นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26-27พ.ย.นี้ ว่า ตามญัตติของพรรค มีแนวทางอภิปราย 3 ประการคือ 1. ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2. อภิปรายด้วยข้อมูล พยานหลักฐานที่จะชี้ให้ประชาชน และสภาเห็นว่า นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ พยายามดำเนินการผิดกฎหมายอย่างไร และ 3 . จะอภิปรายอย่างตรงประเด็น กระชับ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการติดตามการอภิปราย และต้องการให้นายกฯ ชี้แจงด้วยตัวเอง ไม่ควรมอบหมายให้รัฐมนตรีคนอื่นมาชี้แจงแทน เพราะสิ่งที่พรรคจะอภิปรายเกี่ยวข้องโดยตรงกับอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี ดังนั้นนายกฯต้องตอบคำชี้แจงของฝ่ายค้านด้วยตัวเอง
"ขอเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลเคารพการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้านด้วยเพราะเป็นมาตรการสำคัญที่หนึ่งปีทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯด้วยการยกมือประท้วงเพื่อขัดขวางการทำงานของฝ่ายค้าน เพราะถ้าหากทำอย่างนั้นอาจทำให้ต้องมีการอภิปรายไปถึงวันที่ 28 พ.ย. เนื่องจากต้องเสียเวลาไปกับการประท้วงของรัฐบาล จึงขอให้ประธานที่ควบคุมการประชุมทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อชี้ให้เห็นว่า ญัตติที่เราส่งให้ประธานสภาฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ในการสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานที่ล้มเหลว และการทุจริตที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่สมควรได้รับความไว้วางใจให้บริหารประเทศอีกต่อไป"
สำหรับการยื่นถอดถอน และดำเนินคดีอาญากับสมาชิกรัฐสภาที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญในการเสนอ มีส่วนร่วม และเห็นชอบ ในร่างรธน.แก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มาส.ว.นั้น ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ยกร่างคำร้อง และรวบรวมรายชื่อส.ส.เพื่อยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดยจะยื่นคำร้องได้ภายในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า มีความผิดสมาชิกรัฐสภาที่ถูกยื่นคำร้อง จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาล มีรายงานข่าวจาก"วอร์รูม" ที่กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า ที่ประชุมมีการวิเคราะห์กันว่า ในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 26 –27 พ.ย. ผู้ชุมนุมจะพยายามปั่นป่วนให้สภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถลงมติได้ เพราะหากปล่อยให้มีการลงมติเสร็จสิ้น จะทำให้นายกฯ สามารถยุบสภาได้ จึงต้องขัดขวาง เพื่อให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง โดยขณะนี้ทราบมาว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เริ่มมีการวางตัวนายกฯคนใหม่ไว้แล้วคือ 2 ป. 2 อ. และ 1 พ. คนใดคนหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมสถานที่สำรองเอาไว้ เพื่อให้สามารถลงมติได้
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยังได้โทรศัพท์มาหา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน โดยได้กำชับให้หลีกเลี่ยงอย่าให้มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายได้ เนื่องจากขณะนี้พบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นต้องการยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับการประชุม ครม.ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ นายกฯ ยังแสดงเจตนารมย์ว่า อยากจะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันว่า สามารถบริหารจัดการได้ เบื้องต้นจึงยังยืนสถานที่เดิมอยู่ เพียงแต่ได้มีการเตรียมสถานที่สำรองไว้ประมาณ 2 ที่ ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าไปประชุมในทำเนียบรัฐบาลได้ แต่ไม่ใช่กระทรวงการต่างประเทศอย่างที่มีข่าวก่อนหน้านี้แน่นอน
"ขอเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลเคารพการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้านด้วยเพราะเป็นมาตรการสำคัญที่หนึ่งปีทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯด้วยการยกมือประท้วงเพื่อขัดขวางการทำงานของฝ่ายค้าน เพราะถ้าหากทำอย่างนั้นอาจทำให้ต้องมีการอภิปรายไปถึงวันที่ 28 พ.ย. เนื่องจากต้องเสียเวลาไปกับการประท้วงของรัฐบาล จึงขอให้ประธานที่ควบคุมการประชุมทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อชี้ให้เห็นว่า ญัตติที่เราส่งให้ประธานสภาฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ในการสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานที่ล้มเหลว และการทุจริตที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่สมควรได้รับความไว้วางใจให้บริหารประเทศอีกต่อไป"
สำหรับการยื่นถอดถอน และดำเนินคดีอาญากับสมาชิกรัฐสภาที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญในการเสนอ มีส่วนร่วม และเห็นชอบ ในร่างรธน.แก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มาส.ว.นั้น ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ยกร่างคำร้อง และรวบรวมรายชื่อส.ส.เพื่อยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดยจะยื่นคำร้องได้ภายในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า มีความผิดสมาชิกรัฐสภาที่ถูกยื่นคำร้อง จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาล มีรายงานข่าวจาก"วอร์รูม" ที่กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า ที่ประชุมมีการวิเคราะห์กันว่า ในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 26 –27 พ.ย. ผู้ชุมนุมจะพยายามปั่นป่วนให้สภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถลงมติได้ เพราะหากปล่อยให้มีการลงมติเสร็จสิ้น จะทำให้นายกฯ สามารถยุบสภาได้ จึงต้องขัดขวาง เพื่อให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง โดยขณะนี้ทราบมาว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เริ่มมีการวางตัวนายกฯคนใหม่ไว้แล้วคือ 2 ป. 2 อ. และ 1 พ. คนใดคนหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมสถานที่สำรองเอาไว้ เพื่อให้สามารถลงมติได้
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยังได้โทรศัพท์มาหา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน โดยได้กำชับให้หลีกเลี่ยงอย่าให้มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายได้ เนื่องจากขณะนี้พบว่า มีกลุ่มวัยรุ่นต้องการยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับการประชุม ครม.ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ นายกฯ ยังแสดงเจตนารมย์ว่า อยากจะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันว่า สามารถบริหารจัดการได้ เบื้องต้นจึงยังยืนสถานที่เดิมอยู่ เพียงแต่ได้มีการเตรียมสถานที่สำรองไว้ประมาณ 2 ที่ ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าไปประชุมในทำเนียบรัฐบาลได้ แต่ไม่ใช่กระทรวงการต่างประเทศอย่างที่มีข่าวก่อนหน้านี้แน่นอน
