xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

วางคิวรูดม่าน "ม็อบราชดำเนิน" ทางเลือกที่เหลือน้อยของปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ยิ่งยื้อไปยิ่งหมดมุก ยิ่งฝืนยิ่งหาทางลงยาก สำหรับม็อบราชดำเนิน ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นโต้โผใหญ่ เรียกว่าเปิดหน้าเล่นเทหมดหน้าตักทุ่มสุดตัว

อย่างที่รู้กันว่า กระบวนการจัดทัพใหญ่ครั้งนี้นำโดย“สุเทพ เทือกสุบรรณ”เป็นหัวเรือใหญ่ มี“ถาวร เสนเนียม”อดีต ส.ส.สงขลา เป็นสมุนมือขวา มี “วิทยา แก้วภราดัย” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นสมุนมือซ้าย

ที่เหลือเป็น ส.ส.ปชป. ที่ “สุเทพ”คัดตัวแล้วว่าสามารถไว้ใจได้ ชี้สเปกไปที่เก็บ “ความลับ”ให้ได้ พวกเก็บความลับไม่ได้ สุเทพ เขี่ยทิ้งริมทางหมด

ถือว่าผลสัมฤทธิ์ปลุกประชาชนให้ออกมาต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้ผลใน ยกแรก จนกรรมการเกือบจะยุติการชกกลางคัน

แต่ฟากฝั่งรัฐบาลเพื่อไทย เล่นเกมยื้อถ่วงเวลา จนหลังๆ นักชกจากแดนสะตอ เริ่มอาวุธเปะปะ ไม่เข้าเป้า

หากยังจำกันได้ช่วงจัดทัพใหม่ๆ พรรคประชาธิปัตย์ใช้พวกขาใหญ่อย่าง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ”ส.ส.พัทลุง “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินสายดีลล์กับแทบทุกกลุ่มที่มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาล

โดยเฉพาะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เทียวไล้เทียวขื่อหลายรอบ แต่ปรากฎว่า ดีลล่ม เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้ ส.ส.ปชป. แสดงความจริงใจด้วยการลาออกทั้งหมดก่อน

แต่เมื่อดีลล์กับหลายกลุ่ม ทำให้“ความลับ”หลายอย่างที่ สุเทพ เก็บงำไว้เล็ดลอดออกมา อย่างท๊อปซีเค็รตกับท๊อปบูท ที่ สุเทพยังต่อสายคุยกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา”ผบ.ทบ.

และไว้ใจถึงขนาดพูดเป็นการภายในว่า“พล.อ.ประยุทธ์”จะมาเป็นไม้ตายเผด็จศึกรัฐบาลให้

เมื่อ “ความลับ”รู้ถึงหูคนอื่น สุเทพก็เก็บมาเป็นบทเรียน และไม่ยอมผิดพลาดในการเคลื่อนทัพครั้งใหญ่ ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

ชื่อของ “นิพิฏฐ์-กัลยา”จึงแทบจะหายไปจากสารบบ โดยเฉพาะ นิพิฏฐ์ ที่ถูก สุเทพ และชาวคณะ กีดกันไม่ให้เหยียบขึ้น เวทีราชดำเนิน เลยแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ

เช่นเดียวกับชื่อของ“เฉลิมชัย ศรีอ่อน”เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ สุเทพ ตั้งแต่ต้นแล้ว ก็ไม่ปรากฏแม้แต่เงาหรือเสบียงหนุนหลังเช่นกัน

หากมองให้ลึกศึกใหญ่ของ ปชป. ครั้งนี้ เหมือนจะไม่ค่อยพร้อมคนในพรรคเอง หลายคนยังเดินกันคนละทาง ไม่ได้สามัคคีรวมกันมายกพรรคเหมือนอย่างที่สังคมภายในรับรู้กัน

เพราะการวางหมากกำหนดยุทธศาสตร์ทุกฝีก้าวของ“ค่ายสะตอ”จึงเสมือนโดน สุเทพ และชาวคณะ ยึดอำนาจไปดูแลเองทั้งหมด

บรรดา ส.ส.ปชป. ที่ถูกขีดเส้นให้อยู่ “วงนอก”จึงหมดสิทธิร่วมตัดสินใจด้วย หมดสิทธิ์แม้แต่จะรู้ เกมล่วงหน้า รู้อีกทีก็ต้องรอให้ สุเทพ ประกาศบนเวทีชุมนุม

