เกาะกระแส
00 นาทีนี้ถือว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ต่างจากรัฐบาลโจร หมดความชอบธรรม หมดสภาพการใช้อำนาจรัฐโดยสิ้นเชิงแล้ว หมดสิ้นมาตั้งแต่ศาลรธน.วินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.แก้ไขรธน.เกี่ยวกับที่มา สว.มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และนายกฯได้รวบรัดนำกม.มลทินขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะเดียวกันการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ที่เห็นชอบกับการแก้ไขและวิธีการแก้ไขดังกล่าวจำนวน 312 ได้แถลงปฏิเสธการยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรธน.ที่มีผลผูกพันทุกองค์กรตามรธน.ก็ย่อมชัดเจนแล้วว่าคนพวกนี้จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มีสภาพไม่ต่างจากกบฎ กลายสภาพเป็นรัฐบาลโจร สภาโจรไปโดยฉับพลันทันที
00 การประกาศขยายพื้นที่ความมั่นคงทั่วทั้งกทม.นนทบุรีและปทุมธานี สมุทรปราการบางพื้นที่ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 26 พย.ที่ผ่านมาของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่าไร้ความหมาย ไม่มีใครยอมรับ เพราะคนที่ประกาศคำสั่งถือว่าไม่ได้มีตำแหน่งทางกฎหมายรองรับแล้ว ทุกอย่างเป็น "โมฆะ" ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งการประกาศดังกล่าวยังเป็นการขัดขวางสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินความจำเป็น เป็นเพียงการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองคนในครอบครัวและเครือข่ายเท่านั้น
00 ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงการเอาแต่ได้ คิดแต่ใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมืออย่างร้ายกาจที่สุด เพราะในเมื่อตัวเองประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาล ไม่ยอมรับคำสั่งศาล และกลไกอื่นตามรัฐธรรมนูญ เช่น ท่าทีไม่ยอมรับการพิจารณาคดีของปปช.กรณีของ 312 ส.ส.-สว.ที่ทำผิดกม. เพื่อรักษาตัวรอดก็กลับประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงมาบังคับคนอื่น แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีความหมาย เพราะรัฐบาล ตัวนายกฯยิ่งลักษณ์ และสภาทาส พวกนี้ได้หมดสภาพไปแล้ว ไม่ต่างจาก รัฐบาลเถื่อน สภาโจร
00 การเดิน "อารยะ"เพื่อเข้ายึดสถานที่ราชการหลายแห่ง เพื่อแสดงสัญลักษณ์ถึงการ"ขัดขวาง"การทำหน้าที่ของกลไกรัฐบาลโจร และการบุกเข้ายึดดังกล่าวกระทำ"โดยสันติ" โดยพลังประชาชน สามารถทำได้ เพราะนี่คือ"อารยะขีดขืน"แม้บางครั้งดูแลอาจจะ"คาบเกี่ยว"กับการทำผิดกม.ก็ตาม แต่นั่นไม่เท่ากับเป้าหมายสำคัญคือการขีดขวางการทำงานของรัฐบาลที่มิชอบ และหมดความชอบธรรมไปแล้ว
00 อย่างไรก็ดีสิ่งที่เคียงคู่มากับ "ทรราช"เสมอก็คือ "ความหน้าด้าน" ไร้ยางอาย เพราะต่อให้มีปริมาณมวลชนออกมาขับไล่มากมายมหาศาลเท่าไหร่ก็ตามคนพวกนี้มันไม่มีทาง"รู้สึกรู้สา" อ้างอยู่อ้างเดียวว่ากูมาจากการเลือกตั้ง ชาวบ้านเลือกกูมาแล้วจะทำอะไรก็ได้ หากไม่พอใจให้รอครบ 4 ปีแล้วเลือกตั้งกันใหม่ คือมันจะมั่วอย่างเดียวว่า "กูมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้" ประชาธิปไตยของพวกมัน แม้กูจะชั่วจะโกงอย่างไร มึง(ชาวบ้าน)ก็ไม่มีสิทธิ์โวยให้นั่งดูตาปริบๆแล้วรอเลือกตั้งใหม่ และถึงตอนนั้นกูก็ซื้อเตรียมไว้หมดแล้ว พวกกูก็ชนะกลับมาอีก แต่ถึงอย่างไรคนพวกนี้จะอยู่ไม่ได้เมื่อประชาชนรู้ทันและลุกขึ้นมาขับไล่กันแบบ "ไม่เลิก" และบทสรุปทุกครั้งคือ "ต้องเผ่นหนีออกนอกประเทศ" และทั้งโคตรกำลังจะตามไปสมทบกันที่ดูไบกับ แม้ว ในอีกไม่ช้า
00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเช่นทุกครั้งที่มีขบวนมวลมหาประชาชนออกมา เราก็จะได้เห็นกลไกที่เป็นเครื่องของรัฐบาลที่ออกมาขัดขวางสร้างความปั่นป่วนรำคาญก็คือ "ตำรวจ"นั่นเอง แต่ในที่นี้หมายถึง "เฉพาะบางคน"ที่ทำลายศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จนย่อยยับ นั่นคือการประกาศยอมรับนับถือโจร ให้โจรประดับยศ พร้อมทั้งเดินทางไปมาหาสู่ ร่วมกันปิดบังเบาะแสอยู่ตลอดเวลา ใช่แล้วกำลังพูดถึง "คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง" ที่ประกาศก้องว่า "มีวันนี้พระพี่ให้"ซึ่งพี่คนนั้นคือ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีสถานะไม่ต่างจากโจรนั่นเอง ซึ่งอยู่ในบัญชีที่มวลชนต้อง "หมายหัว"เอาไว้อยู่ในบัญชีระดับต้นๆ
00 อีกคนที่น่าจับตาไม่แพ้กันว่าจะมีชะตาชีวิตเหลืออีกเท่าไหร่ สำหรับ รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะเมื่อพิจารณาจากคำพูด ท่าทาง ทุกอย่างเริ่มเชื่องช้า มีอาการเหมือนกำลัง"ควบคุมอวัยวะ"น้อยลงเรื่อยๆ คำพูดที่ช้าลง เหมือนคนลิ้นแข็ง ปฏิกิริยาโต้ตอบ ช้าลง นี่คงเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากอาการทางสมอง ซึ่งถ้ายังไม่ปล่อยวาง ยังไม่ยอมเลิก ไม่รู้จักพอ ยังคิดที่จะสะสมอำนาจ ยังรับใช้เป็นขี้ข้าทักษิณไม่เลิก ชะตากรรมเบื้องหน้าคงอยู่ไม่ไกล แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากสถิติคงเส้นคงวาเฉพาะตัวของเหลิมคือ "เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด"แต่คราวนี้ไม่น่าจะใช่หัวหน้าอย่างเดียว ตายยกแก๊งเสียมากกว่า !!