแต่อุดมไปด้วยทรัพยากรต่างๆ เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว รวมทั้งจัดเป็นกองบังคับการจังหวัดระดับเกรดเอแห่งหนึ่งในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หากทุกอย่างเป็นไปตามกระแสข่าวที่หลุดรอดออกมาก.ตร.อนุมัติให้พล.ต.ต.องอาจ จาก ผู้การฯนครราชสีมา ไปเป็น ผู้การฯภูเก็ต จริงๆกรรมการ ก.ตร. ก็คงต้องตอบสังคมเช่นกันว่า มองพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้มีหน้าที่รักษากฎหมาย เป็นตัวแทนให้กับนักโทษหนีคดีอย่างไร
หรือมองว่าค่าของคนอยู่ที่คนของข้า“ผลงาน”หรือจะสู้ “ถวายตัว”รับใช้!