เมื่อยังมีแนวทางที่ขัดกันเอง ไม่ได้มาแบบจัดเต็ม การขับเคลื่อนเกมจากที่ถูกมองว่าเป็น“มือสมัครเล่น”อยู่แล้ว ยิ่งทำให้ลดดีกรีความเข้มข้นเข้าไปอีก

จะเห็นได้จากเกมอารยะขัดขืน ที่ สุเทพวางไว้ ไร้การตอบรับจากสังคมอย่างสิ้นเชิง ทั้งการหยุดงาน-ชะลอจ่ายภาษี ที่เหมือนจะเรียกเสียงฮือฮาได้จากมวลชนที่ร่วมชุมนุมด้วย แต่เมื่อเช็กดูกระแสแล้ว ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนอย่างที่ สุเทพ และคณะ คิดการเอาไว้

มุก อารยะขัดขืนจึงแป้ก เหมือนกระสุนที่ยิงออกไปแล้วไม่โดนเป้าหมาย แถมยังเลี้ยวกลับมาทำร้าย สุเทพ และชาวคณะ เสียด้วยซ้ำ

เพราะ รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย นำประเด็นหยุดงาน-ชะลอเสียภาษี ไปดิสเครดิตกลับอีกต่างหาก

โดยอ้างข้อกฎหมายว่ามีความผิดเต็มๆ ในการยุยงปลุกปั่นประชาชน แม้จะอ้างว่าเป็นอารยะขัดขืน แต่สิ่งไหนที่ทำแล้วไม่มีความชอบธรรม “ผู้สั่งการ”ย่อมผิดเสมอ

เกมเรียกมวลชน ของ"สุเทพ-ปชป." จึงต้องหาจุดเปลี่ยน

เพราะประเด็นต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ซาลงไป หรือ ประเด็นปราสาทพระวิหาร ที่หวังให้มาเป็นตัวเร่ง เหมือนจะโดนรัฐบาลแก้เกมปลดล็อกออกไปได้เกือบหมด หากจะยังยืนหยัดประเด็นเดิม มวลชน คงมีแต่หดหายเข้าไปทุกวัน

ดังนั้น "สุเทพ-ปชป. "จึงต้องหวังให้ตัวช่วยอื่นออกมาจุดกระแสให้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง

ตัวช่วยที่ 1 เกมในสภาที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาล โดยโฟกัสไปที่ “โครงการรับจำนำข้าว” ที่ “วรงค์ เดชกิจวิกรม” ส.ส.พิษณุโลก คุยหนักคุยหนาว่ามีหมัดเด็ดไว้รอน็อกอยู่

ในทางลึกปชป. ฝ่ายค้าน คิดว่าหลักฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว สามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้ โดยเฉพาะ “เจ๊ ด.” ผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาล หนึ่งในพี่น้องตระกูล“ชินวัตร”

ว่ากันว่า ปชป.ขยายปมความชั่วร้ายของตระกูล“ชินวัตร”เรียกแขก-เรียกมวลชน ให้พร้อมสู้ร่วมกับ ปชป. อีกครั้ง

นอกจากนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปชป. ยังสามารถจุดประเด็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขยายปม 180 วัน ปลุกให้ประชาชน มีลูกฮึดกลับมา

โดยล่าสุดกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ที่ 23-25 พฤศจิกายน เปิดเป้าไปที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม

ตัวช่วยที่ 2 คือ การรอวัดใจ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีคำตัดสินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ในวันที่ 20 พ.ย.นี้

เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้การกระทำของ “พรรคเพื่อไทย”มีความผิด โทษอาจจะถึงขั้นยุบพรรค กระแสอาจจะสวิงกลับมาอยู่ที่ "สุเทพ-ปชป." จุดเงื่อนไขเพิ่มจำนวนผู้ชุมนุมได้ไม่ยาก

ดีไม่ดีอาจจะเรียกคนออกได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะจะมีความชอบธรรมในการขับไล่ รัฐบาลขึ้นมาทันที

แต่ทางกลับกันหากศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินในทางตรงกันข้าม ทุกอย่างก็เข้าทาง“รัฐบาล” ที่จะมีความชอบธรรมในการบริหารงานต่อได้อย่างสะดวกโยธินเหมือนกัน

จับสัญญาณจากศาลรัฐธรรมนูญในระยะหลัง “เซียนการเมือง”อ่านทางลมกันยาก เพราะจู่ๆ คำตัดสินใจหลายคดีช่างเป็นใจกับรัฐบาลเหลือเกิน จนบางคนอดใจไม่ได้ ที่จะคิดว่า ลมเปลี่ยนทิศไปแล้ว

คำตัดสินจะออกมาอย่างไร ต้องรอลุ้นกันชนิดตัวโก่ง-หลังโก่ง ในวันที่ 20 พฤศจิกายน

เพราะชั่วโมงนี้ ปประชาธิปัตย์ มีตัวช่วยแค่ 2 ตัวนี้จริงๆ

ตรงกันข้ามกับการชุมนุมของ “เครือข่ายนักศึกษา ประชาชน ปฏิรูปประเทศไทย” (คปท.) ซึ่งชุมนุมอยู่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่ไม่สนใจ “ตัวช่วย”เพราะต้องหวังพึ่งตัวเอง

โดย คปท. จัดกิจกรรมกระตุ้นมวลชน ด้วยการเคลื่อนทัพไปยังถนนสีลม ให้ออกมาต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 นั่นเพราะ ชาวสีลม เคยแสดงพลังออกมาให้เห็นแล้ว ในช่วงการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า คนชั้นกลางมีพลังมากเพียงใด

หาก คปท. สามารถดึงคนชั้นกลางออกมาจากถนนสีลม ให้มาร่วมขบวนกับคปท. ที่เชิงสะพานมัฆวานฯ ได้ พลังของ คปท. จะเพิ่มขึ้นสูงมาก

ระยะหลังบรรดานักจัดม๊อบ “มืออาชีพ”เข้าไปร่วมขบวนกับ คปท.หลายคน การกำหนดยุทธศาสตร์ จึงดูเป็นรูปเป็นร่าง สะสมมวลชนจากน้อยให้เพิ่มมากขึ้น ก็เป็นได้

ซึ่งต้องรอตามดูว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ?

ด้านรัฐบาลโดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ยังคงใช้ยุทธศาสตร์ “นิ่ง”เพื่อสยบความเคลื่อนไหวเหมือนเดิม เพราะคาดกันว่า มวลชน ที่พอมีคนเยอะหน่อยคือเวทีราชดำเนิน แต่ไม่ “ฮาร์ดคอร์”พอ จึงไม่น่ากลัวอะไร

ล่าสุด หน่วยงานความมั่นคง ประเมินว่า หากผ่านพ้น วันที่ 15 พฤศจิกายน ซึ่ง “สุเทพ-ปชป.”นัดหมายคนครั้งใหญ่อีกครั้ง ถ้าผ่านไปได้โดยไม่มีเหตุการณ์อะไร สภาวะทุกอย่างก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ

ในการประชุมด้านการข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วาระเรื่อง “ม๊อบ”จึงไม่มีเอกสารมารายงานในที่ประชุม มีเพียงคาดการณ์กันปากเปล่า บรรยากาศในที่ประชุมเหมือนวางใจกับสถานการณ์ว่า สามารถควบคุมได้

ยิ่งหาก "2 ตัวช่วย"ของ "สุเทพ-ปชป." ทำงาน-ตัดสิน ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ม๊อบคงฝ่อตัวไปเอง

ทางลงของ“สุเทพ-ปชป.”อาจจะถูกบีบให้เหลือน้อยลง แต่เมื่อสู้แล้วไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์อะไร “สุเทพ-ปชป.”ก็จำเป็นต้องลงจากหลังเสือ เก็บรับประสบการณ์กลับบ้านไปนอนคิดว่าพลาดในช็อตใด

ทางลงหนึ่งที่ "สุเทพ-ปชป." ควรฉวยโอกาสไว้คือ วาระเดือนมหามงคล ที่จะมีการจัดงานยิ่งใหญ่ประจำปีของประเทศไทย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ถนนราชดำเนิน“สุเทพ-ปชป.”สามารถนำเหตุผลดังกล่าวอ้างกับประชาชน ได้ แล้วประกาศบนเวทีว่าพร้อมที่จะกลับมาใหม่

เป็นฉากจบที่พอจะสวยงามอยู่ ก็อยู่ที่ว่า"สุเทพ-ปชป." จะเลือกหรือไม่ ?



กำลังโหลดความคิดเห็น